Infinix แบรนด์สมาร์ตโฟนที่ได้รับการพัฒนาและเพิ่่มการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวสมาร์ตโฟน ZERO X Pro ที่มาพร้อมกล้องถ่ายภาพระดับไฮเอนด์และสเป็กชั้นนำในเรทราคาสุดคุ้มค่า ทำให้ได้รับความสนใจจากสื่อที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
และล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ทาง Infinix ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน 5G ตัวแรกของค่ายออกมา ในชื่อ
Infinix ZERO 5G พร้อมชูจุดเด่นการเป็นสมาร์ตโฟนที่รวมเทคโนโลยี 5G ทันสมัยผสานกับประสิทธิภาพยอดเยี่ยม เพื่อมอบประสบการณ์การใช้สมาร์ตโฟน 5G อันน่าทึ่งให้กับลูกค้าในตลาดใหม่ ๆ ที่กำลังเติบโต
การทดสอบชิปเซ็ต พร้อมฮาร์ดแวร์ระดับพรีเมียมและประสิทธิภาพที่ล้ำกว่า
สำหรับคุณสมบัติเด่นที่สำคัญของ Infinix ZERO 5G คือชิป SoC รุ่น Dimensity 900 ที่รองรับ 5G และอัตรารีเฟรชเรทสูง 120Hz ยิ่งไปกว่านั้น ZERO 5G ยังให้หน่วยความจำ RAM สูงถึง 8GB ด้วยเทคโนโลยี Extended RAM ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างในการแคชหน่วยความจำของแอปอีก 5GB ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ด้วยหน่วยความจำทั้งหมดประมาณ 13GB ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานเพิ่มประสิทธิภาพของ RAM ได้ตามความต้องการจึงช่วยให้การใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ หรือการเล่นเกม ทำงานได้อย่างราบรื่น
ด้วยชิป 5G รุ่น Dimensity 900 และรูปแบบฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย ทำให้ Infinix ZERO 5G ได้คะแนน AnTuTu รวมอยู่ที่ 486136 โดยอิงตามผลลัพธ์จากการทดสอบ ด้วยการดึงเอาประสิทธิภาพของ Dimensity 900 มาใช้อย่างเต็มที่ และยังมีคะแนนสมรรถนะด้านอื่นๆ ที่สูง ทำให้ ZERO 5G เป็นอุปกรณ์ที่เหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งอื่นๆ ในช่วงราคาเท่ากัน นอกจากนี้ ZERO 5G มีการจัดเก็บข้อมูลที่เร็วกว่าอุปกรณ์ระดับเดียวกัน ซึ่งช่วยลดเวลาในการดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็วยังช่วยปลดปล่อยศักยภาพของเครือข่าย 5G ได้อย่างสูงสุด ทำให้สมาร์ตโฟนทำงานต่างๆ ได้เร็วขึ้นและผู้ใช้งานได้รับประสิทธิภาพสูงสุด
การทดสอบความเสถียรและการชาร์จ
จากการทดสอบพบว่า ZERO 5G มีการควบคุมอุณหภูมิ และการใช้พลังงานที่น่าสนใจตามมาตรฐานการทดสอบความเสถียรเชิงเปรียบเทียบของ AnTuTu ในด้านความเย็น ความรวดเร็ว และความปลอดภัยโดยหลังการทดสอบ 45 นาที แกนประมวลผลของ CPU ไม่มีการลดลงของประสิทธิภาพ และมีการใช้พลังงานน้อยลง 20% อีกทั้ง อุณหภูมิภายในและภายนอกก็ต่ำมาก ถือได้ว่า ZERO 5G คือหนึ่งในโทรศัพท์ที่ให้การประหยัดพลังงานสูงสุดเท่าที่เราได้ทดสอบ และเป็นตัวแทนบ่งบอกถึงการยกระดับเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมและดีไซน์ไปอีกขั้นจากกลุ่มวิศวกรของ Infinix
นอกจากประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานที่ดีเยี่ยมแล้ว ZERO 5G ยังมาพร้อมอะแดปเตอร์ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 33W โดยอะแดปเตอร์สามารถชาร์จโทรศัพท์จาก 1% ถึง 10% ในเวลาเพียง 5 นาที และถึง 88% ในเวลาเพียง 55 นาที และชาร์จเต็มด้วยเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาที นับเป็นความเร็วในการชาร์จที่เร็วมากสำหรับแบตเตอรีขนาด 5000mAh และนอกเหนือจากประสิทธิภาพการชาร์จที่ยอดเยี่ยมแล้ว โทรศัพท์รุ่นนี้ยังได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ซึ่งมีข้อกำหนดการทดสอบด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่าด้วยเช่นกัน
การดีไซน์ ที่ผสานรวมเทคโนโลยียุคใหม่ด้วยความล้ำหน้า
Infinix ได้ออกแบบสมาร์ตโฟนรุ่น ZERO 5G ให้เป็นอุปกรณ์ที่มีรูปลักษณ์ที่มีสไตล์และสวยงามระดับพรีมียม ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว พร้อมอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz และตัวอย่างอัตราการสุ่มแบบสัมผัส 240Hz ซึ่งทำให้หน้าจอสามารถตอบสนองได้อย่างราบรื่น อีกทั้ง ดีไซน์ยังมีความบางโค้งมนแบบ Uni-Curve ที่ทำให้จับได้อย่างถนัดมือ นอกจากนี้ ดีไซน์ Uni-Curve ของ Infinix Zero 5G ยังได้มีการผสานกล้องหลังเข้ากับฝาด้านหลังของโทรศัพท์ได้อย่างลงตัว โดดเด่นสะดุดตา และแสดงถึงความตั้งใจในการออกแบบที่ยอดเยี่ยม เพื่อตอบโจทย์ทุกลฟ์สไตล์ในทุกการใช้งาน
ประสิทธิภาพกล้อง ด้วยกล้อง AI ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมความคมชัดสูงสุด
ZERO 5G เป็นสมาร์ตโฟน 5G ระดับพรีเมียมรุ่นแรกของ Infinix ที่มาพร้อมกล้องหลักสามชุด ประกอบด้วย 48MP AF + 13M AF + 2M FF ซึ่งเมื่อดูค่าตามตัวเลขดังกล่าว จำนวนพิกเซลของ ZERO 5G ไม่ได้สูงมาก แต่สำหรับโทรศัพท์มือถือแล้ว ประสิทธิภาพและอัลกอริทึมของ ISP มักจะมีความสำคัญมากกว่าจำนวนพิกเซล โดยในรุ่นนี้มีโหมด AI ที่มีความไวสูง ซึ่งทำให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพและได้ภาพคมชัดสวยงามน่าประทับใจ
นอกจากนี้ กล้องมือถือรุ่นนี้ยังมีคุณสมบัติเด่นที่สำคัญ คือ การซูมได้สูงถึง 30 เท่า ที่มีระดับรายละเอียดและความชัดเจนของภาพดีเยี่ยม และด้วยประสิทธิภาพของกล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ของ ZERO 5G ยังให้การควบคุมการเปิดรับแสง ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีค่า ISO ต่ำในโหมดกลางคืน ทำให้ได้สีดำที่เข้มขึ้นและลดสัญญาณรบกวนในภาพ จึงทำให้โทรศัพท์รุ่นนี้แตกต่างไปจากโทรศัพท์ในตลาดรุ่นอื่น ๆ และด้วยสเป็กกล้องรวมถึงคุณสมบัติของซอฟต์แวร์ล้ำหน้าเหล่านี้ ผู้ใช้จะสามารถถ่ายภาพได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
ประสบการณ์การใช้ซอฟต์แวร์ XOS10 ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติล้ำหน้า
ZERO 5G ทำงานด้วยระบบ XOS10 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูง ผสานรวมเข้ากับการทำงานของ Android แบบดั้งเดิมพร้อมฟังก์ชันเสริมมากมาย ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานบนอุปกรณ์มีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานง่าย และสร้างความพึงพอใจในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
สำหรับคุณสมบัติของ XOS10 เช่น เมื่อลบแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้ล้างไฟล์ที่ค้างอยู่โดยอัตโนมัติ และมีคุณสมบัติที่เอาใจเหล่าเกมเมอร์ด้วย X Arena และเทคโนโลยี Dar-Link Engine 2.0 ที่ช่วยจัดการพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้านกราฟิกของเกมให้ดียิ่งขึ้น
Infinix ZERO 5G ถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จและเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Infinix ที่เปิดตัว โดยมุ่งเน้นตลาดเครือข่าย 5G ที่มีราคาไม่สูงแต่ให้ประสิทธิภาพและการดีไซน์ที่เหนือกว่า เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค ในตลาดใหม่ ๆ ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่ราคาคุ้มค่าและมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ด้วยประสิทธิภาพของอัตรารีเฟรช 120Hz และกล้องความแม่นยำสูง ทำให้ ZERO 5G เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างแท้จริง นอกจากนี้ Infinix ยังได้มีการพัฒนาในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตเราอจะได้เห็นอุปกรณ์รุ่นใหม่จากผู้ผลิตที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์เช่นนี้ได้ในปีต่อไป
รายละเอียดและสเป็กของ Infinix ZERO 5G
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.78 นิ้ว, อัตรารีเฟรชเรท 120Hz, ความละเอียด 1080x2460 พิกเซล, อัตราส่วนภาพ 20.5:9 และตัวอย่างอัตราการสุ่มแบบสัมผัส 240Hz
- ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900, Octa-core 2x2.4 GHz Cortex-A78 & 6x2.0 GHz Cortex-A55, Mali-G68 MC4
- หน่วยความจำ 8GB LPDDR5, 128GB UFS 3.1 และช่องเสียบอะแดปเตอร์การ์ด microSDXC
- ระบบปฏิบัติการ Android 11, XOS 10
- กล้องหลัง 48MP AF + 13M(2X) AF+2M FF และเทคโนโลยีการซูม 30 เท่า
- กล้องหน้า 16MP FF และแฟลชคู่ด้านหน้า
- วิดีโอ 4K - 1080P/30FPS, 1080P/60FPS, 720P/30FPS
- แบตเตอรีความจุขนาด 5000mAh และชาร์จไว 33W ตามมาตรฐาน TÜV Rheinland
- คุณสมบัติที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ ตัวอ่านลายนิ้วมือ, วิทยุ FM และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
- ราคาเปิดตัว 7,999 บาท