รีวิว OPPO Reno7 Z 5G สมาร์ทโฟนที่มาพร้อม Ultra-Slim Retro Design และ Dual Orbit Lights "เป็นตัวเองได้ไม่จำกัด ด้วยพอร์ตเทรต" กับโหมด Bokeh Flare Portrait

OPPO Reno7 Z 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก OPPO ที่มาพร้อมสโลแกน "The Portrait Expert" และดีไซน์ที่สวยสะดุดตา บางเฉียบ ดูทันสมัยกับ Ultra-Slim Retro Design โดยผ่านการทดสอบ 6 อย่าง ได้แก่ การร่วงหล่น ,การกันน้ำ, การแผ่รังสี ,การตรวจจับสภาพภูมิอากาศ ,Micro-Drop และการเชื่อมต่อของสัญญาณ นอกจากนั้นยังมีการควบคุมกระบวนการผลิตทั้งหมดกว่า 50 รายการ, การทดสอบความน่าเชื่อถือที่เข้มงวดเป็นพิเศษกว่า 30 รายการ, การทดสอบและการทดลอง มากกว่า 320 ครั้ง อีกทั้งยังมีการทดสอบ Micro-Drop กว่า 28,000 ครั้ง, การทดสอบความทนทานของปุ่มเปิด/ปิดเครื่องกว่า 500,000 ครั้ง และการทดสอบความทนทานต่ออุณหภูมิสูงและความชื้นสูง เป็นเวลานานถึง 14 วัน เลยทีเดียว เป็นสมาร์ทโฟนที่ไม่เพียงแต่สวยงาม ยังแข็งแรงทนทานมากๆอีกด้วยนะครับ และนอกจากนี้ยังรองรับมาตรฐาน IPX4 ป้องกันละอองน้ำ จากเหงื่อ หรือฝน จากทุกทิศทาง

และชุดกล้องยังมาพร้อม Dual Orbit Lights โดยมีการวางโครงสร้างชุดไฟ RGB ที่ซับซ้อนใต้ฝาปิดวงแหวนเลนส์ โดยจะเปร่งแสงเมื่อมีการชาร์จไฟ, การแจ้งเตือนทั้งการโทร และข้อความ รวมทั้งตอนเปิดเกมอีกด้วย ช่วยให้ OPPO Reno7 Z 5G ดูพิเศษและสวยงามมากๆครับ ผมว่าสายเกมน่าชื่นชอบกันอย่างแน่นอน ที่สำคัญสำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมาพร้อม Bokeh Flare Portrait ซึ่งจะเป็นการจำลองการถ่ายภาพ ละลายฉากหลังได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจคล้ายๆกับกล้อง DSLR ช่วยสะกิดดวงไฟโบเก้ให้ระเบิดออกอย่างสวยงาม และในครั้งนี้ยังฉลาดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยมีการนำ AI เข้ามาช่วยประมวลผลออกมาอย่างธรรมชาติมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย สมกับคำนิยาม "เป็นตัวเองได้ไม่จำกัด ด้วยพอร์ตเทรต"

OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมกล้องหน้ารูปแบบ Punch-Hole AMOLED Screen ความละเอียด 16MP F2.4 และกล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียดดังนี้

กล้องของ OPPO Reno7 Z 5G คุณภาพกล้องทำได้น่าสนใจมากครับ ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า สีสันสวยงาม ลายละเอียดภาพเก็บได้ดี ผมชอบภาพ Portrait ของรุ่นนี้นะครับ ผมว่าตัดขอบได้ฉลาดและสวยงาม โดยเฉพาะฟีเจอร์เด่นอย่าง Bokeh Flare Portrait พัฒนาขึ้นจากเดิมมากครับ ถ่ายได้สวยทุกสภาพแสงเลย ระเบิดโปเก้ได้สวยงามและน่าประทับใจมากๆ นอกจากนี้ Portrait Retouching เป็นฟีเจอร์ที่ทำได้น่าประทับใจครับ ถ่ายได้สวยจนไม่ต้องไปแต่งภาพต่อเลย เรียกได้ว่าพร้อมใช้งานเลยครับ รวมทั้งฟีเจอร์ HDR ในรุ่นนี้ก็สร้างผลงานที่ดีมากครับ ไม่ว่าจะถ่ายย้อนแสงยังไงก็เก็บรายละเอียดได้ครับทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าเลย ที่จะเสียดายก็ตรงในรุ่นนี้บันทึกวิดีโอได้เพียง 1080P 30FPS เท่านั้นครับ รวมทั้งยังไม่รองรับระบบกันสั่นอีกด้วย

Bokeh Flare Portrait รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ช่วยสะกิดดวงไฟโบเก้ให้ระเบิดออกอย่างสวยงาม คล้ายภาพที่ถ่ายด้วยกล้องและเลนส์ระดับโปร ผมเชื่อว่าถ้าได้ลองถ่ายคุณจะชอบฟีเจอร์นี้อย่างแน่นอนเลยครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Portrait

เปรียบเทียบถ่ายภาพปกติ กับฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait ในเวลากลางคืน สภาพแสงยากๆ มีความซับซ้อน ก็ยังเอาอยู่!

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait (Selfie) ด้วยกล้องหน้า

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Portrait พร้อม Filter ที่หลากหลาย

AI Color Portrait ช่วยให้ภาพบุคคลยังคงมีสีสันสดสวย แต่ฉากหลังจะกลายเป็น สีขาว-ดำ อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ภาพบุคคลดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น (รองรับเฉพาะกล้องหน้านะครับ)

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ AI Color Portrait

OPPO Reno7 Z 5G รองรับการถ่ายภาพ 3 ระยะ 1X, 2X และ 5X

ตัวอย่างภาพถ่าย 3 ระยะ 1X, 2X และ 5X

ตัวอย่างภาพถ่ายระยะ 1X

ตัวอย่างภาพถ่ายระยะ 2X

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Portrait

Portrait Retouching เอฟเฟกต์การปรับแต่งใบหน้า ในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอพอร์ตเทรตทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ สามารถปรับแต่งได้ด้วยตัวเอง จากการทดสอบฉลาดมากๆครับ ปรับออกมาสวยเนี๊ยบ จบจากมือถือเอาไปแชร์ต่อได้เลย ไม่ต้องแต่งเพิ่ม

เปรียบเทียบถ่ายภาพปกติ กับฟีเจอร์ Portrait Retouching ปรับแต่ง 50%

เปรียบเทียบถ่ายภาพปกติ กับฟีเจอร์ Portrait Retouching ปรับแต่ง 50% ในโหมดถ่ายภาพ Portrait

HDR รองรับทั้งกล้องหน้า-หลัง ช่วยในการถ่ายภาพย้อนแสงให้ใบหน้าสว่างสดใส และขุดรายละเอียดได้อย่างชาญฉลาด มอบผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ (จากภาพตัวอย่างจะเห็นว่าด้วยฟีเจอร์ HDR เราจะเห็นรายละเอียดของท้องฟ้ายามเย็น และสายไฟอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับปิด HDR ที่จะกลายเป็นสีขาวไปหมดเลย รายละเอียดหายเรียบ)

เปรียบเทียบภาพถ่ายที่เปิด HDR และปิด HDR

ตัวอย่างภาพถ่ายเปิด HDR

ตัวอย่างภาพถ่ายปิด HDR

ตัวอย่างภาพถ่าย Selfie เปิด HDR

ตัวอย่างภาพถ่าย Selfie ปิด HDR

ตัวอย่างภาพถ่าย Macro

• GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
• HSDPA 800 / 850 / 900 / 1900 / 2100
• LTE band 1, 3, 5, 7, 8, 28, 34, 38, 39, 40, 41
• 5G band 1, 8, 28, 41, 77, 78 SA/NSA
• Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
• Bluetooth 5.2, A2DP, LE, aptX HD
• NFC
• GPS, A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS
• พอร์ทหูฟัง 3.5 มม.
• USB Type-C 2.0, USB On-The-Go
• หน้าจอ Punch-Hole AMOLED Screen ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 pixels (409 ppi), ความสว่างสูงสุด 600 nits
• มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Black และ Rainbow Spectrum
• ทำงานบน Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 12
• ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G (6 nm)
• CPU Octa-core (2x2.2 GHz Kryo 660 Gold & 6x1.7 GHz Kryo 660 Silver)
• GPU Adreno 619
• RAM 8GB (LPDDR4X)
• ROM 128GB (UFS2.2) รองรับ microSDXC
• เซ็นเซอร์ AI Face Access, Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass
• แบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh
• รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC (สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 31% ในเวลาเพียง 15 นาที และชาร์จเต็ม 100% ในเวลา 63 นาที และชาร์จเพียง 5 นาที สามารถคุยสายได้ยาวนานถึง 3 ชั่วโมง)
• กล้องหน้ารูปแบบ Punch-Hole AMOLED Screen ความละเอียด 16MP F2.4
• กล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียด 64MP F1.7 Main Camera, PDAF + 2MP F2.4 Macro + 2MP F2.4 Depth
• บันทึกวิดีโอความละเอียด 1080P 30FPS (ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า)
• ราคาเปิดตัว 12,990 บาท

• ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ทำไปได้ 371,839 คะแนน
• ทดสอบ MultiTouch รองรับ 10 จุด
• ทดสอบความเร็ว Storage ในการอ่านอยู่ที่ 527.4 MB/s และการเขียน 508.3 MB/s (UFS2.2)
• รองรับ DRM L1 รองรับ Netflix & Amazon HD Streaming
• ทดสอบสัญญาณ GPS จับสัญญาณได้รวดเร็ว

OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC (สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 31% ในเวลาเพียง 15 นาที และชาร์จเต็ม 100% ในเวลา 63 นาที และชาร์จเพียง 5 นาที สามารถคุยสายได้ยาวนานถึง 3 ชั่วโมง) จากการทดสอบสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวันสบายๆครับ ไม่ต้องมองหาที่ชาร์จ หรือพก Power Bank น่าประทับใจมากนะครับ ทั้งๆที่ตัวเครื่องบางเฉียบเพียงแค่ 7.49 มม. เท่านั้นเอง

OPPO Reno7 Z 5G อุปกรณ์ในกล่องจะมี ตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์, สาย USB Type-C, เคสใส, เข็มจิ้มซิม และคู่มือ

OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องทรงเหลี่ยมดูแข็งแรง และจับถือกระชับมือ หน้าจอ Punch-Hole AMOLED Screen ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 pixels (409 ppi), ความสว่างสูงสุด 600 nits รองรับมาตรฐานป้องกันแสงสีฟ้า หน้าจอสีสันสดใส สวยงามครับ นอกจากนี้ยังมีความบางเพียงแค่ 7.49 มม. เท่านั้น และมีน้ำหนักเพียงแค่ 173 กรัม สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ผ่านกระบวนการการเคลือบ 2 ชั้น และมีพื้นผิว 3 เลเยอร์ และเคลือบ OPPO Glow ช่วยให้ฝาหลังมีพื้นผิวแบบด้าน แต่ยังคงมีความเปล่งประกายระยิบระยับ สวยงามมากๆ โดยจะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Black และ Rainbow Spectrum

OPPO Reno7 Z 5G จะมาพร้อม Dual Orbit Lights โดดเด่นด้วยวงแหวนไฟ RGB รอบกล้องหลัง เป็นวงแหวนคู่ กะพริบหรือส่องแสงเป็นสีน้ำเงิน ฟ้าอ่อน ฟ้าคราม หรือเบบี้บลู ตามสถานการณ์ต่างๆ โดยจะเปร่งแสงเมื่อมีการชาร์จไฟ, การแจ้งเตือนทั้งการโทร และข้อความ รวมทั้งตอนเปิดเกมอีกด้วย ดูสวยและโดดเด่นมากๆเลยครับ

ด้านบนมีไมค์ตัดเสียงรบกวน ด้านล่างมีพอร์ทหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟน, USB Type-C 2.0 และลำโพง สำหรับลำโพงจะรองรับ Real HD Sound นอกจากนี้ยังรองรับ Smart Power Amplifier อีกด้วย

ด้านซ้ายมีช่องใส่ซิม และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านขวาจะเป็นปุ่ม Power

OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อม AI Face Access และ Fingerprint ใต้หน้าจอ รองรับสุงสุด 5 ลายนิ้วมือ ความแม่นยำ และความรวดเร็วทำได้ดีมาก แถมยังมาพร้อมเอฟเฟกต์ที่หลากหลายให้เลือกใช้งาน

OPPO Reno7 Z 5G ทำงานบน Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 12 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยนะครับ สมกับที่ควบรวมกัน OnePlus ตัว UI ดูลื่นไหล และน่าใช้ขึ้นมากๆ สิ่งดีๆที่เพื่อนๆประทับใจ มาอยู่ใน ColorOS 12 อย่างครบถ้วนเลย แต่ก็มีความเป็น OPPO อยู่ในนั้นอย่างลงตัว ผมว่าจะต้องชอบกันอย่างแน่นอนครับ ด้วยสเปค Qualcomm Snapdragon 695 5G (6 nm) ประสิทธิภาพในการใช้งานทำได้อย่างน่าประทับใจ และเหมาะกับการเล่นเกม นอกจากนี้ยังมาพร้อม RAM 8GB (LPDDR4X) ที่รองรับฟังก์ชั่น RAM Expansion อัจฉริยะ ที่สามารถยืม ROM มาเพิ่มในส่วนของ RAM ได้มากขึ้นถึง 5GB (โดยสามารถปรับเองได้ 3 ระดับครับ 2GB, 3GB และ 5GB) นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชั่น Air Gestures การสั่งงานสมาร์ทโฟนโดยไม่ต้องสัมผัสตัวเครื่อง

ColorOS 12 สามารถปรับแต่งหน้าตา Interface ได้อย่างหลากหลาย

RAM Expansion สามารถปรับเองได้ 3 ระดับ 2GB, 3GB และ 5GB

App Split-Screen การแบ่งหน้าจอใช้งานพร้อมๆกัน 2 หน้าจอ ความเร็วและความลื่นไหลในการใช้งาน ทำได้ดีมาก

Dual Orbit Lights สามารถปรับแต่งรายละเอียดในการส่องแสงได้ด้วยตัวเอง และรุ่นนี้รองรับ Always-On Display (แต่ปรับแต่งได้ไม่มาก)

รองรับการสั่งงานแบบไร้สัมผัสผ่านฟังก์ชั่น Air Gestures

รับชมความบันเทิงได้อย่างคมชัด ทุกที่ ทุกเวลา แม้แต่กลางแจ้ง ด้วยหน้าจอ  Punch-Hole AMOLED Screen ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ความสว่างสูงสุด 600 nits

เล่นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ทดสอบด้วยเกม ROV ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ 60FPS และเกม PUBG สามารถปรับกราฟิกระดับ HD และค่าเฟรมเรทระดับสูง สัมผัสการทัชหน้าจอลื่นไหล

OPPO Reno7 Z 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ผมรู้สึกชอบตั้งแต่แกะกล่องแล้วนะครับ ผมว่าตัวเครื่องดูกระชับมือ และสวยงาม วัสดุแม้จะดูพลาสติกๆไปหน่อย แต่ผมว่าลงตัวและสวยมากเลย หน้าจอสวย สีสันสดใส แถมผมชอบ ColorOS 12 มากๆเลยนะครับ ผมว่า OPPO มาถูกทางมากๆ ปรับมาได้น่าใช้จริงๆ และดูลงตัวกว่าที่ผ่านๆมา และผมชอบ Dual Orbit Lights มากเลยนะครับ ผมว่ามันทำให้ OPPO Reno7 Series ดูไม่ธรรมดา ออกแนวสมาร์ทโฟนสาย Gamer เลยละ แฟนๆที่ชอบเล่นเกม และปลื้มไฟ RGB ผมว่าจะต้องชอบกันแน่ๆ มีมาให้ 3 รุ่นเลย และสวยทุกรุ่น สำหรับรุ่นนี้การใช้งานลื่นไหลมากครับ ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G (6 nm) คะแนนทดสอบอาจจะดูไม่หวือหวา แต่ใช้งานจริงมันดีมากๆเลยนะครับ ลื่น และไม่ค่อยร้อน ที่พิเศษมากๆก็คือเรื่องของกล้องครับ แม้ว่าจะตัดวิดีโอ 4K ออกไป แถมไม่มีกันสั่น ตรงนี้น่าจะไม่ถูกใจสายวิดีโอ แต่เรื่องภาพนิ่งทำได้ยอดเยี่ยมครับ File ที่ถ่ายออกมาสวยมาก สีสันอิ่มตัว และเกห็ยบรายละเอียดได้อย่างเกินคาด ฟีเจอร์ Portrait ละลายสวยและตัดขอบได้เนียนมากเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ Bokeh Flare Portrait พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลยครับ ดีกว่าในรุ่นเดิมแบบเทียบกันไม่ได้เลย ในรุ่นนี้ผมประทับใจมากๆ สวย ฉลาด เก่งทั้งกลางวันและกลางคืน จะเป็นสมาร์ทโฟนในระดับราคาหมื่นต้นๆที่คุณจะชอบมันมากๆอย่างแน่นอน พกไปถ่ายรูปไม่ผิดหวังแน่ๆครับ ใครซื้อแล้ว ใว้ถ่ายรูปมาอวดกันบ้างนะครับ

OPPO Reno7 Z 5G เตรียมวางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท มี 2 สี ได้แก่ สีรุ้ง Rainbow Spectrum และสีดำ Cosmic Black จองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 16 มีนาคมนี้ พร้อมรับของสมนาคุณ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก และ OPPO SPORTS BAG มูลค่ารวม 7,499 บาท และเป็นเจ้าของ OPPO Reno7 Z 5G ได้ง่ายยิ่งขึ้นเมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,790 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 16 มีนาคม 2565 เท่านั้น โดย OPPO Reno7 Z 5G จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 มีนาคม เป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

 

 

OPPO Enco Air2 และ OPPO Watch Free ผลิตภัณฑ์ IoT คุณภาพสูงจาก OPPO โดย OPPO Enco Air2 มากับสีขาว ราคา 1,999 บาท และ OPPO Watch Free มาให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Black และ สีวานิลลา Vanilla ราคา 2,999 บาท และพิเศษเมื่อซื้อ OPPO Enco Air2 หรือ OPPO Watch Free คู่กับ OPPO Reno7 Z 5G หรือ สมาร์ทโฟนที่ร่วมรายการ รับส่วนลดทันที 500 บาท

จุดสังเกตของ OPPO Reno7 Z 5G