บริษัท สวัสดีช้อป จำกัด ในนาม ดีมันนี่ (DeeMoney) บริษัทฟินเทคผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจโอนและชำระเงินข้ามประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดของประเทศไทย เผยระบบเศรษฐกิจและภาคการเงินไทย เข้าสู่ยุคโลกการเงินดิจิทัลไร้พรมแดน 100% สะท้อนจากจำนวนผู้ใช้บริการโอนเงินข้ามประเทศผ่านแพลตฟอร์มดีมันนี่โต 200% ในระยะเวลา 3 ปี จากปี 2561 ชี้โครงสร้างพื้นฐานการเงินไทยมีแนวโน้มพัฒนาและแข่งขันสูงทั้งจากผู้ให้บริการทั้งในและนอกภาคการเงินเข้ามาแข่งขันและพัฒนาบริการทางการเงินต่อเนื่อง เตรียมเดินหน้าปฏิวัติวงการ FinTech ลุยพัฒนา "DeeMoney Neo" แอปพลิเคชันและ DeeBusiness Portal ที่จะเปลี่ยนอนาคตโลกการเงินไร้พรมแดน ชู 3 ชุดแข็ง เจาะ 3 กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ ลูกค้าบุคคล MSME และพาร์ทเนอร์ ที่ต้องการเชื่อมต่อ API กับแพลตฟอร์ม (Platform) ภายใต้ชื่อ DPaaS
ทางดีมันนี่เผยถึงยอดธุรกรรมที่บริษัทฯ ให้บริการในปี 2564 มีมากถึง 2.2 ล้าน คิดเป็นมากกว่า 64,000 ล้านบาท หรือ 2 พันล้านดอลล่าห์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจการชำระเงินและโอนเงินระหว่างประเทศ โดยได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งมีส่วนในการเร่งการปรับตัวของผู้ใช้งานให้เข้าสู่สังคม
ไร้เงินสด (Cashless society) มากขึ้น
นายอัศวิน พละพงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งดีมันนี่หรือ DeeMoney (บริษัท สวัสดีช้อป จำกัด) กล่าวว่า "ปัจจุบันดีมันนี่ ถือเป็นผู้ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ชั้นนำของประเทศไทย ด้วยจุดแข็งในเรื่องของค่าธรรมเนียมคงที่ (Flat Fee) อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินที่ดีที่สุด การให้บริการผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย และการให้บริการที่ครอบคลุมหลากหลายประเทศต้นทางและปลายทางถึง 60 ประเทศทั่วโลก อีกหนึ่งจุดแข็งของดีมันนี่ยังอยู่ที่เครือข่ายคู่ค้าทางธุรกิจที่แข็งแกร่งมากกว่า 30 ราย ที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินด้านการให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา และบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money Wallet)"
ในปีนี้บริษัทฯ มุ่งก้าวขึ้นสู่การเป็นแพลตฟอร์ม (Platform) บริการทางการเงินระหว่างประเทศระดับโลก เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าสู่การเป็นศูนย์กลาง (Hub) ผ่านบริการเชื่อมต่อ DPaaS ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสนับสนุนบริการโอนเงินและการชำระเงินระหว่างประเทศที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการให้บริการลูกค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว รวมถึงช่วยลดต้นทุนในการพัฒนา
ก้าวสำคัญของดีมันนี่ในการขยายขีดความสามารถการให้บริการครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยและทั่วโลก โดยใช้ 4 กลยุทธ์สำคัญในการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ได้แก่
- ขยายประเทศผู้รับเงินปลายทาง (Outbound corridor) โดยวางเป้าหมายที่ 50 ประเทศปลายทาง
- เชื่อมต่อธนาคารพานิชย์ไทยสำหรับบริการ Inbound Payout เพื่อขยายเครือข่ายการรับเงินโอนจากต่างประเทศ (Inbound remittance) ให้ครอบคลุมบัญชีธนาคารต่างๆ ในประเทศ
- จับมือร่วมกับพันธมิตรเพิ่มพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นธนาคารและผู้ให้บริการประเภท Non-Bank ต่างๆ ใน Ecosystem เพื่อพัฒนารูปแบบการให้บริการที่เปิดกว้าง รวมไปถึงพัฒนาบริการใหม่ๆ ในการขยายบริการใหม่และบริการเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยใช้ประโยชน์จากช่องทางการให้บริการที่ได้มาตรฐาน เพื่อครอบคลุมทุกรูปแบบการทำธุรกรรมใน Ecosystem ทำให้มีทางเลือกการจ่ายเงินและ รับเงินหลายวิธี
- แผนการพัฒนา Talent Acquisition จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์
จากกลยุทธ์ทั้งหมดของ DeeMoney มุ่งเน้นไปที่ Coopetition หมายถึง การทำงานร่วมกันกับผู้ให้บริการรายอื่นมากกว่าการมองว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ หรือสร้างการแข่งขัน เพราะ DeeMoney เชื่อว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบ Coopetition จะสร้างมูลค่า ให้กับ Payment Ecosystem ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ที่จะส่งผลดีต่อลูกค้าหรือผู้ใช้บริการได้ดีที่สุด มากกว่าการแข่งขันโดยไม่แบ่งปันมูลค่า ให้แก่ Ecosystem มีแต่จะสร้างผลเสียต่อ Financial Ecosystem โดยรวม
สำหรับปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าให้ธุรกิจระหว่างประเทศเติบโตที่ 30% โดยให้ความสำคัญไปที่ 3 กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่
- กลุ่มลูกค้าบุคคลรายย่อย ผ่านช่องทาง Mobile Application "DeeMoney Neo" ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายพัฒนาเป็น Borderless NeoBank เป็นโซลูชั่น Send, Spend, Save, Receive ของบริการทางการเงินระหว่างประเทศเต็มรูปแบบ
- กลุ่มลูกค้า Business และผู้ประกอบการ MSME ผ่านช่องทาง "DeeBusiness Portal" เพื่อเป็น Supply Chain กับผู้ประกอบการ ให้เกิดความสะดวก ประหยัด ปลอดภัย
- กลุ่มลูกค้าสถาบันการเงิน (Financial Institution) ผ่านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มบริการทางการเงินที่เรียกว่า DPaaS โดยให้ลูกค้ากลุ่มสถาบันทางการเงิน สามารถเริ่มให้บริการทางการเงินโดยใช้การ Plug-and-Play เข้ากับแพลตฟอร์มของบริษัทฯ
แอปพลิเคชัน "DeeMoney Neo" สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android พร้อมลงทะเบียนโดยใช้นวัตกรรม eKYC ได้ด้วยตนเองเพียงขั้นตอนง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นจะมีการนำเทคโนโลยี NFC Passport reader เข้ามาใช้ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ง่ายยิ่งขึ้น ลดขั้นตอนในการยื่นและจัดเก็บเอกสารแสดงตน โดยล่าสุดเทคโนโลยีดังกล่าวได้รับรางวัล Business Innovation Awards 2022 ประเภทการเงิน จาก Business+ ร่วมกับ CMMU
ในส่วนของ "DeeBusiness Portal" บริษัทฯ เน้นไปที่การเพิ่มฟีเจอร์การให้บริการรับโอนเงินจากต่างประเทศ และพัฒนาบริการปัจจุบันให้สะดวกยิ่งขึ้น นับว่าเป็นการลดการพึ่งพาช่องทางจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว สามารถลดภาระด้านเอกสาร และลดต้นทุนจากค่าธรรมเนียมที่ต่ำลง
สำหรับแผนโรดแมพสำคัญของบริษัทฯ ในระยะถัดไป ได้แก่ การพัฒนาระบบโครงสร้างเทคโนโลยีให้รองรับการให้บริการออกบัตรร่วมกับบริษัทฯ VISA เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถชําระเงินได้ทั่วโลก และแผนโรดแมพในการให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสกุลเงินต่างประเทศภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย เพิ่มเติมจากบริการโอนเงินระหว่างประเทศ บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา และบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money Wallet) อีกด้วย