โดย อีริค คอนราด กรรมการผู้จัดการสำหรับกลุ่มลูกค้าภาครัฐของ AWS ในภูมิภาคอาเซียน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลูกค้าภาครัฐทั่วโลกได้เปลี่ยนมาใช้ระบบคลาวด์อย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมในภาครัฐ ภาคการศึกษา องค์กรไม่แสวงหากำไร หน่วยงานด้านอวกาศ และการดูแลสุขภาพ โดยเทคโนโลยีคลาวด์ช่วยให้ภาครัฐเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้บริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่มีความยืดหยุ่นและความปลอดภัย ก้าวเข้าสู่ปี 2566 เราจะมาดูกันว่าเทคโนโลยีของภาครัฐจะเป็นอย่างไรต่อไป และวิธีที่องค์กรภาครัฐสามารถปรับตัวและสร้างนวัตกรรมต่อไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่หยุดนิ่ง รวมถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ใช้ปลายทางและองค์ประกอบต่าง ๆ ได้สําเร็จ
1. การนำ AI และ ML มาใช้มากขึ้นเพื่อพัฒนาผลลัพธ์ต่าง ๆ
เมื่อ AWS เริ่มต้นธุรกิจภาครัฐในปี 2553 ลูกค้าส่วนใหญ่สนใจระบบคลาวด์ด้วยเหตุผลสองประการ คือเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการโฮสต์เว็บไซต์และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ลูกค้าภาครัฐของเรามีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ และตระหนักถึงประโยชน์และศักยภาพเพิ่มเติมที่มีความคล่องตัวและความสามารถในการปรับขนาดตามการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยให้ภาครัฐสร้างและแนะบริการใหม่ ๆ ให้แก่ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น การสร้างแพลตฟอร์มด้านการฉีดวัคซีนทั่วประเทศภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ การเปิดตัวแอปเพื่อจัดการกับข้อมูลเท็จในช่วงสถานการณ์โควิด นอกจากนี้ ภาครัฐยังปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยเพื่อประหยัดเวลาและปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถประโยชน์ด้านทรัพยากรเพื่อมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้บริการ ปัจจุบัน ลูกค้าภาครัฐกำลังมองหาการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์สำหรับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แมชชีนเลิร์นนิง (ML) และ Internet of Things เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและประสิทธิภาพต่อไป
อีริค คอนราด กรรมการผู้จัดการสำหรับกลุ่มลูกค้าภาครัฐของ AWS ในภูมิภาคอาเซียน
ตัวอย่างเช่น โครงการ Zero Waste Zero Hunger (ZWZH) ในเกาหลีใต้ที่ใช้ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อลดเศษอาหาร โดยหัวใจสำคัญของโปรแกรมคือเครื่องสแกนอาหารสามมิติ (3D) ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์การบริโภคอาหารและให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ทั้งผู้จัดการโรงอาหารและผู้ที่มารับประทาน ซึ่งเครื่องสแกนใช้ AI และ ML เพื่อวิเคราะห์อาหารที่เหลือ ระบุเศษอาหารตามประเภทและต้นทุน รวมถึงการรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณที่ช่วยให้ผู้จัดการโรงอาหารเพิ่มประสิทธิภาพรายการอาหาร ปริมาณ และตัวเลือกเมนู โรงอาหารในประเทศเกาหลีใต้เฉลี่ยร้อยละ 30 ที่ใช้ ZWZH ในการช่วยลดเศษอาหาร ในขณะที่ลดปริมาณอาหารเหลือบนจานลงได้มากถึงร้อยละ 42
เราคาดหวังว่าในที่สุดแทบทุกแอปพลิเคชันจะนำ AI และ ML มาใช้ เพื่อช่วยขับเคลื่อนผลลัพธ์ ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาอันมีค่า และอื่น ๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการใช้ ML สิ่งสำคัญคือต้องมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูงเพื่อฝึกโมเดล ML ด้วยเหตุนี้ เราจึงแนะนำให้หน่วยงานต่าง ๆ สร้างกลยุทธ์ในการบริหารจัดการข้อมูลที่จะช่วยพัฒนาความสมบูรณ์ การเข้าถึง และความปลอดภัยของข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
2. การใช้คลาวด์เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของประชาชน
ประชาชนในปัจจุบันคาดหวังประสบการณ์ที่ราบรื่นเมื่อใช้บริการที่หน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ร้านค้า และโรงแรม ล้วนรู้จักลูกค้าของตน สามารถคาดการณ์ความต้องการ และตอบสนองความต้องการได้ของลูกค้าอย่างน่าประทับใจ ซึ่งประชาชนคาดหวังว่าหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐจะสามารถทำเช่นเดียวกันได้
หลายคนกำลังเผชิญกับความท้าทาย ภาครัฐและองค์กรภาครัฐจำนวนมากหันมาใช้ระบบคลาวด์มากขึ้น เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม ตั้งแต่การประกันการว่างงาน ไปจนถึงการให้บริการแก่ประชาชนโดยตรง
ผู้ให้บริการไปรษณีย์และจัดส่งพัสดุแห่งชาติในมาเลเซีย Pos Malaysia กำลังย้ายปริมาณงานมาอยู่บน AWS เพื่อทำให้การทำธุรกรรมนั้นราบรื่นยิ่งขึ้นด้วยโซลูชันดิจิทัลแบบใหม่ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในขณะเดียวกันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีลงกว่าร้อยละ 50 ซึ่ง Pos Malaysia จะใช้ AWS เพื่อสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลแบบบูรณาการ เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง และปรับปรุงการดําเนินงานทั่วประเทศได้ดียิ่งขึ้น ภาครัฐของรัฐเตลังคานาในประเทศอินเดียใช้ AWS เพื่อปรับปรุงการให้บริการประชาชนใน 33 แผนก 289 หน่วยงาน ตั้งแต่การดูแลในโรงพยาบาลไปจนถึงการชำระภาษีโรงเรือน ตัวอย่างเช่น การใช้ AWS ทำให้ Aarogyasri ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐในเตลังคานา สามารถอำนวยความสะดวกในการนำประกันสุขภาพไปใช้ ทำให้บริหารเวลาทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้โรงพยาบาลในรัฐเตลังคานากว่า 500 แห่งสามารถมุ่งเน้นไปที่การจัดลําดับความสําคัญของผู้ป่วย มากกว่าการแก้ปัญหาการหยุดงาน
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความมุ่งมั่นในการยกระดับและปรับปรุงประสบการณ์ของประชาชนให้เหมาะสมกับแต่ละคนจะแพร่หลายมากขึ้น ในขณะที่เรายังคงพัฒนาการวิเคราะห์ข้อมูล IoT และ ML ในขณะที่ภาครัฐคุ้นเคยกับการปรับใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้น
3. การทดลองกับการประมวลผลควอนตัม
คอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถเพิ่มความเร็วให้กับงานคำนวณที่มากกว่าความสามารถของคอมพิวเตอร์ทั่วไป และด้วยระบบคลาวด์ องค์กรไม่จำเป็นต้องเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของโลกหรือสถาบันวิจัยที่ก้าวหน้าที่สุดอีกต่อไปเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอันทรงพลังนี้
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา AWS ได้เปิดตัว Amazon Braket ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้ฮาร์ดแวร์ควอนตัมประเภทต่าง ๆ ได้ และนับเป็นครั้งแรกที่ Amazon Braket สามารถเปรียบเทียบเทคโนโลยีควอนตัมต่าง ๆ แบบเทียบเคียงกันและสลับกันได้ ด้วยการเปลี่ยนโค้ดเพียงบรรทัดเดียว และเมื่อเร็วๆ นี้ เรายังได้จัดตั้ง AWS Center for Quantum Computing ที่ California Institute of Technology (Caltech) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านการคำนวณควอนตัมและข้อมูลควอนตัม AWS Center for Quantum Networking มีเป้าหมายในการจัดการกับความท้าทายทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมพื้นฐานต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันใหม่ ๆ สำหรับเครือข่ายควอนตัม และเรามี Amazon Quantum Solutions Lab ที่ช่วยลูกค้าในการเร่งการพัฒนาโซลูชันควอนตัม
AWS ร่วมมือกับกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (MeitY) ในอินเดีย เพื่อจัดตั้ง Quantum Computing Applications Lab (QCAL) เพื่อให้ชุมชนวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ และนักพัฒนาสามารถเข้าถึงการพัฒนาการประมวลผลควอนตัม ที่สอดคล้องกับลําดับความสําคัญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐบาลอินเดียได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียใช้ AWS เพื่อเปิดตัวเครื่องสร้างตัวเลขที่สร้างตัวเลขสุ่มโดยไม่ได้รับผลกระทบจากความคิดของมนุษย์ด้วยความเร็วสูงและแบบเรียลไทม์
แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เราเชื่อว่าควอนตัมคอมพิวติ้งมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่และเป็นสิ่งที่เราจะลงทุนต่อไป เมื่อองค์กรต่าง ๆ สามารถทดลองใช้ควอนตัมคอมพิวติ้งได้ง่ายขึ้น เราจึงส่งเสริมให้ลูกค้าภาครัฐลองพิจารณาดูว่าควอนตัมสามารถทำอะไรเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของพวกเขาได้บ้าง
4. การใช้งานการสร้างแบบจำลองวัตถุขึ้นในโลกดิจิทัลที่มากขึ้นและการจำลองขนาดใหญ่
Digital Twin คือการสร้างแบบจำลองวัตถุขึ้นในโลกดิจิทัล มีการอัปเดตข้อมูลแบบไดนามิกเพื่อเลียนแบบโครงสร้าง สถานะ และพฤติกรรมที่แท้จริงของระบบ
แม้ว่าแนวคิดของ digital twins จะไม่ใช่เรื่องใหม่และย้อนไปถึงยุคแรก ๆ ของโครงการอวกาศ แต่ระบบคลาวด์กำลังทำให้เทคโนโลยีนี้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ดังนั้นลูกค้าของเราทุกคนจึงสามารถสร้างและเรียกใช้การจำลองได้ในวงกว้าง องค์กรต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้โดยไม่ต้องมีฮาร์ดแวร์พิเศษหรือความเชี่ยวชาญอีกต่อไป
ตัวอย่างเช่น
AWS IoT TwinMaker เป็นบริการที่ช่วยให้ลูกค้าสร้างแบบจำลองวัตถุขึ้นในโลกดิจิทัลที่ใช้งานได้จริงของระบบจริงและระบบดิจิทัล บริการนี้สร้างภาพดิจิทัลโดยใช้การวัดและการวิเคราะห์จากเซ็นเซอร์ กล้อง และแอปพลิเคชันระดับองค์กรที่หลากหลาย และเมื่อไม่นานมานี้ที่งาน re:Invent 2022 AWS ได้ประกาศ AWS SimSpace Weaver ซึ่งเป็นบริการประมวลผลที่จัดการโดย AWS แบบเต็มรูปแบบ ที่จะช่วยให้ลูกค้าสร้าง ดำเนินการ และเรียกใช้การจำลองขนาดใหญ่ได้
เราเห็นลูกค้าภาครัฐใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น University of Miami Miller School of Medicine ที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้ประกาศโครงการวิจัยที่ออกแบบมาเพื่อสร้าง "Digital Twin" ของแต่ละคน โดยใช้ข้อมูลด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่รวบรวมจากเซ็นเซอร์ในบ้านและบนร่างกาย เมื่อสร้างแล้วผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพจะใช้ Digital Twin ในการทดสอบและประเมินตัวเลือกการรักษาต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะนำไปใช้จริง นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่ช่วยให้สามารถจ่ายยาเฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำตามข้อมูลที่รวบรวมโดยตรงจากแต่ละบุคคลและสภาพแวดล้อมของพวกเขา
เมื่ออุปสรรคในการเริ่มต้นลดลงอย่างต่อเนื่อง เราคาดการณ์ว่าหน่วยงานภาครัฐจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จะใช้ digital twin เพื่อแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ
5. อวกาศเชิงพาณิชย์
การเติบโตที่สูงกว่าปกติในอุตสาหกรรมอวกาศทั่วโลกกำลังสร้างโอกาสมากมายสำหรับนวัตกรรม ในปี 2564 อุตสาหกรรมอวกาศเติบโตเร็วที่สุดในรอบหลายปี และจากยานอวกาศทั้งหมด 1,022 ลำที่อยู่ในวงโคจรในช่วงหกเดือนแรกของปี 2565 ส่วนใหญ่หรือ 958 ลำมาจากภาคการค้า
AWS ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงที่องค์กรในอุตสาหกรรมอวกาศมักเผชิญ ซึ่งรวมถึงเวลาแฝงสูง เครือข่ายแบนด์วิดท์ที่จำกัด และโครงสร้างพื้นฐาน เราเห็นองค์กรทุกขนาดสามารถมีส่วนร่วมได้ เนื่องจาก AWS ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน ความเร็ว และความปลอดภัยที่จำเป็นเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แม้แต่องค์กรขนาดเล็กก็สามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้โดยการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์เพื่อเป้าหมายด้านอวกาศในอนาคต
ตัวอย่างเช่น บริษัท Lunar Outpost ที่ใช้เครื่องมือวิศวกรรมดิจิทัลของ AWS เช่น
AWS RoboMaker เพื่อพัฒนาและทดสอบยานสำรวจใหม่ที่จะนำทางพื้นผิวดวงจันทร์โดยอัตโนมัติ และช่วยนักวิทยาศาสตร์สำรวจขั้วโลกใต้ของดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรก เครื่องมือวิศวกรรมดิจิทัลของ AWS เป็นส่วนสำคัญสำหรับการทดสอบหุ่นยนต์ในสภาวะการทำงานที่สมบุกสมบัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวยานสำรวจใหม่คันแรกที่กำลังจะมาถึง
นอกจากนี้ เรายังสนับสนุนภาครัฐให้บรรลุเป้าหมายด้านอวกาศและเร่งสร้างนวัตกรรมด้านอวกาศ ตัวอย่างเช่น AWS ได้ร่วมมือกับ Office for Space Technology and Industry ในสิงคโปร์ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศในด้านอวกาศ ในฐานะอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเทคโนโลยี
นวัตกรรมอวกาศสามารถเกิดขึ้นได้จากทุกที่ และเราจะยังคงเห็นลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจคิดค้นแนวทางใหม่ ๆ เพื่อภารกิจด้านอวกาศ
มองไปข้างหน้า
องค์กรที่มีรากฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่งได้พิสูจน์แล้วว่าอยู่ในจุดที่ดีกว่า สามารถให้บริการได้เร็วและรักษาความต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี การมีเครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ เตรียมพร้อมและตอบสนองต่อสถานการณ์ใด ๆ ที่ยังมาไม่ถึง ในขณะเดียวกันก็ช่วยขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรม ที่ AWS เรามุ่งเน้นที่การสนับสนุนลูกค้าภาครัฐของเราทั่วโลก ในการปลดล็อกศักยภาพของคลาวด์และเร่งการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายและให้บริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น