เปิดตัวกันไปหมาด ๆ เมื่อคืน สำหรับสมาร์ตโฟนตัวหนึ่งที่หลายคนรอคอยอย่าง iPhone SE 3 ที่คราวนี้ยังมาพร้อมดีไซน์ดั้งเดิม กับปุ่มโฮมและ Touch ID ที่คุ้นเคย รวมถึงหน้าจอ LCD ขนาด 4.7 นิ้วที่พอดีกระเป๋า แต่ยกระดับสเปกใหม่เกือบทุกด้าน ทั้งยังเปิดตัวในราคาที่แสนเป็นมิตร เริ่มต้นที่ 15,900 บาท เข้ากับคอนเซ็ปต์เปิดตัว "รักทั้งความแรง รักทั้งความคุ้มค่า" เลยทีเดียว ซึ่งจะมาพร้อมความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ

หัวใจหลักของ iPhone SE 3 ก็คือ ชิป A15 Bionic ที่ทรงพลังสุดๆ แบบเดียวกับที่อยู่ใน iPhone 13 ยกระดับแทบทุกอย่างที่เราใช้งาน แล้วก็ยังโหลดแอปได้ในพริบตาและรู้สึกลื่นไหลแบบสุดๆ และยังมาพร้อมประสิทธิภาพกราฟิกสำหรับการเล่นเกมที่ลื่นไหลเหลือเชื่อด้วย เรียกว่าให้ประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน นอกจากนี้ชิป A15 Bionic ยังเป็นขุมพลังให้กับคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพขั้นสูงที่จะทำให้แต่ละส่วนในภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า สถานที่ หรืออะไรก็ตามให้ดูดีขึ้น

iPhone SE 3 ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ของแบตเตอรี่ ด้วยชิปที่ประหยัดพลังงานขั้นสูง พร้อมด้วยแบตเตอรี่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ iPhone SE 3 ยังให้การรองรับชาร์จแบบไร้สาย

ไฮไลท์หนึ่งของ iPhone SE 3 คือให้การรองรับ 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยเอื้อประโยชน์ให้ได้การทำงานที่เร็วขึ้นในทุกด้าน ไม่ว่าจะดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น สตรีมได้เร็วขึ้น เล่นเกมได้เร็วขึ้น และยังหน่วงน้อยลงอีกด้วย

iPhone SE 3 มาพร้อมดีไซน์กระจกที่ทนทานต่อการตกหล่น ทั้งยังรองรับการกันน้ำ IP67 และพวกไรฝุ่นเล็กๆ น้อยๆ ด้วยเช่นกัน

กล้องหลังของ iPhone SE 3 มีความละเอียดที่ 12MP มาพร้อม HDR อัจฉริยะ 4 สามารถปรับคอนทราสต์ แสง และโทนสีผิวของคนในภาพให้สวยขึ้นโดยอัตโนมัติได้สูงสุดถึง 4 คน และในสภาวะแสงปานกลางถึงน้อย Deep Fusion จะวิเคราะห์ค่าแสงที่ต่างกันแบบพิกเซลต่อพิกเซล เพื่อบันทึกรายละเอียดที่เล็กที่สุด พื้นผิว และลวดลายต่างๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติ "สไตล์ภาพถ่าย" เพียงเลือกสไตล์ที่ต้องการแล้วให้สมาร์ตโฟนปรับแต่งตามที่ตั้งไว้ โดยที่ยังรักษาโทนสีของท้องฟ้าและสีผิวให้ดูเป็นธรรมชาติ

iPhone SE 3 มาพร้อมกับ iOS 15 ที่ช่วยเสริมพลังและประสิทธิภาพการใช้งานที่หลากหลายขึ้น 

iPhone SE มาในสี Midnight (ดำ), Starlight (ขาว) และรุ่น PRODUCT RED (แดง) วางจำหน่ายในราคา

ที่มา: AppleTH