Apple เปิดตัว AirPods รุ่นที่ 3 ที่มาพร้อมระบบเสียงตามตำแหน่ง และคุณสมบัติขั้นสูง ในดีไซน์ใหม่แบบโค้งมน ผสานพลังชิป H1 ที่เข้ากับดีไซน์อะคูสติกที่ออกแบบโดย Apple มอบประสบการณ์การฟังสุดล้ำพร้อม EQ แบบปรับได้เองด้วยการใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินกับระบบเสียงตามตำแหน่งที่มาพร้อม Dolby Atmos ใน Apple Music, ภาพยนตร์ และรายการทีวี พร้อมด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิกบนอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple
AirPods ใหม่ มีความสามารถในการทนเหงื่อและน้ำ ทั้งยังมาพร้อมเซ็นเซอร์แรงกดเพื่อการควบคุมเพลงและการโทรที่ง่ายดายและเป็นธรรมชาติ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น ทำให้สามารถฟังได้นานถึง 6 ชั่วโมง และฟังได้นานถึง 30 ชั่วโมงด้วยเคสชาร์จที่ใช้งานสะดวก AirPods (รุ่นที่ 3)
ดีไซน์ใหม่หมด
ดีไซน์ใหม่ของ AirPods มีน้ำหนักเบา และมาในรูปทรงโค้งมน และทำมุมได้ลงตัวพอดีกับหู ทำให้ทั้งใส่สบายและเสียงเข้าสู่หูของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ก้านยังสั้นกว่ารุ่นก่อน ให้ลุคที่ดูเรียบง่ายขึ้น และมาพร้อมเซ็นเซอร์แรงกดแบบเดียวกับ AirPods Pro เพื่อการควบคุมที่ง่ายดาย โดย AirPods ใหม่ สามารถทนเหงื่อและน้ำที่ระดับ IPX4 สำหรับทั้งหูฟังและเคสชาร์จ
คุณสมบัติด้านเสียงสุดล้ำ
AirPods (รุ่นที่ 3) พัฒนาขึ้นจากคุณภาพเสียงชั้นยอด เริ่มจากไดรเวอร์แบบเฉพาะและตัวขยายสัญญาณที่มีช่วงไดนามิกสูง ที่ทำงานร่วมกันเพื่อถ่ายทอดเสียงเบสอันทรงพลังพร้อมด้วยเสียงสูงที่คมชัดและใสสะอาด ไมโครโฟนหุ้มด้วยผ้าตาข่ายอะคูสติกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากลม เสียงของผู้พูดจึงดังชัดเจนระหว่างคุยโทรศัพท์ นอกจากนี้ AirPods ยังมาพร้อม AAC-ELD ซึ่งเป็นตัวแปลงสัญญาณเสียงพูด ให้คุณภาพเสียงระดับ Full HD การโทรแบบ FaceTime จึงฟังชัดเจนและเป็นธรรมชาติเสมอ
AirPods ใหม่ ใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อนำประสบการณ์ล้ำสมัยที่ลูกค้าชื่นชอบบน AirPods Pro และ AirPods Max อย่าง EQ แบบปรับได้เองและระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกมามอบให้กับผู้ใช้จำนวนมากขึ้น
AirPods ใหม่ มาพร้อมคุณสมบัติ EQ แบบปรับได้เองที่จะปรับเสียงให้เข้ากับหูแบบเรียลไทม์ มอบประสบการณ์การฟังที่สมบูรณ์แบบพร้อมรายละเอียดที่เต็มอิ่ม ไมโครโฟนที่หันเข้าด้านในจะคอยตรวจสอบเสียงที่ผู้ใช้ได้ยิน จากนั้น EQ แบบปรับได้เองซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ จะปรับแต่งเสียงต่ำและกลางเพื่อชดเชยรายละเอียดที่อาจหายไปจากระดับความกระชับที่ต่างกัน
ระบบเสียงตามตำแหน่งจะทำให้เสียงอยู่ล้อมรอบตัวผู้ใช้เพื่อสร้างประสบการณ์การฟังแบบสามมิติที่เหมือนในโรงภาพยนตร์ และมาพร้อมด้วยระบบเสียง Dolby Atmos จึงทำให้ได้เสียงที่ยอดเยี่ยม ผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์แบบหลายมิติด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิกที่จะทำให้เพลง วิดีโอ และแม้แต่การโทร FaceTime แบบกลุ่มให้ความรู้สึกสมจริงยิ่งกว่าที่เคย การใช้อัลกอริทึมระบบเสียงตามตำแหน่งขั้นสูงและการใส่ฟิลเตอร์กำหนดทิศทางเสียงเพื่อปรับความถี่ที่หูแต่ละข้างอย่างแนบเนียน ทำให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงแบบโอบล้อมรอบตัว
ประสบการณ์อันมหัศจรรย์
ผู้ใช้สามารถตั้งค่าด้วยการแตะครั้งเดียวเพื่อจับคู่ AirPods กับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ โดยอัตโนมัติ จากนั้นก็เพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้ตลอดทั้งวัน โดยคุณสมบัติ "การแชร์เสียง" ช่วยให้ผู้ใช้แชร์สตรีมเสียงระหว่าง AirPods, AirPods Pro หรือ AirPods Max สองคู่ได้ง่ายๆ บน iPhone, iPad, iPod touch หรือ Apple TV
เซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนังแบบใหม่จะสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างหูกับพื้นผิวอื่นๆ อย่างกระเป๋าเสื้อหรือโต๊ะได้อย่างแม่นยำ และจะหยุดเล่นชั่วคราวเมื่อ AirPods ไม่ได้อยู่ในหู นอกจากนี้ไมโครโฟนแบบบีมฟอร์มมิ่งจะช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้างออกและโฟกัสที่เสียงของผู้ใช้เพื่อช่วยให้เสียงชัดเจนขึ้น และผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับการใช้งานแฮนด์ฟรีได้ด้วยการพูดว่า "หวัดดี Siri" เพื่อขอให้ Siri ช่วยทำสิ่งต่างๆ
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น
AirPods (รุ่นที่ 3) มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้า 1 ชั่วโมง โดยสามารถใช้ฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมง และสนทนาได้นานสูงสุด 4 ชั่วโมง ชาร์จเพียง 5 นาที แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง และใช้ฟังได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อชาร์จในเคสชาร์จอีก 4 รอบ นอกจากนี้ AirPods ยังสามารถใช้งานร่วมกับที่ชาร์จไร้สาย MagSafe ได้ด้วย
AirPods พร้อมด้วย iOS และ iPadOS
ด้วย iOS 15 และ iPadOS 15 ทำให้ผู้ใช้ AirPods สามารถเพลิดเพลินกับคุณสมบัติต่อไปนี้ได้ด้วย
- ระบบเสียงตามตำแหน่งและการติดตามศีรษะแบบไดนามิกทำให้เสียงพูดขณะโทร FaceTime แบบกลุ่มฟังเหมือนกับว่าทิศทางของเสียงมาจากตำแหน่งที่ผู้พูดอยู่บนหน้าจอจริงๆ และเหมือนกับว่าทุกคนอยู่ในห้องเดียวกัน
- คุณสมบัติ "การอ่านการแจ้งเตือน" ทำให้ Siri สามารถอ่านการแจ้งเตือนที่สำคัญได้ทันที รวมถึงการเตือนจากแอปข้อความ เตือนความจำ ปฏิทิน และการโทร รวมถึงแอปของบริษัทอื่นๆ ที่ใช้ API นี้ด้ว
- และตอนนี้ AirPods ยังเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายค้นหาของฉันที่ประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์, iPhone, iPad และ Mac หลายร้อยล้านเครื่องทั่วโลก ผู้ใช้จึงสามารถดูมุมมองที่บอกระยะความใกล้ในแอปค้นหาของฉันและโหมดสูญหาย ทั้งยังรับการแจ้งเตือนหาก AirPods อยู่นอกระยะหรือทำให้ AirPods ส่งเสียงได้ด้วย
ราคาและการวางจำหน่าย
- AirPods (รุ่นที่ 3) จะวางจำหน่ายในราคา 6,790 บาท โดยจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
- AirPods (รุ่นที่ 2) จะวางจำหน่ายในราคาใหม่ที่ 4,990 บาท
- AirPods Pro มาพร้อมเคสชาร์จ MagSafe ในราคาเดิมที่ 8,992 บาท
- สมาชิกใหม่สามารถใช้ Apple Music ได้ฟรี 6 เดือน เมื่อซื้อ AirPods, AirPods Pro หรือ AirPods Max รุ่นใดก็ได้
- AirPods ต้องใช้กับอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ iOS 15.1, iPadOS 15.1, watchOS 8.1, tvOS 15.1 หรือ macOS Monterey ซึ่งทั้งหมดจะพร้อมให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีในสัปดาห์หน้า
- ลูกค้าสามารถเพิ่มการสลักข้อความส่วนตัวด้วยอิโมจิ ข้อความ และตัวเลขลงบนเคสสำหรับ AirPods Pro, AirPods (รุ่นที่ 3) และ AirPods (รุ่นที่ 2) ได้ฟรีที่ apple.com/th/store หรือในแอป Apple Store
นอกจากนี้ Apple ยังได้เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ HomePod mini ที่มาใน 3 สีสันสุดสวยอย่าง สีเหลือง สีส้ม และสีน้ำเงิน เพื่อเพิ่มตัวเลือกในการบ่งบอกบุคลิกและสไตล์ของผู้ใช้ในทุกที่ โดย HomePod mini มาในขนาดความสูงเพียง 3.3 นิ้ว ควบคุมผ่าน Siri พร้อมคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในตัว ทำงานร่วมกันอย่างลื่นไหลกับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของ Apple
Apple HomePod mini มาใน 3 สีใหม่ รวมถึงสีเดิมอย่าง สีขาว และสีเทาสเปซเกรย์ พร้อมรายละเอียดต่างๆ ที่มีสีสันเข้ากันไปหมด ทั้งพื้นผิวระบบสัมผัสแบบมีสี ผ้าตาข่าย ไอคอนระดับเสียง และสายไฟแบบถัก โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
เสียงกระหึ่มสุดใจในขนาดกะทัดรัด
HomePod mini ใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในการฟังเพลงแบบเต็มอิ่มชัดเจนทุกรายละเอียด และมีประสิทธิภาพ ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด แต่ให้เสียงกระหึ่ม ใส่ชิป Apple S5 เพื่อเรียกใช้ซอฟต์แวร์ขั้นสูงในการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของเพลง และยังใช้รูปแบบการปรับจูนที่ซับซ้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ความดัง ปรับช่วงไดนามิก และควบคุมการเคลื่อนไหวของไดรเวอร์ รวมถึงระบบ Passive Radiator แบบเรียลไทม์ ไดรเวอร์แบบ Full-range แม่เหล็กนีโอไดเนียมสุดพรีเมี่ยม และระบบ Passive Radiator คู่แบบตัดแรงสั่น ช่วยให้ HomePod mini สามารถสร้างเสียงเบสแบบหนักแน่นและเสียงถี่สูงที่คมชัด
ไกด์เวฟอะคูสติกที่ออกแบบโดย Apple ช่วยพาเสียงให้ไหลออกจากทางด้านล่างของลำโพง เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงเสมือนจริงรอบด้านครบ 360 องศา ซึ่งจะช่วยรักษาความอิ่มชัดของเสียงไว้ และยังทำให้สามารถวาง HomePod mini ไว้ที่ใดในห้องก็สามารถเพลิดเพลินได้ทุกมุม และหากวางลำโพง HomePod mini ไว้ในหลายห้อง ยังสามารถซิงค์เพื่อเล่นเพลงเดียวกันทั่วบ้าน หรือจะเล่นเพลงแยกกันไปในแต่ละห้องก็ได้ การวางลำโพง HomePod mini ไว้ในห้องเดียวกัน 2 ตัว จะเป็นการจับคู่สเตอริโอเพื่อรับประสบการณ์ในการฟังเพลงที่เต็มอิ่มสมจริงขึ้นไปอีกขั้น ชุดไมโครโฟน 3 ตัว จะรอฟังคำสั่ง "หวัดดี Siri" ส่วนไมโครโฟนตัวที่ 4 ซึ่งหันเข้าด้านในจะคอยตัดเสียงที่มาจากลำโพง เพื่อให้ได้ Siri ได้ยินคำขอด้วยเสียงพูดชัดเจนขึ้นในขณะที่เล่นเพลงอยู่
Apple Music Voice บน HomePod mini
HomePod mini ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ Apple Music, Apple Podcasts, สถานีวิทยุหลายพันแห่ง รวมถึง Apple Music 1 ที่ได้รับรางวัล และบริการด้านเพลงที่ได้รับความนิยมอื่นๆ เช่น Pandora, Deezer เพื่อมอบความบันเทิงให้แก่ทุกคน โดย Apple Music มีเพลงให้เลือกฟังมากกว่า 90 ล้านเพลง ที่ผ่านการเลือกสรรโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้สร้างเทรนด์ระดับโลก พร้อมเพลย์ลิสต์นับพันรายการที่เลือกเฟ้นมาเป็นอย่างดี ซึ่งสร้างมาเพื่อแผนบริการ Apple Music Voice โดยเฉพาะ รวมถึงมีการออกอากาศทางวิทยุและเนื้อหาที่ผลิตเองอื่นๆ อีกมากกว่า 25,000 รายการ
ลำโพงอัจฉริยะที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ iPhone
ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง ฟังพ็อดคาสท์ หรือรับสายโทรศัพท์ ก็สามารถนำ iPhone มาไว้ใกล้ๆ HomePod mini เพื่อส่งต่อเสียงไปยังลำโพงได้อย่างไม่ขาดตอน ตัวลำโพงยังให้ประสบการณ์พิเศษขึ้นไปอีกหากใช้ร่วมกับ iPhone ที่มีชิป U1 เพราะจะมีเอฟเฟกต์ด้านภาพ เสียง และการสั่น ที่ชวนให้รู้สึกว่าอุปกรณ์ได้เชื่อมต่อกันจริงๆ ในขณะที่ส่งผ่านเสียงจากอุปกรณ์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่อง หาก HomePod mini ไม่ได้เล่นอะไรใดอยู่ แล้วนำ iPhone มาไว้ใกล้ๆ ลำโพง หน้าจอ iPhone จะปรากฏคำแนะนำแบบเฉพาะตัวบน iPhone โดยอัตโนมัติ พร้อมแสดงตัวควบคุมต่างๆ ที่ใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องปลดล็อก iPhone
ผู้ช่วยอัจฉริยะเปี่ยมประสิทธิภาพ
HomePod mini มีความอัจฉริยะจาก Siri โดยผู้ใช้ iPhone จะได้รับประสบการณ์แบบเฉพาะตัวซึ่งผสานรวมไว้เต็มรูปแบบ Siri สามารถรู้จำเสียงได้มากถึง 6 เสียงสำหรับสมาชิกแต่ละคนในบ้าน สามารถปรับเลือกเพลงและพ็อดคาสท์มาให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละคน รวมไปถึงการช่วยเหลือตามคำขอต่างๆ เช่น อ่านข้อความ การแจ้งเตือน โน้ต และการนัดหมายในปฏิทิน รวมถึงต่อสายหรือรับสายโทรศัพท์ นอกจากนี้ Siri ยังสามารถแจ้งอัปเดตรายบุคคลเพื่อให้ทราบภาพรวมของวันได้ ด้วยการถามว่า "หวัดดี Siri ฉันมีอัปเดตอะไรบ้าง" เพื่อฟังข่าวสารล่าสุด สภาพอากาศ การจราจร การแจ้งเตือน และนัดหมายในปฏิทินในคำขอเดียว
ควบคุมสมาร์ทโฮมได้ง่ายนิดเดียว
HomePod mini ช่วยให้ควบคุมอุปกรณ์เสริมด้านสมาร์ทโฮมได้ง่ายๆ เพียงใช้การสั่งการด้วยเสียงกับ Siri เพื่อปิดไฟ เปลี่ยนอุณหภูมิ ล็อกประตู สร้างบรรยากาศ หรือควบคุมอุปกรณ์ตามเวลาแบบเจาะจง และผู้ใช้ยังสามารถขอความช่วยเหลือแบบแฮนด์ฟรีได้อีกด้วย โดยพูดสั่งอุปกรณ์เสริมด้านสมาร์ทโฮมต่างๆ ที่ใช้ร่วมกับ Siri ได้เลย เพราะ Apple ออกแบบให้อุปกรณ์เสริมที่ใช้ร่วมกับ Siri ได้ สามารถส่งคำขอผ่าน HomePod mini ที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
คุณสมบัติอินเตอร์คอมช่วยให้ผู้คนในบ้านพูดคุยกันได้ง่ายและรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถส่งข้อความผ่านอินเตอร์คอมจาก HomePod mini เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องได้ ซึ่งทำได้ทั้งแบบที่ลำโพงอยู่คนละห้องกัน อยู่ในโซนแบบเจาะจง หรืออยู่ในหลายๆ ห้องในบ้าน แล้วระบบจะเล่นข้อความเสียงนั้นโดยอัตโนมัติผ่าน HomePod mini ตัวที่กำหนดไว้ อินเตอร์คอมยังสามารถทำงานได้บน iPhone, iPad, Apple Watch, AirPods และ CarPlay อีกด้วย เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้รับการแจ้งเตือนของอินเตอร์คอม และส่งข้อความผ่านอินเตอร์คอมจากสนามหลังบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน หรือตอนอยู่นอกบ้านได้
ออกแบบโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
สำหรับ HomePod mini ระบบจะส่งข้อมูลใดๆ ไปที่เซิร์ฟเวอร์ของ Apple ได้หลังจากที่ตัวอุปกรณ์ได้รู้จำคำว่า "หวัดดี Siri" หรือผู้ใช้ได้เปิดใช้ Siri โดยการสัมผัสแล้วเท่านั้น โดย Apple จะไม่นำคำขอเหล่านั้นมาเชื่อมโยงกับ Apple ID ของผู้ใช้หรือข้อมูลส่วนตัว เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ด้านการโฆษณา หรือขายให้องค์กรอื่นๆ HomePod mini ทำงานร่วมกับ iPhone เพื่อทำตามคำขอเกี่ยวกับข้อความและโน้ตต่างๆ ให้เสร็จสมบูรณ์ในตัวอุปกรณ์เอง โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นให้ Apple ทราบ
อีกหลายคุณสมบัติที่น่าสนใจ
- การขยายการรู้จดจำเสียงผู้ใช้แบบหลายราย : ภายในปีนี้ Apple จะเริ่มขยายการรู้จดจำเสียงผู้ใช้แบบหลายรายให้ Siri ไปยังทุกภูมิภาคที่มี HomePod mini วางจำหน่าย เพื่อให้สมาชิกทุกคนในบ้านเพลิดเพลินไปกับเพลงที่คัดสรรมาให้เหมาะกับรูปแบบรสนิยมของแต่ละคน เข้าถึงเพลย์ลิสต์ของตัวเอง ใช้ Personal Requests และอื่นๆ
- การปรับระดับเสียงของ Siri โดยอัตโนมัติ : Siri ยังจะปรับระดับเสียงพูดของตัวเองโดยอัตโนมัติอีกด้วยบน HomePod mini เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในห้องและระดับเสียงพูดของผู้ใช้
- ตัวเลือกเสียงที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับ Siri : ในตอนนี้ Siri มีตัวเลือกเสียงที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษในสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้จึงสามารถเลือกเสียงที่ตรงใจได้เลยตั้งแต่ตอนเริ่มตั้งค่าอุปกรณ์
- ยกระดับเสียงที่มาจาก Apple TV 4K : ผู้ใช้สามารถจับคู่ HomePod mini กับ Apple TV 4K เพื่อรับประสบการณ์แบบเต็มอิ่มไม่ผิดเพี้ยนทุกช่วงเสียง HomePod mini ใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์เสียงและสร้างรูปแบบต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ได้เสียงสนทนาที่ชัดเจนทุกรายละเอียด
- การควบคุม Apple TV : HomePod mini สามารถใช้งานร่วมกับ Siri ได้ เพื่อให้ผู้ใช้มีวิธีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการโต้ตอบกับ Apple TV เช่น ผู้ใช้สามารถขอให้ Siri เปิด Apple TV เริ่มเปิดรายการทีวีหรือภาพยนตร์ และควบคุมการเล่นได้
- ไหนขอเสียงหน่อย : เมื่อถาม Siri บน HomePod mini ว่าสัตว์ เครื่องดนตรี หรือยานพาหนะต่างๆ มีเสียงอย่างไร Siri ก็จะเล่นเสียงขำๆ เหล่านั้นแบบเหมือนจริงเป๊ะให้คุณฟัง
- วิธีใหม่ๆ ในการควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้าน : Siri สามารถควบคุมอุปกรณ์เสริมอัจฉริยะในบ้านตามเวลาที่กำหนด คุณจึงขอให้ Siri ช่วยปิดไฟในอีก 10 นาที หรือเปิดไฟระเบียงบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินได้
- ค้นหาของฉัน : ขอให้ Siri บน HomePod mini ช่วยสั่งให้ iPhone, iPad, iPod touch, Mac, Apple Watch หรือ AirTag ซึ่งวางอยู่ผิดที่ผิดทางส่งเสียงออกมาให้คุณทราบว่าอุปกรณ์นั้นอยู่ที่ไหน
ที่มา : Apple Newsroom
1 |
2