HUAWEI แต่งตั้ง "เบนสัน ฉิน" เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ Huawei Cloud Thailand แทน "โรเบน หวัง" มีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป โดยนายเบนสัน ฉิน ร่วมงานกับบริษัทหัวเว่ยมาเป็นเวลา 14 ปีแล้ว โดยปฏิบัติหน้าที่นอกประเทศจีนนานกว่า 12 ปี ซึ่งเขามีส่วนร่วมสำคัญต่อการพัฒนาตลาดโทรคมนาคมในระดับภูมิภาค และยังเป็นผู้สนับสนุนสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจระดับโลก จนมีความแข็งแกร่งมั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเขาจะเน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าหลักในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และตั้งเป้าให้หัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทยขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาดภายในระยะเวลา 3 ปี รวมถึงขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในไทยภายในเวลา 5 ปี
นายเบนสัน ฉิน กล่าวว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลอยู่รอบๆ เรา และไม่หยุดนิ่ง การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นเทรนด์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในภาคอุตสาหกรรมนี้ และบริการด้านคลาวด์ก็ผสมผสานอยู่ในทั้งสองเทรนด์นี้ ผมดีใจที่ได้เห็นองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและใช้คลาวด์มากขึ้นเรื่อยๆ หัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย ยินดีที่จะทำงานร่วมกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์สร้างเศรฐกิจดิจิทัลคาร์บอนต่ำ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น การดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น และให้บริการได้ฉับไวขึ้น หัวเว่ย คลาวด์จึงได้สร้างแพลตฟอร์มคลาวด์ + AI ชั้นนำ ทั้งยังยึดมั่นในกลยุทธ์การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในเชิงลึกและการให้บริการ อีกทั้งยังร่วมมือกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์พัฒนาเศรฐกิจดิจิทัล โดยภารกิจในอนาคตของหัวเว่ย คลาวด์คือ การทำให้คลาวด์เป็นบริการอัจฉริยะที่เข้าถึงได้สะดวก เพื่อสร้างโครงสร้างคลาวด์พื้นฐานสำหรับโลกอัจฉริยะ”
"โรเบน หวัง"
HUAWEI ได้ลงทุนในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การเปิดให้บริการของหัวเว่ย คลาวด์ ในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561 โดยให้บริการไปแล้วกว่า 15 กลุ่มอุตสาหกรรม สร้างพาร์ทเนอร์ภายในประเทศกว่า 300 ราย และให้บริการลูกค้าหลายพันราย ปัจจุบัน ได้ให้บริการคลาวด์กว่า 80 รายการโดยหัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย พร้อมด้วยศูนย์ข้อมูล 3 แห่งภายในประเทศ โดยแห่งที่ 3 ได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา และได้เปิดตัวเว็บไซต์ที่ให้บริการภาษาไทยเพื่อยกระดับประสบการณ์ด้านการซื้อ บริการ และการใช้งาน ให้แก่ลูกค้าของหัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย
จากรายงานล่าสุดของการ์ทเนอร์ ส่วนแบ่งการตลาดระบบคลาวด์แบบ IaaS ของหัวเว่ยในประเทศไทยอยู่ที่ร้อยละ 29.44% ถือเป็นอันดับสาม เพิ่มขึ้นจาก 28.38% ในปี 2564 นอกจากนี้ รายงานการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ที่จัดทำขึ้นในปี 2564 ยังระบุว่า การรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ของหัวเว่ยสูงถึงร้อยละ 70%
ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ผ่านมาของการดำเนินธุรกิจและการช่วยเหลือสนับสนุนประเทศไทย หัวเว่ย คลาวด์ เป็นหนึ่งในกุญแจหลักที่สำคัญของการให้บริการอันเปี่ยมด้วยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ที่จะส่งผลให้ไทยกลายเป็นหนึ่งในดิจิทัล ฮับของอาเซียน ในที่สุด