จากข่าวคราวการมาถึงของ Apple iPhone 15 Series ใหม่ ที่เปลี่ยนมาใช้พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C แล้ว หลังจากยืนพื้นใช้พอร์ตแบบ Lightning มาอย่างยาวนาน หลายคนจึงอาจเริ่มเกิดความสงสัยว่า แล้วไอ้เจ้าพอร์ต USB Type-C หรือ USB-C นี้ มีข้อดีอย่างไร ทำไมบริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ จึงเริ่มเปลี่ยนมาใช้พอร์ตชนิดนี้กันแล้ว และแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิ้ลเอง ที่ในที่สุดก็ (ต้อง) เปลี่ยนมาใช้พอร์ตชนิดนี้เช่นเดียวกัน เนื่องด้วยข้อบังคับทางกฎหมาย บังคับใช้ USB-C เป็นพอร์ตชาร์จและเชื่อมต่อมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด เพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐานกลางเดียวกัน พร้อมเป้าหมายลดการเพิ่มขึ้นของขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปด้วยในตัว วันนี้เรามาทำความรู้จักกับพอร์ตหรือหัวชาร์จชนิดนี้กันค่ะ
พอร์ต USB-C คืออะไร?
USB Type-C หรือ USB-C คือรูปแบบของหัวหรือพอร์ตเชื่อมต่อสำหรับถ่ายโอนข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นมาตรฐานของพอร์ตเชื่อมต่อที่ถูกนำมาใช้งานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ตั้งแต่ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก และอุปกรณ์ต่อพ่วงอีกหลากหลาย
โดยในปัจจุบัน จะมีทั้งรูปแบบที่ใช้เป็นพอร์ตแบบ USB Type-C ทั้งสองฝั่ง และแบบที่ใช้เพียงฝั่งเดียว ซึ่งในสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่จะนิยมเปลี่ยนไปใช้เป็นพอร์ตนี้กันเกือบทั้งหมดแล้ว
สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C นั้น มีชื่อเรียกมาจากลักษณะทางกายภาพของหัวต่อที่คล้ายกับอักษรตัว C ซึ่งข้อดีหลัก ๆ เลยก็คือเราสามารถเสียบใช้งานด้านไหนก็ได้ หากคนที่เคยใช้หัวต่อแบบ USB Type-A หรือ Micro USB มาก่อน จะรู้ว่าเราต้องหันให้ถูกด้านเท่านั้นจึงจะใช้งานได้
ข้อดีของพอร์ต USB-C
- ใช้งานง่าย หัวต่อสามารถเสียบแบบพลิกกลับด้านไหนก็ได้
- ด้วยขนาดที่เล็กกว่าและบางกว่า ทำให้อุปกรณ์ที่เลือกใช้งานพอร์ต USB-C จึงสามารถออกแบบให้มีดีไซน์ที่บางกว่าได้
- มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วกว่า
- รองรับการชาร์จไฟดีกว่าเดิม และรองรับการชาร์จแบบย้อนกลับ (Reverse Charging)
ตัวเลขต่อท้ายของพอร์ต USB-C คืออะไร?
หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยตามมา เมื่อหลายครั้งที่เราเห็นสเปกของมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ มักจะระบุข้อมูลของพอร์ตเชื่อมต่อไว้ว่าเป็น USB Type-C แต่ก็ดันมีตัวเลขพ่วงท้ายมาด้วย แล้วตัวเลขพวกนี้คืออะไรกันล่ะ? มาทำความเข้าใจแบบเร็ว ๆ ได้จากตารางด้านล่างได้เลยค่ะ
ชื่อการตลาด | ชื่อทางเทคนิค (ชื่อเดิม / ชื่อย่อ) | ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล | อินเตอร์เฟสเชื่อมต่อ |
USB 5Gbps | USB 3.2 Gen 1×1 (USB 3.0, USB 3.1 Gen 1, SuperSpeed) | 5Gbps | USB-A, USB-C, micro USB |
USB 10Gbps | USB 3.2 Gen 1×2 (USB 3.2, SuperSpeed+) | 10Gbps | USB-A, USB-C, micro USB |
USB 20Gbps | USB 3.2 Gen 2×2 (USB 3.2, SuperSpeed+) | 20Gbps | USB-C |
USB 40Gbps | USB4 Version 1.0 | 40Gbps | USB-C |
USB 80Gbps | USB4 Version 2.0 | 80Gbps | USB-C |
ซึ่งโดยปกติแล้วบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ มักจะใช้เป็นชื่อย่อมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น USB 3.0, USB 3.1, USB 3.2 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ก็คือมาตรฐานความเร็วการรับ-ส่งข้อมูลที่กำหนดโดย USB Implementers Forum หรือ USB-IF
iPhone 15 Series ของแอปเปิ้ล ที่ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ USB-C แล้ว รวมถึง AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ที่อัปเกรดใหม่ให้เป็นเคสชาร์จ USB-C ด้วยเช่นกัน | Credit : Apple เปิดตัว iPhone 15 และ iPhone 15 Plus - Apple (TH) ดังนั้นสรุปได้ว่า หากเราเห็น USB 3.2 gen 2x2 ก็หมายความว่า อุปกรณ์นั้นเป็นพอร์ตมาตรฐาน USB 3.2 ใช้อินเตอร์เฟสเชื่อมต่อแบบ Type C รองรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงสุดที่ 20Gbps และชื่อทางการตลาดจะใช้ว่า USB 20Gbps นั่นเอง
ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีสัญลักษณ์ระบุไว้ แปะอยู่ใกล้ ๆ กับพอร์ตนั้น เพื่อให้เรารู้ว่าเป็นพอร์ตอะไร มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลแค่ไหน ซึ่งสำหรับพอร์ต Type C จะเป็นสัญลักษณ์รูปสามง่าม และมีตัวอักษร SS (SuperSpeed) พร้อมตัวเลขระบุ จากตัวอย่างด้านล่าง ถ้าเราเห็นก็สามารถบอกได้ทันทีว่านี่คือ USB 3.2 Gen 2 ที่มีความเร็วการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงสุดที่ 10 Gbps ค่ะ
นอกจากนี้ ก็ยังมี Thunderbolt อีกด้วย ซึ่งเดิมทีพอร์ตนี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Intel® และ Apple จึงทำให้ในช่วงแรกจะมีดีไซน์อินเตอร์เฟสเฉพาะตัวและใช้งานได้เฉพาะในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลเท่านั้น ต่อมาได้มีการเปลี่ยนมาใช้อินเตอร์เฟสแบบ USB-C ซึ่งสามารถทำงานได้เหมือนกับ USB-C แต่จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า
ดังนั้น หากคุณกำลังจะซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สักชิ้น แล้วเห็นสัญลักษณ์หรือสเปกที่บ่งบอกว่ามีการใช้งานพอร์ต USB-C ซึ่งบางคนอาจจะเลือกพิจารณาจากความใหม่หรือความเร็วแรงเป็นหลัก หรือบางคนอาจจะไม่จำเป็นต้องใหม่สด แต่สามารถใช้งานได้ตามความต้องการและงบประมาณไม่บานปลาย หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้รู้จักกับพอร์ต USB-C นี้มากขึ้น รวมทั้งสามารถเลือกซื้อและพิจารณาเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้องค่ะ
อ้างอิง