การเลือกหูฟังไร้สายเพื่อมาใช้คู่กับ iPhone ยังคงเป็นข้อถกเถียงกันในเหล่าผู้ใช้งานหลายคน เพราะในปัจจุบันหูฟังไร้สายจากแบรนด์ Third Party มีให้เราเลือกซื้อเลือกใช้หลากหลาย และเรื่องของ "เสียง" ก็เป็นจุดเด่นที่แต่ละแบรนด์จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้หลายคนเลือกที่จะซื้อหูฟังไร้สายจากแบรนด์อื่นมาใช้แทนของ Apple เอง
แต่อย่างไรก็ดี การที่เราเลือกใช้หูฟังไร้สายจากแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนที่เราใช้อยู่นั้น เราก็มักจะได้ความ Exclusive ในการใช้งานฟีเจอร์บางอย่างที่ทางแบรนด์เปิดให้ใช้โดยเฉพาะด้วยเช่นกัน อย่างเช่น การเลือกใช้ "AirPods" กับ iPhone ที่เรากำลังจะแนะนำในบทความนี้ครับ
"AirPods" เป็นหูฟังไร้สายที่ทาง Apple พัฒนาและผลิตออกมาจำหน่ายเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าของตนเอง โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 ซึ่งในปัจจุบันทาง Apple วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น ประกอบด้วย
► AirPods Generation 2nd : ราคาจำหน่ายทางการ 5,290 บาท
► AirPods Generation 3rd : ราคาจำหน่ายทางการ 6,790 บาท
► AirPods Pro Generation 2nd : ราคาจำหน่ายทางการ 8,990 บาท
► AirPods Max : ราคาจำหน่ายทางการ 19,990 บาท
สำหรับคนที่เลือกใช้ AirPods เป็นหูฟังไร้สายคู่กับการใช้งานด้านเสียงบน iPhone จะสามารถใช้งาน Exclusive ฟีเจอร์ที่ทาง Apple ทำมาบน iOS และ iPadOS ได้ด้วยกัน 5 ฟีเจอร์เด่น ๆ คือ
1. | แตะเพียงครั้งเดียว เพื่อตั้งค่าและเชื่อมต่อ
AirPods ทุกรุ่นของ Apple จะรองรับความสามารถในการเชื่อมต่อ iPhone และ iPad เพียงการแตะที่ปุ่ม "เชื่อมต่อ" เพียงครั้งเดียว เพียงแค่เปิดฝาเคสครั้งแรก และนำตัวเคสและหูฟังไปไว้ใกล้ ๆ iPhone หรือ iPad ตัวเครื่องก็จะขึ้น Pop-up การเชื่อมต่อทันที หลังจากนั้นเวลาเปิดฝาเคส AirPods ใช้งาน ตัวหูฟังก็จะเชื่อมต่อกับ iDevice ของเราให้ทันที
2. | ระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spital Sound)
เป็นระบบเสียงขั้นเทพของ Apple ที่หลายคนชื่นชมว่า ช่วยให้ประสบการณ์ด้านเสียงบน AirPods ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ระบบเสียงตามตำแหน่ง หรือ Spital Sound จะเป็นระบบเสียงที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ที่หูฟังในการตรวจจับตำแหน่งของศีรษะผู้ใช้งานว่า อยู่ในตำแหน่งไหน ณ ขณะนั้น เพื่อปรับเสียงให้เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ๆ แบบไดนามิก ทำให้ไม่ว่าเราจะหันหน้าไปทางไหน เสียงก็จะโอบล้อมเราอยู่ตลอด
3. | การแชร์เสียงที่เล่นอยู่ให้ AirPods ตัวอื่น
ในขณะที่เราเล่นเพลงจาก Apple Music หรือแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ ที่รองรับ เราสามารถเลือกแชร์เสียงที่ฟังอยู่ไปยัง AirPods ตัวอื่น ให้สามารถฟังเพลงไปพร้อมกับเราได้
4. | สลับอุปกรณ์ใช้งานให้อัตโนมัติ
AirPods จะรองรับความสามารถใหม่บน iOS และ iPadOS ในการสลับอุปกรณ์ใช้งานให้อัตโนมัติ เมื่อมีการเปลี่ยนไปใช้งานเสียงที่เครื่องอื่นที่เป็น iDevice ช่วยให้การใช้งานไหลลื่นและต่อเนื่อง เพราะเราไม่ต้องคอยตัดการเชื่อมต่อจากเครื่องเดิม และมาเชื่อมต่อเครื่องใหม่
5. | รองรับการสั่ง SIRI ด้วยเสียง
สุดท้ายคือ ความสามารถในการสั่งการด้วยเสียงสำหรับ "SIRI" ผู้ช่วยอัจฉริยะ ซึ่งตัว AirPods จะรองรับการสั่งการด้วยเสียงแบบ Native เลย ทำให้เราสามารถเรียกใช้งาน SIRI ได้ทันที ไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าเพิ่มในระบบ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงหนึ่งในความสามารถแบบ Exclusive จากหลาย ๆ อย่าง ที่ทาง Apple ปล่อยออกมาให้เฉพาะผู้ที่ใช้งาน AirPods เท่านั้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็คงขึ้นกับความชอบของแต่ละคน เพราะเรื่องเสียงเป็นเรื่องที่เป็นความชอบส่วนบุคคล บางคนอาจจะไม่ได้ใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้เลย แค่ต้องการประสบการณ์เสียงที่สุดเท่านั้น แต่บางคนก็อาจจะชอบก็ได้ ดังนั้นก็เลือกตามความชอบและเหมาะสมกันได้เลยครับ!