บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ตอกย้ำการเป็นผู้นำสร้างสรรค์เทคโนโลยีสุดล้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าปฏิวัติวงการถ่ายภาพครั้งใหม่ ด้วยการส่งสุดยอดนวัตกรรมกล้องอัลฟ่ามิเรอร์เลส Alpha 7R V (อัลฟ่า เซเว่น อาร์ มาร์ค ไฟว์) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุดจากตระกูลอัลฟ่า พร้อมมอบประสบการณ์การถ่ายภาพความละเอียดสูงด้วยโฟกัสอัตโนมัติแบบ AI รูปแบบใหม่ที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์รับภาพอย่าง Full Frame Black-illuminated Exmor R™ CMOS แบบฟูลเฟรม 35 มม. ด้วยความละเอียดภาพ 61.0 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพแบบอย่าง BIONZ XR™ เพื่อมอบคุณภาพของภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟูลเฟรมในตระกูล
“R” ที่ผสมผสานระหว่างเซ็นเซอร์ความละเอียดสูงและระบบประมวลผลภาพอันทรงพลังเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว พร้อมกันนี้ยังชูแนวคิดสื่อสารถึงการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้นในทุกช่วงวัย ตอบโจทย์เหล่า Content Creators ทั้งมือสมัครเล่น และมืออาชีพ ภายใต้งาน
“Every Chapter of Creator” Empower your Creativity ให้ทุกคนสามารถเป็น Content Creator โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของกล้อง และอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น
กล้องคอมแพ็คท์สำหรับสาย Vlog ในรุ่น ZV-1F ไปจนถึงกล้องที่ตอบรับการใช้งานระดับมืออาชีพในตระกูล
Cinema Line FX30 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง การเปิดตัวผลิตภัณฑ์กล้องทั้ง 3 รุ่นออกสู่ตลาดในครั้งนี้ โซนี่มั่นใจว่านอกจากจะมอบประสบการณ์ใหม่ในการถ่ายภาพสุดประทับใจให้แก่ช่างภาพมืออาชีพและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ รวมถึงผู้สร้างภาพยนตร์ในทุกระดับได้สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างตรงใจและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจดิจิทัลอิมเมจจิ้งของ โซนี่ให้เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกด้วย
มร. ชินเปอิ นิชิกาวา ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “โซนี่ไม่เคยหยุด รับฟังเสียงของผู้บริโภค โดยมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างตรงใจ และเหนือความคาดหมาย พร้อมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่า ในทุกครั้งที่โซนี่ได้ส่งมอบกล้องรุ่นใหม่ ๆ ออกมา นั่นคือก้าวย่างแห่งความสำเร็จในการยกระดับประสบการณ์ขึ้นไปอีกขั้นให้แก่ผู้บริโภค และโซนี่พร้อมร่วมเป็นกลไกเร่งขับเคลื่อนวงการถ่ายภาพให้เติบโต ควบคู่ไปกับการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ที่สามารถตอบรับความต้องการในตลาดอย่างครบครัน รองรับทุกความต้องการใช้งานของทุกเจนเนอเรชั่น รวมถึงเทรนด์ล่าสุดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อาทิ กระแสของครีเอเตอร์ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งความนิยมด้านการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวทั้งใน และต่างประเทศ”
ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูในขณะนี้ จะสังเกตได้ว่าเทรนด์ในการนำเสนอรูปแบบเนื้อหาผ่านช่องทางแพลทฟอร์มออนไลน์ รวมถึงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็มีการปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงไลฟ์สไตล์ และมุมมองของทั้งผู้สร้างสรรค์เนื้อหารวมถึงผู้ชมด้วย โดย นายธเนศ จารุธรรมาวงศ์ ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์กล้องดิจิทัลอิมเมจิ้ง บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ได้เผยถึงการเตรียมพร้อมของโซนี่ไทยว่า “ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โซนี่ต้องศึกษา และเข้าใจความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก เพื่อมอบโซลูชั่นส์ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากที่สุด ด้วยการฟังเสียงของลูกค้า และนำกลับมาพัฒนาสินค้าด้วยการนำสุดยอดเทคโนโลยีเข้ามาไว้ในผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งมอบคุณภาพที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ดังเช่นกล้อง Alpha 7R V ที่โซนี่ไทยได้เปิดตัวในวันนี้”
นอกจากการเตรียมความพร้อมในการรับกระแสการท่องเที่ยวที่กำลังกลับมา โซนี่ยังได้เล็งเห็นถึงกระแสของ Content Creator ซึ่งได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงสามปีที่ผ่านมา จึงได้เสริมทัพด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่นที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สนับสนุนการใช้งานถ่ายภาพแบบผสมผสานทั้งภาพนิ่ง และเคลื่อนไหว ด้วยกล้องเพียงตัวเดียว หรือที่โซนี่ได้เรียกการใช้งานในรูปแบบนี้ว่า Hybridgraphy
“โซนี่มีกล้อง และอุปกรณ์หลากหลายรุ่นที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมในการรองรับการใช้งานถ่ายภาพแบบ Hybridgraphy อาทิ กล้อง Full Frame ในรุ่น Alpha 1, Alpha 7S M3, Alpha 7 M4 และล่าสุด Alpha 7R V ในตะกูล R Series ที่ยังคงความโดดเด่นในเรื่องของความละเอียดสูง ผนวกกับระบบประมวลผล AI ที่ฉลาด และทรงพลังมาเสริมทัพในกลุ่มของช่างภาพระดับมืออาชีพ รองรับการใช้งานคุณภาพสูงทั้งในสาย Wedding, Commercial รวมไปถึงการถ่ายภาพ Portrait และ Landscape ก็ตาม” นายธเนศกล่าวเสริม
นอกเหนือจากกล้องที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี ปัจจุบันโซนี่ยังมีไลน์อัพของเลนส์คุณภาพสูงจำนวนมากกว่า 70 รุ่น ครอบคลุมการใช้งานทุกช่วงระยะ ในซีรี่ส์ต่าง ๆ ประกอบไปด้วยเลนส์ G Master, เลนส์ G Series, เลนส์ Zeiss และเลนส์ APSC และเมื่อเร็ว ๆ นี้ โซนี่ก็ได้วางจำหน่ายเลนส์ตัวใหม่ล่าสุดในรุ่น SEL11F18 และ SEL15F14G
ขณะเดียวกัน โซนีไทยก็ยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งมีความสนใจในการสร้างสรรค์คอนเทนท์รูปแบบต่าง ๆ ทั้งที่เป็นงานอดิเรก หรืองานเชิงพาณิชย์ ด้วยการสื่อสารผ่านผลิตภัณฑ์อย่างกล้องรุ่น ZV-1F ซึ่งเป็นกล้อง Vlog Camera ที่โซนี่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุด ที่จะทำให้การ Vlog สนุกยิ่งขึ้น และเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน ด้วยเลนส์กว้าง 20mm และฟีเจอร์ Creative look เอาใจสาย Vlogger Gen Z ในราคาที่ย่อมเยาว์ แต่ฟีเจอร์ครบเทียบเคียงรุ่นพี่อย่าง ZV-1 รวมถึงการสื่อสารผ่านกิจกรรมการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนและสร้างความต้องการใหม่ ๆ รวมทั้งแคมเปญล่าสุดอย่าง Hybridgraphy With Sony – ถึงเวลาลองเปลี่ยนคอนเทนต์ให้ Craft & Creativity ที่จะนำเสนอสไตล์การสร้างสรรค์ Content ให้น่าสนใจผ่านมุมมอง และสไตล์ของเหล่า Content Creators กว่า 10 ท่าน ผ่านกล้อง Hybrid Full Frame อย่าง A7M4 และ A7C ที่ทำให้ทุกคนสามารถเปลี่ยนการถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำด้วยระบบ AF Focus
สำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพที่ต้องการผลิตงานคุณภาพสูง ล่าสุด โซนี่ได้เปิดตัวกล้อง Cinema Line รุ่น FX30 ที่มาพร้อมเซนเซอร์ Super 35 ตอบโจทย์ Content Creator รวมไปถึงนักศึกษาที่กำลังมองหากล้องคุณภาพสูงระดับมืออาชีพที่เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอ งาน Short Film, Music Video, รวมถึงงานโปรดัคชั่นส์ต่าง ๆ ด้วยคุณสมบัติที่ครบครันจากรุ่นพี่อย่าง FX3 และ FX6
พร้อมกันนี้ โซนี่ยังได้มุ่งสนับสนุนผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์ทุกระดับตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ได้มีพื้นที่เพื่อแสดงศักยภาพในการผลิตผลงาน โดยสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมประกวดการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ระดับภูมิภาค
“World of Film” ที่โซนี่ได้จัดขึ้น ซึ่งตัวแทนที่ได้รับการคัดเลือกจากแต่ละประเทศ จะได้ผลิตภาพยนตร์ด้วยชุดกล้อง Cinema Line และ Alpha Series ของโซนี่ ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัคร และส่ง story board ผ่านแบบฟอร์มออนไลน์บนเว็บไซต์ Alpha Universe
https://www.sony-asia.com/microsite/world-of-film/ ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2565 และจะประกาศผลผู้ที่ได้รับคัดเลือกของแต่ละประเทศในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อผลิตผลงานจริงในขั้นตอนสุดท้าย นอกเหนือจากประเทศไทย ยังมีอีกหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้เข้าร่วมแคมเปญในครั้งนี้เช่นกัน ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ฮ่องกง, ไต้หวัน และเกาหลีใต้
ผลิตภัณฑ์ดิจิทัล อิมเมจจิ้ง รุ่นใหม่จากโซนี่ประกอบด้วย
กล้องอัลฟ่าฟูลเฟรมมิเรอร์เลส รุ่น Alpha 7R V (อัลฟ่า เซเว่น อาร์ มาร์ค ไฟว์)
นับเป็นสุดยอดกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสระดับเรือธงตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 5 ของกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสที่ต่อยอดมาจากความสำเร็จของกล้องรุ่น Alpha 7R IV ตอบโจทย์การใช้งานแบบมืออาชีพที่ต้องการภาพความละเอียดสูงในระดับเฟิร์สคลาสได้เป็นอย่างดี โดยกล้อง Alpha 7R V (อ่านว่า : อัลฟ่า เซเว่น อาร์ มาร์ค ไฟว์) เป็นกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลสทีโดดเด่นด้วยระบบ Real-Time Recognition AF ซึ่งจะเป็นระบบออโต้โฟกัสที่มีความแม่นยำขั้นสูงและการจดจำวัตถุที่ฉลาดขึ้น ทั้งยังขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล AI ที่ปรับปรุงใหม่ พร้อมการเรียนรู้ในเชิงลึก ในขณะเดียวกันยังออกแบบมาสำหรับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถรู้จดจำวัตถุที่ถ่ายได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถรู้จำตัวแบบประเภทต่างๆได้อย่างหลากหลาย ด้วยหน่วยประมวลผล AI ที่ล้ำสมัยจะสามารถใช้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับรูปร่างของมนุษย์ในการรับรู้การเคลื่อนไหวและท่าทางของมนุษย์เพื่อใช้ในการจดจำ
นอกเหนือจากระบบที่ตรวจจับเฉพาะใบหน้าและดวงตาของมนุษย์แล้ว ระบบยังสามารถตรวจจับตำแหน่งของร่างกายและศีรษะได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถใช้ศักยภาพความละเอียดของกล้องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนอกเหนือจากมนุษย์ สัตว์ และนกแล้ว หน่วยประมวลผล AI ยังสามารถเรียนรู้จดจำวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตประเภทอื่น ๆ ได้อย่างหลากหลายประเภทอีกด้วย อาทิ แมลง รถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน เป็นต้น ในขณะเดียวกันกล้อง Alpha 7R V ยังสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 10 fps และการติดตาม AF/AE นอกเหนือจากเทคโนโลยี AI ขั้นสูงที่อยู่ในกล้อง Alpha 7R V แล้ว ยังนับเป็นครั้งแรกของกล้องในซีรี่ย์ 7R ที่ได้ผสานคุณสมบัติอันโดดเด่นจากกล้องอื่นๆในตระกูล Alpha Series ของโซนี่เข้ามาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว อาทิ
- Real-Time Tracking ที่มีความแม่นยำสูง
- ระบบ AF ประสิทธิภาพสูง สำหรับพื้นที่กว้างที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- การถ่ายภาพที่ไร้เสียงที่ความเร็วสูงสุด 7fps
- การถ่ายภาพ RAW ที่บีบอัดแล้วได้ต่อเนื่องถึง 583 ภาพด้วยความเร็วสูง
ในขณะเดียวกันกล้อง Alpha 7R V ยังมาพร้อมการโฟกัสทีมีความละเอียดสูงแบบ DMF สามารถใช้งานได้แบบตลอดเวลา(การโฟกัสแบบแมนนวลโดยตรง) ซึ่งเป็นการถ่ายภาพนิ่งด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติด้วยการหมุนวงแหวนโฟกัสของเลนส์ เพื่อสลับเป็นโหมดโฟกัสด้วยตัวเองได้ทันทีและตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเปลี่ยนโฟกัสไปยังตัวแบบอื่นได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการถ่ายภาพแบบคร่อมโฟกัส จะช่วยให้สามารถโฟกัสภาพที่ซ้อนกันได้อย่างดีเยี่ยม
ด้วยระบบประมวลผลภาพแบบใหม่อันทรงพลังอย่าง BIONZ XR™ พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Full Frame Black-illuminated Exmor R™ CMOS แบบฟูลเฟรม 35 มม. ด้วยความละเอียดภาพ 61.0 ล้านพิกเซล ที่อยู่ในกล้อง Alpha 7R V ทำให้มั่นใจได้ว่าความละเอียดของเซ็นเซอร์กล้องจะถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อมอบความละเอียดสูงสุดที่ความไวแสงต่ำของกล้องในตระกูล Alpha โดยสามารถตั้งค่าความไวแสงได้ตั้งแต่ ISO 100 ถึง ISO 32,000 สำหรับการถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์ พร้อมช่วงไดนามิกกว้างถึง 15 สต็อปสำหรับภาพนิ่งอีกด้วย
กล้อง Alpha 7R V มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอลขั้นสูงแบบ 5 แกน 8 สต็อป ที่ทำงานร่วมกับ Gyro Sensor และอัลกอลิธึมป้องกันภาพสั่นไหวที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับภาพนิ่งและวิดีโอ นอกจากนี้ตัวกล้องยังมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่มีประสิทธิภาพพร้อมเอฟเฟกซ์การชดเชยสูงสุด 8 ขั้นตอนสำหรับภาพนิ่ง รวมถึงอัลกอริธึมที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีการตรวจจับและการควบคุมที่แม่นยำจนถึงระดับพิกเซลเดียว โดยที่คุณสามารถใช้ประโยชน์จากความละเอียด 61.0 ล้านพิกเซลของเซ็นเซอร์ได้อย่างเต็มที่ เพื่อทำหน้าที่ในการดึงรายละเอียดวัตถุที่ดีที่สุดออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยิ่งไปกว่านั้นกล้อง Alpha 7R V ยังมาพร้อมโหมด Pixel Shift Multi Shooting ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ให้สามารถใช้ประโยชน์จากการควบคุมระบบป้องกันภาพสั่นไหวภายในตัวกล้องได้อย่างแม่นยำ ซึ่งกล้องจะบันทึกภาพโดยอาศัยเทคนิคการเลื่อนพิกเซลสูงสุด 16 ภาพที่มีประมาณ 240.8 ล้านพิกเซล(19,008 x 12,672 พิกเซล) และต่อมาจึงนำมาประกอบรวมกันในภายหลังด้วยการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้ภาพความละเอียดที่สูงมากในภาพเดียว ในขณะเดียวกันหากใช้โหมดนี้จะสามารถให้ภาพที่มีความละเอียดเทียบเท่า 963.2 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว โดยซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ทำการประกอบรวมภาพสามารถจับและชดเชยได้แม้แต่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยจนถึงระดับพิกเซลเดียว เมื่อใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชั่น Imaging EDGE Desktop™ เวอร์ชั่น 3.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของโซนี่ จะช่วยในการเคลื่อนไหวระดับพิกเซลที่มีขนาดเล็ก อาทิ การเลื่อนตำแหน่งของวัตถุหรือใบไม้บนต้นไม้ จะถูกตรวจจับและแก้ไขโดยอัตโนมัติ เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับองค์ประกอบของภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังรองรับการควบคุมแฟลชภายนอกที่แม่นยำและหลากหลายเพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพนิ่งอีกมากมาย อาทิ
- เพิ่มการบีบอัดภาพ RAW โดยภาพไฟล์ RAW ที่ถูกบีบอัดจะไม่มีการลดทอนคุณภาพของภาพแต่อย่างใด
- การถ่ายภาพคร่อมโฟกัสเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด
- การตั้งค่า Creative Look สำหรับภาพนิ่งและวิดีโอ
- รองรับไฟล์ภาพแบบ HEIF เพื่อคุณภาพของภาพที่ดีกว่าและประสิทธิภาพการบีบอัดที่ยอดเยี่ยม
- ช่วงความสว่างกว้างสำหรับการดูหน้าจอขนาดใหญ่
กล้อง Alpha 7R V ยังรองรับการบันทึกวิดีโอที่มีความละเอียดของภาพระดับ 8K 24/25P และ 4K 50/60P สำหรับความละเอียดสูงแบบ 4K จะสามารถ Oversampled ได้ที่ความละเอียด 6.2K โดยไม่ต้องใช้ Pixel Binning เพื่อให้ได้คุณภาพของภาพที่สูงที่สุดโดยมีการรองรับรูปแบบการบันทึก MPEG-H HEVC/H.265 และระบบบันทึกสีแบบ 10bit 4:2:2 All-Intra ให้การทำงานด้านวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบคุณภาพของภาพที่เหนือกว่า อีกทั้งยังมาพร้อม Real-Time Tracking ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ พร้อมมอบความเชื่อถือในการติดตามวัตถุแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำอย่างที่ไม่เคย มีมาก่อน นอกจากนี้ตัวกล้องยังมี Active Mode ซึ่งเป็นระบบป้องกันภาพสั่นไหว เพื่อให้การจัดเฟรมที่นิ่งและเก็บภาพฟุตเทจได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอโดยใช้มือถือกล้องหรือสามารถถ่ายวิดีโอขณะที่เคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้กล้อง Alpha 7R V ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การทำงานในระดับมืออาชีพทั้งในภาพนิ่งและวิดีโอ ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบา มาพร้อมจอแสดงผล LCD หลายมุมแบบ 4 แกนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จะช่วยให้คุณสามารถเปิดจากด้านข้างและปรับหมุนเอียงได้รอบทิศทาง อีกทั้งช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 9.44 ล้านจุด และขนาดใหญ่ถึง 0.64 type จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าการถ่ายภาพของกล้องได้ตามความต้องการ ในขณะเดียวกันยังมาพร้อมช่องใส่การ์ดแบบ CF-Express Type-A/SDXC สามารถรองรับการ์ดได้ทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อให้กล้องทำงานได้เร็วขึ้น รวมถึงระบบโครงสร้างเมนูรูปแบบใหม่จะสามารถรองรับการสัมผัสได้เต็มรูปแบบ เพื่อการควบคุมที่รวดเร็วและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น พร้อมรองรับการปรับแต่งได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเวิร์กโฟลว์ ด้วยความสามารถในการถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่าน Wi-Fi (802.11ac) 2x2 MIMO หรือการเชื่อมต่อ SuperSpeed USB 10Gbps(USB3.2 Gen2) แบบมีสายผ่านพอร์ต USB-C® นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการสตรีมวิดีโอผ่านการเชื่อมต่อ USB ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
ทั้งยังรองรับ UVC (USB Video Class) และ UAC (USB Audio Class) ที่ช่วยให้การสตรีมภาพพร้อมเสียงจากกล้องได้โดยตรงแม้ในความละเอียด 4K (QFHD) รวมถึงระบบกระจายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกที่ยาวนานขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ตัวเครื่องทำมาจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่มีความแข็งแรงและทนทาน อีกทั้งยังได้รับการปรับปรุงให้มีคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่นและความชื้นที่ดียิ่งขึ้นแม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ในขณะที่แผ่นกระจกป้องกันหน้าจออย่าง PCK-LG3 Screen Protect Glass Sheet ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการปกป้องจอภาพ LCD จากคราบและรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่โซนี่ให้ความสำคัญมาโดยตลอดนั่นคือ กล้อง Alpha 7R V ได้รับการออกแบบด้วยวัสดุรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึง SORPLAS™ ที่นำมาใช้กับตัวกล้องเพียงบางส่วน ในขณะที่ถุงใส่กล้องในกล่องผลิตภัณฑ์ยังผลิตจากผ้าที่ทอจากพืช ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดบรรจุภัณฑ์พลาสติกและป้องกันแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล้องคอมแพ็คท์ ZV-1F (แซด-วี-วัน-เอฟ)
กล้อง ZV-1F นับเป็นกล้องคอมแพ็คท์สาย VLOG รุ่นใหม่ที่โดดเด่น ด้วยฟังก์ชั่นการถ่ายวิดีโอที่ใช้งานง่าย และการเชื่อมต่อขั้นสูง มาพร้อมการออกแบบ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับนักสร้างวิดีโอ บล็อกเกอร์ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่ต้องการถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ ด้วยเลนส์ Ultra Wide Angle Prime ที่มีทางยาวโฟกัส 20 มม. F2.0 แบบกว้างพิเศษ จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องง่าย ทั้งยังให้ระยะการมองเห็นที่กว้าง เก็บภาพแบ็คกราวด์ได้มากขึ้น มาพร้อม Background Bokeh ทั้งในภาพนิ่ง และวิดีโอ ซึ่งจะสร้างความโดดเด่นให้กับตัวแบบได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมถึงฟังก์ชั่น Soft Skin Effect ยังช่วยปรับโทนสีผิวสำหรับวิดีโอ และภาพนิ่ง โดยจะทำการปรับค่าแสง เพื่อให้ผิวหน้ายังคงความสว่างขึ้นเมื่อคุณถ่ายวิดีโอ พร้อมสร้างเอฟเฟกต์โทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติสำหรับการถ่ายภาพนิ่งอีกด้วย ขณะที่ Face Priority AE จะปรับความสว่างโดยอัตโนมัติเมื่อคุณถ่ายภาพ เพื่อให้สามารถจับภาพใบหน้าด้วยความสว่างที่เหมาะสม แม้ในสถานการณ์ที่แสงเปลี่ยนไป
นอกจากนี้ยังมีระบบโฟกัสที่แม่นยำสูงและ Eye AF สำหรับทั้งมนุษย์และสัตว์ ซึ่งจะสามารถโฟกัสติดตามดวงตาตลอดเวลาขณะถ่ายวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นกล้อง ZV-1F ยังมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ Active Mode ในขณะถ่ายวิดีโอ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การถ่ายวิดีโอของคุณเสถียรยิ่งขึ้น แม้ใช้งานในขณะเดิน พร้อมฟังก์ชั่น Creative Look ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จะช่วยให้ผู้ใช้มีตัวเลือกปรับโทนหลายแบบ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ต้องการทั้งในภาพนิ่งและวิดีโอ โดยมีความแตกต่างของโทนสี ความสว่าง และความลึกของสี เป็นต้น
ทั้งยังมีโหมดให้เลือกทั้งหมด 10 โหมด เพื่อเสริมความคิดสร้างสรรค์และให้ผู้ใช้สามารถแชร์เนื้อหาได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้ไข ในขณะที่ตัวกล้องยังมาพร้อมโหมด S&Q เพื่อการถ่ายภาพทั้งแบบ Slow Motion ด้วยสปีดที่ช้ากว่า 5 เท่า และการเคลื่อนไหวแบบ Quick Motion ด้วยความเร็ว Hyperlapse ที่เร็วขึ้น 60 เท่า เพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังให้เสียงคุณภาพสูง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการจับภาพที่ช่วยให้เนื้อหาสมบูรณ์แบบ อีกด้วย พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมไมโครโฟนในตัวแบบ 3-Capsule Mic และยังมีอุปกรณ์ช่วยป้องกันเสียงลม ที่ช่วยให้การบันทึกเสียงชัดเจน และลดเสียงรบกวนในพื้นที่กลางแจ้ง แม้ในขณะที่มีลมแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล้อง Cinema Line รุ่น FX30
FX30 (ชื่อรุ่น ILME-FX30) เป็นกล้องวิดีโอฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Cinema Line ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมหลังจากการเปิดจองไปได้ไม่นาน โดยกล้อง FX30 ได้ผสานสุดยอดเทคโนโลยีระดับมืออาชีพมากมายจากกล้องระดับไฮเอนด์ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ในทุกระดับ กล้องนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้อง Cinema Line ของโซนี่ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นสร้างภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพตัวใหม่แบบ Back-illuminated APS-C Exmor R™ CMOS ความละเอียดภาพ 20.1 ล้านพิกเซล ที่จะมาในรูปแบบ Super 35 mm. ผสานการทำงานร่วมกับระบบประมวลผลภาพอันทรงพลังอย่าง BIONZ XR™ จะช่วยให้การไล่ระดับสีที่เป็นธรรมชาติ สมจริง และสัญญาณรบกวนต่ำ
มาพร้อมค่าความไวแสงพื้นฐานแบบคู่ที่ ISO 80/2500 และให้ Dynamic Range กว้างถึง 14+ สต็อป รวมถึงสามารถรองรับการบันทึกวิดีโอ ที่ความละเอียดสูงแบบ 4K Super 35 (16:9) โดยจะสามารถ Oversampled ได้เกิน 6K ที่สูงถึง 60p ในขณะเดียวกัน กล้อง FX30 ยังมาพร้อมความสามารถในการบันทึกภาพสโลว์โมชั่นที่มีความละเอียดระดับ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที และ Full HD ที่ 240 เฟรมต่อวินาที ยิ่งไปกว่านั้นยังรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 16:9 ได้ที่ 10bit 4:2:2 อีกทั้งยังสามารถ Output วิดีโอไปยังอุปกรณ์ภายนอก RAW 16bit 4K โดยผ่านพอร์ต HDMI Type-A เต็มรูปแบบอีกด้วย
นอกจากนี้กล้อง FX30 ยังมาพร้อมโหมดการรับแสงที่หลากหลาย อาทิ Cine EI ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรับแสงและให้คุณภาพของภาพสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่ Cine EI Quick จะช่วยให้การตั้งค่าง่ายขึ้นด้วยการเปลี่ยน ISO หลักของกล้องโดยอัตโนมัติ และ Flexible ISO จะให้ความยืดหยุ่นเป็นอย่างยิ่งสำหรับการตั้งค่าช่องรับแสง รวมถึงสามารถถ่ายภาพด้วยแกมม่า S-Log3 เพื่อช่วยให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อทำการไล่ระดับสี ทั้งสามโหมดอนุญาตให้ถ่ายวิดีโอขณะตรวจสอบด้วย LUT เพื่อดูตัวอย่างภาพสุดท้าย นอกจากนี้ยังมาพร้อมโปรไฟล์รูปภาพ S-Cinestone™ ของโซนี่ และความสามารถในการถ่ายภาพนิ่งเดี่ยวได้ ในขณะเดียวกันกล้อง FX30 ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้เป็นอย่างดี อาทิ
- ระบบ Real-Time Eye AF สำหรับมนุษย์ สัตว์ และนก
- ระบบ Real-Time Tracking
- การตั้งค่า AF แบบละเอียด
- AF Assist
ยิ่งไปกว่านั้นกล้อง FX30 ยังได้รับการออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา รวมถึงโครงสร้างด้านนอกทำมาจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่มีความแข็งแรงและทนทาน มาพร้อมดีไซน์แบบแบนราบพร้อมรูเกลียวขนาดมาตรฐาน 3 จุด สำหรับยึด XLR Handle และอุปกรณ์เสริมอื่นๆของ FX30 เพื่อใช้ยึดเข้ากับตัวกล้องได้อย่างเสถียรและมั่นคง ผ่าน Multi Interface Shoe(MI) บนตัวกล้อง ทำให้สามารถถ่ายภาพมุมต้ำได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน XLR Handle สามารถ input เสียงผ่าน XLR/TRS ทั้งสองช่องทางไปยัง FX30 ด้วยไมโครโฟน XLR ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลเสียงดิจิทัลไปยังกล้องได้โดยตรงเพื่อให้ได้เสียงคุณภาพสูง
นอกจากนี้ยังมาพร้อมช่องใส่การ์ดแบบคู่ที่รองรับ CF-Express Type-A และ SDXC/SDHC โดยสามารถบันทึกข้อมูลเดียวกันลงในการ์ดทั้งสองพร้อมกันได้ เพื่อเป็นการสำรองข้อมูลและโหมดรีเลย์การบันทึกและสามารถเพิ่มความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับการบันทึกภาพยนตร์ 4K ในอัตราบิตสูง อีกทั้งระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพและพัดลมระบายความร้อนในตัว ส่งผลให้สามารถรองรับการบันทึก 4K/60P ได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องปิดระบบระบายความร้อนและไม่ต้องกังวลว่ากล้องจะหยุดทำงานเพราะความร้อนอีกด้วย
แคมเปญ Hybridgraphy With Sony – ถึงเวลาลองเปลี่ยนคอนเทนต์ให้ Craft & Creativity Craft & Creativity
โซนี่เดินหน้าตอบรับกระแสความนิยมในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบของวิดีโอที่นำเสนอมุมมองที่แปลกใหม่ และแตกต่างในสไตล์ที่หลากหลาย ด้วยแคมเปญ “Hybridgraphy With Sony” ภายใต้แนวคิด “ถึงเวลาลองเปลี่ยน” เปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ หรือ Content Creators ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการ และเทคนิคใหม่ ๆ ในการผลิต และนำเสนอคอนเทนต์ ทั้งภาพถ่าย และวิดีโอได้อย่างสะดวก และคล่องตัว ช่วยเพิ่มความน่าสนใจของเนื้อหาด้วยกล้อง และอุปกรณ์ที่สามารถตอบรับการใช้งานในรูปแบบ Hybrid ได้อย่างลงตัว
เช่นกล้อง Alpha 7 IV และ Alpha 7C เป็นต้น ที่ได้ออกแบบพัฒนาฟังก์ชั่น ลูกเล่นการใช้งานให้สามารถควบคุมปรับเปลี่ยนโหมดการถ่ายภาพระหว่างภาพนิ่ง และวิดีโอได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยแคมเปญ Hybridgraphy With Sony ได้นำเสนอผ่านมุมมองของเพจ “Lazy Coup เที่ยวเป็นคู่” ที่สามารถสะท้อนไลฟ์สไตล์ในการผลิตคอนเทนต์มีความเป็น Hybrid ออกมาได้อย่างชัดเจน ในรูปแบบของการเดินทางท่องเที่ยว ที่ถ่ายทอดความน่าสนใจของเนื้อหาด้วยการผสมผสานเทคนิคการถ่ายภาพทั้งภาพนิ่งและวิดีโอในทุกการเดินทางออกมาได้อย่างสวยงาม และน่าสนใจ
นอกจากเพจ Lazy Coup เที่ยวเป็นคู่ แล้วนั้น แคมเปญ “Hybridgraphy With Sony” โซนี่ยังได้รับเกียรติจากคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชื่อดังอีกกว่า 10 ท่าน จากช่อง และเพจต่างๆ ที่จะมาร่วมถ่ายทอดคอนเทนต์แบบ Hybridgraphy ในหลากหลายรูปแบบในสไตล์ที่แตกต่างกันไป อาทิ Walking off earth, Megamaxx Journey, ตะล๊อปก๊อปแก๊ป, ChillJourney : เที่ยวกับชิว, หลง ทาง - Lost in my way, AT Everywhere, ลากกันไป, เที่ยวไม่พัก : Nonstop Traveler, MoveMaker, เขยกับหมิวฯลฯ เป็นต้น
โดยแต่ละครเทนต์จะได้รับการถ่ายทอดผ่านกล้องดิจิทัลโซนี่ในรุ่น
Alpha 7 IV และ Alpha 7C รวมถึงเลนส์ และอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงของโซนี่มากมาย ทั้งนี้ คอนเทนต์จากคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทุกท่าน จะเริ่มทยอยโพสต์เผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป โดยสามารถติดตามผลงานผ่านทางเพจ และแชนแนลของเหล่าคอนเทนต์ ครีเอเตอร์แต่ละท่าน รวมถึงบน Facebook Page ของ Sony Digital Camera Thailand และสามารถติดตามรับชมคลิปวิดีโอแคมเปญ
Hybridgraphy With Sony – Craft & Creativity ได้ที่ลิงค์
https://www.facebook.com/SonyDigitalCameraThailand/videos/8381551168551926 กำหนดเปิดสั่งจองกล้อง Alpha 7R V และวันวางจำหน่าย
โซนี่ไทยกำหนดเปิดสั่งจองกล้อง Alpha 7R V อย่างเป็นทางการตั้งแต่ วันที่ 2 ถึง 15 พฤศจิกายน ศกนี้ โดยจะวางจำหน่ายในราคา 159,990 บาท พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งจองกล้อง Alpha 7R V ในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับสมาร์ทโฟน Xperia 1 IV มูลค่า 48,990 บาท จำนวน 1 เครื่อง รวมทั้ง Code ส่วนลดมูลค่า 1,500 บาท สำหรับซื้ออุปกรณ์เสริมรุ่นที่ร่วมรายการจาก Sony Store Online เมื่อลูกค้าได้ลงทะเบียนในระบบ My Sony ในระยะเวลาที่กำหนด หลังจากได้รับสินค้าแล้ว
ทั้งนี้ กล้อง Alpha 7R V มีกำหนดวางจำหน่ายหน้าร้านตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ศกนี้ เป็นต้นไป
ผู้สนใจสามารถทดลองประสิทธิภาพของกล้องและเลนส์รุ่นใหม่ได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา และร้านผู้แทนจำหน่ายที่เลือกสรร และสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชม
www.sony.co.th