x
icon-filter ค้นหาโทรศัพท์มือถือ
product filter
product filter
product filter
product filter

รีวิว realme 9 Pro 5G | 9 Pro+ 5G สมาร์ตโฟนเซนเซอร์กล้องระดับเรือธงรุ่นแรกในกลุ่ม Mid-range พร้อมความแรง 5G แบบเต็มขั้น และดีไซน์ฝาหลังเปลี่ยนสีได้สุดล้ำ!

icon 4 มี.ค. 65 icon 7,360
รีวิว realme 9 Pro 5G | 9 Pro+ 5G สมาร์ตโฟนเซนเซอร์กล้องระดับเรือธงรุ่นแรกในกลุ่ม Mid-range พร้อมความแรง 5G แบบเต็มขั้น และดีไซน์ฝาหลังเปลี่ยนสีได้สุดล้ำ!
หลังจากมีข่าวลือข่าวหลุดของสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ realme 9 Pro Series ออกมาให้เห็นกันเป็นระยะ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในระดับ Global ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทาง realme ประเทศไทย ก็เริ่มสานต่อ ประกาศเตรียมเผยโฉมผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฟน 5G ในกลุ่ม Number Series นี้ ให้แฟน ๆ ชาวไทยได้สัมผัสกันทันที ในวันที่ 1 มีนาคม 2565 (วันนี้) โดยเปิดตัวลงตลาดครบ 2 รุ่น ทั้ง realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ค่ะ
realme 9 Pro Series เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางของเรียลมี มาพร้อมสโลแกน "Capture the Light" โชว์ความโดดเด่นของกล้องถ่ายภาพระดับเรือธง บนสมาร์ตโฟนระดับ Mid-range เปิดด้วย realme 9 Pro+ ที่มาพร้อมไฮไลท์กล้อง Sony IMX766 OIS รุ่นแรกในระดับ in Mid-range ตามมาด้วย realme 9 Pro ที่เลือกใส่ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G มาเป็นรุ่นแรกในสมาร์ตโฟนเซกเมนต์เดียวกัน โดยทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมดีไซน์ฝาหลังแบบใหม่ Light Shift Design เปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแสงแดด พร้อมหน้าจอ Refresh Rate ระดับสูง รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และพกพาความสามารถอื่น ๆ มาอีกเพียบ! เมื่อแรกสัมผัสค่อนข้างตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ และประทับใจทั้งดีไซน์ ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่รู้สึกว่าค่อนข้างแมทช์กับไลฟ์สไตล์การใช้งานของเราดีมาก ๆ เอาเป็นว่าส่วนตัวได้ลองสองตัวนี้แล้วซื้อนะ สำหรับรายละเอียดของทั้ง realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro จะขนาดไหน? ประสิทธิภาพการใช้งาน0ib'จะเป็นอย่างไร? และจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง? เจนมาแชร์ประสบการณ์ใช้งานจริงไว้ในบทความรีวิวนี้แล้ว สำหรับใครที่กำลังเล็ง ๆ อยู่ ก็ลองมาติดตามอ่านดูก่อนตัดสินใจได้เลยค่ะ
รายละเอียดสเปก (Specification)
  realme 9 Pro+ 5G realme 9 Pro 5G
จอแสดงผล 90Hz Super AMOLED Display
แบบ Super AMOLED
ขนาด 6.4 นิ้ว
ความคมชัดระดับ FHD+
(1,080 x 2,400 พิกเซล)
อัตรา Refresh Rate 90Hz
อัตรา Touch Sampling Rate 360Hz
120Hz Ultra Smooth Display
แบบ IPS LCD
ขนาด 6.6 นิ้ว
ความคมชัดระดับ FHD+
(1,080 x 2,412 พิกเซล)
อัตรา Refresh Rate 120Hz
อัตรา Touch Sampling Rate 240Hz
ชิปประมวลผล CPU : MediaTek Dimensity 920 5G
Octa-core, Up to 2.5GHz (6nm)
GPU : Arm Mali-G68 MC4
CPU : Qualcomm Snapdragon 695 5G
Octa-core, Up to 2.2GHz (6nm)
GPU : Adreno 619
หน่วยความจำ RAM 8GB (+ RAM Expansion)
ROM 256GB (UFS 2.2)
 
RAM 6GB / 8GB (+ RAM Expansion)
ROM 128GB (UFS 2.2)
รองรับ MicroSD
กล้องหลัง
- 50MP Main, Sony IMX766 (f/1.8)
- 8MP Ultra Wide-angle (f/2.2)
- 2MP Macro (f/2.4)

กันสั่น OIS & EIS
รองรับการถ่ายวิดีโอ
Dual-view
4K@30fps
1080P@60/30fps
720P@60/30fps
1080p@480/120fps Slow-motion
720p@960/240fps Slow-motion
- 64MP Main (f/1.79)
- 8MP Ultra Wide-angle (f/2.2)
- 2MP Macro (f/2.4)
 
กันสั่น OIS
รองรับการถ่ายวิดีโอ
Dual-view
1080p@30fps
720p@60/30fps
 
 
 
กล้องหน้า 16MP (f/2.4)

รองรับการถ่ายวิดีโอ
1080P@30fps
720P@30fps
16MP (f/2.05)
 
รองรับการถ่ายวิดีโอ
1080p@30fps
720P@30fps
การเชื่อมต่อ
GSM/CDMA/LTE/5G
2.4/5GHz
Wi-Fi 4, Wi-Fi 5, Wi-Fi 6
(802.11 a/b/g/n/ac/ax)
Bluetooth 5.2
NFC
GPS, AGPS, Glonass, Beidou
พอร์ต USB Type-C
ช่องหูฟัง 3.5 มม.
GSM/CDMA/LTE/5G
2.4/5GHz
Wi-Fi 4, Wi-Fi 5
(802.11 a/b/g/n/ac)
Bluetooth 5.1
NFC
GPS, AGPS, Glonass, Beidou
พอร์ต USB Type-C
ช่องหูฟัง 3.5 มม.
เซ็นเซอร์ In-display Fingerprint Sensor, Magnetic Induction Sensor, Light Sensor,  Proximity Sensor, Gyro-meter, Acceleration Sensor Ultra-fast Side Fingerprint Sensor, Magnetic Induction Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor, Gyro-meter, Acceleration Sensor
แบตเตอรี่ 4,500 mAh
60W SuperDart Charge
5,000 mAh
33W Dart Charge
ระบบปฏิบัติการ Android 12; realme UI 3.0 Android 12; realme UI 3.0
มิติตัวเครื่อง 160.2 x 73.3 x 7.99 มม.
น้ำหนัก 182 กรัม
164.3 x 75.6 x 8.5 มม.
น้ำหนัก 195 กรัม
การออกแบบ (Design)
| realme 9 Pro+ นำเสนอใน 2 สีใหม่ล่าสุด คือ สีฟ้า Sunrise Blue และสีเขียว Aurora Green ซึ่งสีที่ได้รับมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ก็คือ สีฟ้า Sunrise Blue นั่นเองค่ะ สีนี้เรียกได้ว่าเป็นสีไฮไลท์ของ realme 9 Pro Series เลยก็ว่าได้ เรื่องความสวยงามไม่ต้องพูดถึง แม้ว่าตัวฝาหลังจะทำออกมาเป็นสีฟ้าอ่อน แต่มีความเป็นมัน ๆ เลื่อม ๆ มีความเจิดจ้า พร้อมด้วยเกล็ดระยิบระยับ ที่พอโดนกับแสงแดดหรือแสงไฟก็จะเห็นเป็นประกายระยิบระยับ ถ่ายรูปออกมาอาจจะดูเหมือนมีเม็ดฝุ่นหรือคราบเปื้อนติด แต่มองด้วยสายตาจริง ๆ สวยงามและดึงดูดสายตาสุด ๆ ค่ะ หลังจากที่นั่งลูบคลำอยู่หลายวันก็พบว่าไอ้เจ้าเกล็ดระยับนี้จะมีเยอะอยู่ตรงส่วนล่างของฝาหลัง และค่อย ๆ เกลี่ยให้ค่อย ๆ บางลงในช่วงบน
สำหรับความพิเศษคือดีไซน์แบบ Photochromism ครั้งแรกของแบรนด์ อันนี้ใครเคยตัดแว่นแบบเปลี่ยนสีเลนส์ได้น่าจะคุ้นเคยกับคำนี้ดี ซึ่งครั้งนี้เทคโนโลยีนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้บนสมาร์ตโฟน เอาจริง ๆ ก็คือคาดไม่ถึงนะ ใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะมีการคิดเอามาใช้เพื่อสร้างจุดขายที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครได้ ซึ่งเรียลมีใช้คำเรียกว่า "Light Shift Design" กับฝาหลังเปลี่ยนสีได้ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงอาทิตย์ขึ้นที่ส่องแสงเป็นสีฟ้า ซึ่งเมื่อโดนกับแสงแดดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงภายใน 3 วินาที และหากไม่มีแสงแดดหรือเอาเข้าร่ม สีก็จะค่อย ๆ จางลง แล้วเปลี่ยนกลับเป็นอย่างเดิมใน 2 - 5 นาที
TIPS - สำหรับการเปลี่ยนสีฝาหลังจะเปลี่ยนได้เฉพาะใน "สีฟ้า Sunrise Blue" และจะเปลี่ยนเมื่อฝาหลังโดนกับแสงแดดเท่านั้น แสงแฟลช แสงไฟต่าง ๆ จะไม่มีผลในการเปลี่ยนสีนะ
ผิวสัมผัสตัวเครื่องเรียบลื่น สะท้อนแสงเป็นประกายแวววาว ตัวเครื่องดีไซน์โค้งมนรับกับฝ่ามือ ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 7.99 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งทางแบรนด์ก็เคลมเอาไว้ว่าเป็นขนาดที่บางที่สุดในสมาร์ตโฟน Number Series ของเรียลมี ด้วยความบางจึงทำให้จับถือสบาย พอดีมือ และพกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยมีโลโก้ realme สีเงิน วางอยู่ในตำแหน่งล่างซ้ายของฝาหลังตัวเครื่อง และวางกล้องหลังไว้ด้านบนซ้าย เลือกใช้เป็นโมดูลกล้องทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้งที่มีลักษณะนูนออกมาจากตัวฝาหลัง ภายในมีเลนส์กล้อง 3 เลนส์ ประกอบด้วย เลนส์หลัก Sony IMX766 OIS ความละเอียด 50MP, เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP และเลนส์ Ultra Wide-angle ความละเอียด 8MP พร้อมไฟแฟลช LED ในตัว
หน้าจอแสดงผล 90Hz Super AMOLED Display ขนาด 6.4 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD+ (1,080 x 2,400 พิกเซล) อัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz พร้อมอัตรา Touch Sampling Rate 360Hz พื้นที่การใช้งานหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8% กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5 แสดงผลภาพสีสันสวยงาม คมชัด ใช้งานกลางแดดได้ดี หน้าจอไม่มืด พร้อมมีเซนเซอร์สำหรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ มีมิติตัวเครื่องกว้าง 73.3 x สูง 160.2 x หนา 7.99 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวเครื่องโดยรวมประมาณ 182 กรัม
บริเวณมุมบนซ้ายของหน้าจอวางกล้องหน้าแบบเจาะรู ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และขยับขึ้นไปเล็กน้อยบริเวณขอบจอตรงกลางเป็นลำโพงเสียงสนทนา โดย realme 9 Pro+ มาพร้อมขอบจอบางทั้ง 4 ด้าน แต่ขอบจอล่างจะหนากว่าด้านอื่นเล็กน้อย
ด้านบนของตัวเครื่องมีรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนเท่านั้น
ตัวเครื่องด้านล่างมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อสำหรับชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนพลังงาน/ข้อมูลแบบ USB Type-C และลำโพงเสียง
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับการเปิด-ปิดเครื่องและพักการใช้งานหน้าจอ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Dual-SIM รองรับ Nano-SIM 2 ช่อง และไม่สามารถเพิ่มพื้นที่ความจำด้วย MicroSD Card ได้ ขยับลงมาด้านล่างจะเป็นปุ่มสำหรับการปรับเพิ่ม-ลดความดังระดับเสียง (Volume)

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง realme 9 Pro+ 5G
  • หัวชาร์จแบตเตอรี่ 60W SuperDart Charge
  • สายชาร์จ USB-C
  • เคสซิลิโคนแบบใส
  • เข็มจิ้มซิม
  • ฟิล์มกันรอย (ติดมาให้เรียบร้อยแล้ว)
  • คู่มือการใช้งาน ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และใบรับประกันสินค้า

| realme 9 Pro มาในดีไซน์ฝาหลังแบบเดียวกันกับใน realme 9 Pro+ เลยค่ะ มีให้เลือก 2 สีเช่นกัน คือ สีฟ้า Sunrise Blue และสีเขียว Aurora Green ในรุ่นนี้เราได้รับมาเป็น สีเขียว Aurora Green สีนี้ดูเผิน ๆ ธรรมดา แต่ความจริงแล้วเป็นสีที่มีเสน่ห์กว่าที่คิด
ด้วยการออกแบบให้เป็นเฉดสีเขียวแบบทึม ๆ อมดำ บวกกับเกล็ดระยิบระยับเล็ก ๆ ที่เมื่อโดนแสงก็จะเห็นความวิ้งวับ รวมไปถึงการใช้เทคนิคเคลือบ 3 ชั้น ที่ทำให้เห็นเป็นแสงแบบแนวตั้ง ผสานรวมกันจนกลายมาเป็นสี Aurora Green ที่สวยงามเหมือนกับ Aurora แสงเรืองบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกลับ น่าค้นหา และสง่างามพร้อม ๆ กัน (แอบเอาตัวจริงทั้งสองสีที่มีอยู่ไปให้หลาย ๆ คนลองจับดู ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ! สีนี้มาวินนะเออ)
ฝาหลังตัวเครื่องของ realme 9 Pro ผิวสัมผัสเรียบลื่น เป็นมันวาว และมีการจัดวางรายละเอียดต่าง ๆ แบบเดียวกับในรุ่น realme 9 Pro+ ตามที่บอกไปก่อนหน้านี้เลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย มาพร้อมกับโลโก้ realme วางในตำแหน่งด้านล่างซ้าย พร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ทางด้านบนซ้ายของฝาหลัง ประกอบด้วย เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยไฟแฟลช LED ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบบนโมดูลกล้องทรงสี่เหลี่ยมที่ค่อนข้างนูนออกมาจากฝาหลังตัวเครื่องอยู่พอสมควร
หน้าจอแสดงผล 120Hz Ultra Smooth แบบ IPS LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD+ (1,080 x 2,412 พิกเซล) อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และอัตรา Touch Sampling Rate 240Hz พื้นที่การใช้งานหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8% มีมิติตัวเครื่องกว้าง 75.6 x สูง 164.3 x หนา 8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวเครื่องโดยรวมประมาณ 195 กรัม
ด้านหน้าตัวเครื่องบริเวณมุมบนซ้าย วางกล้องหน้าแบบเจาะรู ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล โดยขนาดของรูกล้องจะใหญ่กว่าในรุ่น realme 9 Pro+ เล็กน้อย และเหนือขึ้นไปบริเวณขอบจอตรงกลางเป็นตำแหน่งของลำโพงเสียงสนทนา ขอบจอทั้ง 4 ด้านค่อนข้างบางและมีขอบด้านล่างที่หนากว่าด้านอื่น ๆ
ด้านบนของตัวเครื่องมีเพียงไมค์ตัดเสียงรบกวนเท่านั้น
ส่วนด้านล่างมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อสำหรับชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนพลังงาน/ข้อมูลแบบ USB Type-C และลำโพงเสียง
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่องและพักการใช้งานหน้าจอ พร้อมมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเข้าใช้งานเครื่องในตัว
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ 3-Card Slot รองรับ Nano-SIM 2 ช่อง และอีก 1 ช่องสำหรับเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลด้วย MicroSD Card ขยับลงมาด้านล่างเป็นปุ่มสำหรับการปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง (Volume)

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง realme 9 Pro 5G
  • หัวชาร์จแบตเตอรี่ 33W Dart Charge
  • สายชาร์จ USB Type-C
  • เคสซิลิโคนแบบใส
  • เข็มจิ้มซิม
  • ฟิล์มกันรอย (ติดมาให้เรียบร้อยแล้ว)
  • คู่มือการใช้งาน ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และใบรับประกันสินค้า
เมนูการใช้งาน (Software & Features)
realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro แกะกล่องพร้อมใช้ realme UI 3.0 ทำงานบนพื้นฐานของ Android 12 อินเทอร์เฟส (User Interface) ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนเรียลมีโดยเฉพาะ และรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของระบบปฏิบัติการ Android 12 ได้เต็มรูปแบบมากขึ้น สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือไอคอนดีไซน์ใหม่ สีสันที่สดใสและมีชีวิตชีวากว่า มีการจัดวางเลย์เอาต์ใหม่ให้เป็นระเบียบ ไม่รก แต่ยังคงใช้งานง่ายและดูสบายตาเช่นเคย รวมไปถึงการเลือกปรับแต่งหน้าจอตามความชอบและไลฟ์สไตล์การใช้งานของตัวเองได้มากขึ้น พร้อมด้วย AI ที่เป็นตัวช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดการทรัพยากรต่าง ๆ บนตัวเครื่อง การใช้พลังงานแบตเตอรี่ การใช้หน่วยความ ฯลฯ ต่างก็ได้รับการอัปเกรดให้ดียิ่งขึ้นใน realme UI 3.0
โดยฟีเจอร์และลูกเล่นต่าง ๆ ใน realme UI 3.0 ยังคงมีมาให้ใช้งานอย่างครบถ้วนค่ะ ทั้งการปรับแต่งไอคอนด้วยตัวเอง ฟีเจอร์พื้นฐานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดกลางคืน, โหมดถนอมสายตา, โหมดโคลนแอป, โหมดหน้าจอแบ่งส่วน, Focus Mode รวมไปถึงฟีเจอร์พิเศษที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน เช่น หน้าต่างที่ยืดหยุ่น - หน้าต่างแบบลอย, การเรียกใช้งานด่วน - เข้าถึงฟังก์ชันที่ใช้บ่อยขณะปลดล็อกอุปกรณ์, แถบด้านข้างอัจฉริยะ - เรียกใช้งานแอปหรือฟังก์ชันอย่างเร่งด่วนด้วยแถบด้านข้าง, พื้นที่สำหรับเด็ก - จำกัดการใช้งานแอปต่าง ๆ ของลูกหลาน และโหมดเรียบง่าย - ปรับแต่งการแสดงผลของตัวอักษรใหญ่ขึ้น ไอคอนใหญ่ขึ้น และเสียงดังขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นและสามารถช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการใช้งานของเราได้ เรียกว่ามีให้ครบเหมือนเดิม เพิ่มเติมความแปลกใหม่ และยังจัดให้เป็นสัดส่วนกว่าเดิมด้วย
สำหรับ realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro จะมีฟีเจอร์การใช้งานที่ต่างกันเล็กน้อย (ตามสเปกของสมาร์ตโฟน) โดย realme 9 Pro+ จะสามารถเลือกปรับอัตราการรีเฟรชจอภาพได้ 3 รูปแบบ คือ แบบสูง 90Hz, แบบมาตรฐาน 60Hz ได้ แและแบบเลือกอัตโนมัติ ที่อัตรารีเฟรชจอภาพจะถูกเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละแอปโดยอัตโนมัติค่ะ ในขณะที่ realme 9 Pro ก็สามารถเลือกได้ 3 รูปแบบเช่นเดียวกัน แต่จะเลือกอัตรารีเฟรชจอภาพได้สูงกว่า คือ แบบสูง 120Hz, แบบมาตรฐาน 60Hz ได้ แและแบบเลือกอัตโนมัติ
realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro รองรับการเชื่อมต่อสัญญานเครือข่าย 5G แบบ Dual Mode สามารถใช้งาน 5G ได้พร้อมกัน 2 ซิม ทั้งแบบ SA และ NSA พร้อมด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ซึ่งมีจุดแตกต่างกันที่ realme 9 Pro+ รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ในขณะที่ realme 9 Pro รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 ค่ะ
นอกจากนี้ realme 9 Pro+ ยังมาพร้อมกับ New Global Theme Color รองรับการปรับแต่งธีมสีแบบสากล สามารถเลือกโทนสีตามที่ใจต้องการ รวมถึง Always-on Display  (AOD) ฟีเจอร์สำหรับการดูสถานะที่สำคัญ เช่น วันที่ เวลา แบตเตอรี่ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ ในขณะที่โทรศัพท์อยู่โหมดสแตนด์บายหรือล็อกหน้าจอ ที่ได้รับการอัปเกรดให้เราสามารถเลือกหยิบเอาภาพที่ชอบภาพมาทำเป็นภาพหน้าจอได้ หรือจะเลือกเป็น AOD ดีไซน์ 'realmeow' น้องเรียวเหมียว มัสคอตสุดน่ารักของเรียลมีก็ได้ ชอบแบบไหนก็เลือกได้เลย!
realme 9 Pro+ ยังมาพร้อมความสามารถในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ในตัว โดยสามารถเปิดการใช้งานผ่าน realme Lab และใช้เซนเซอร์ลายนิ้วมือบนหน้าจอเป็นตัวจับข้อมูล พร้อมทั้งสามารถบันทึกข้อมูลเก็บไว้ เพื่อดูเช็คความผิดปกติของร่างกายได้
ทั้ง realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro ยังรองรับ Dynamic RAM Expansion เทคโนโลยีพิเศษที่จะดึงเอาพื้นที่ของหน่วยความจำภายใน (ROM) มาสร้างเป็นหน่วยความจำ RAM เสมือน เพื่อเสริมพื้นที่หน่วยความจำ RAM หลักที่มีมาให้แล้ว ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง การสลับการใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม และความพิเศษอยู่ที่ เราสามารถเลือกได้เองว่าจะอัปเกรดความจุที่เท่าไร โดยจะมีให้เลือกที่ 2GB, 3GB และสูงสุดที่ 5GB
realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟน 3 รูปแบบหลัก คือ การตั้งรหัสผ่าน, การปลดล็อกด้วยใบหน้า และการปลดล็อกด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดยที่ realme 9 Pro+ จะใช้การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-display Fingerprint Sensor)
ส่วน realme 9 Pro จะเป็นการสแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง (Ultra-fast Side Fingerprint Sensor) ที่ใช้แป้นเดียวกับปุ่ม Power ซึ่งทั้งการปลดล็อกด้วยใบหน้าและลายนิ้วมือของทั้งสองรุ่นสามารถทำได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมาก ๆ ค่ะ
ประสิทธิภาพ (Performance)
| realme 9 Pro+ เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 5G ชิปประมวลผลแบบ Octa-core เทคโนโลยีการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.5GHz รองรับการเชื่อมต่อ 5G Dual-SIM ใช้งาน 5G ทั้งระบบ SA/NSA ได้สองซิมพร้อมกัน ทำให้สามารถเชื่อมต่อด้วยเครือข่ายสัญญานได้อย่างรวดเร็ว พร้อมชิปประมวลผลกราฟิก ARM Mali-G68 MC4 จับคู่กับ RAM ขนาด 8GB แบบ LPDDR4x และ ROM ขนาด 256GB แบบ UFS 2.2 แต่รุ่นนี้จะไม่รองรับ MicroSD Card นะคะ การประมวลผลและการตอบสนองการใช้งานต่าง ๆ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเทียบเท่าสมาร์ตโฟนในระดับเรือธงเลยทีเดียว

การรับชมความบันเทิง

realme 9 Pro+ มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD+ ให้การแสดงผลสีสันของหน้าจอจึงดูสดใส สีสด คมชัด สามารถเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดี ชัดเจน สมจริงค่ะ และด้วยอัตรา Refresh Rate 90Hz และอัตรา Touch Sampling Rate สูงสุด 360Hz และยังรองรับการแสดงผลที่ความละเอียดระดับ High Definition รวมไปถึงขนาดหน้าจอที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป ขอบจอที่ค่อนข้างบาง และการเลือกใช้กล้องหน้าแบบเจาะรู วางในตำแหน่งที่ไม่รบกวนสายตา จึงทำให้การดูวิดีโอและรับชมคอนเท้นต์ต่าง ๆ บนสมาร์ตโฟนราบรื่น เนียนตา และเต็มอรรถรสขั้นสุด

การเล่นเกม

ทางด้านการประมวลผลทำงานขณะเล่นเกมบน realme 9 Pro+ จากการทดสอบด้วยเกม ROV สามารถเล่นได้นิ่ง ๆ ที่ 59 - 60FPS ตลอดเกม ไม่หน่วง ทัชติดนิ้วดี สามารถปรับกราฟิกระดับ HD ในระดับสูงมาก และปรับบการแสดงผลระดับสูงได้ รวมถึงปรับค่า FPS ระดับสูงได้ ภาพสวย คมชัด จากหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED และประสิทธิภาพทางด้านการตอบสนองด้วย Refresh Rate 90Hz และ Touch Sampling Rate 360Hz ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้เล่นเกมได้ลื่นไหลขึ้นด้วย เราจะเห็นได้ชัด ๆ ก็ตอนที่เล่นเกมที่ต้องอาศัยความเร็ว ความลื่นไหล และการทัชหน้าจอที่แม่นยำ ซึ่งตรงนี้จะมีผลมาก ๆ
นอกจากนี้ realme 9 Pro+ ยังมากับระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System ที่สามารถช่วยลดอุณหภูมิและทำให้สมาร์ตโฟนอยู่ในสถานะการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูง ลองทดสอบเล่นติดต่อกันหลาย ๆ รอบ (และหลาย ๆ เกม) ตัวเครื่องจะแค่อุ่น ๆ เท่านั้นค่ะ ไม่ร้อน คิดว่ารุ่นนี้จะถูกใจสายเกมอยู่นะ

realme 9 Pro+ ยังสามารถเลือกจัดการกับเกมต่าง ๆ ได้ที่โหมด Game ที่ช่วยให้เราสามารถจัดระเบียบเกมที่อาจจะโหลดเก็บไว้จนล้นเครื่องมาเก็บรวมไว้ที่เดียว รวมไปถึงการตั้งค่าสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างการเล่นเกม, การเปิดใช้งานการสั่น 4 มิติ, ปิดกั้นการแจ้งเตือน เพื่อไม่ให้ถูกรบกวนในขณะเล่นเกม, การเปิดโหมดโฟกัสเกม ฯลฯ ก็สามารถเข้ามาตั้งค่าในนี้ได้เลย

ระบบเสียง

realme 9 Pro+ ติดตั้งลำโพงแบบคู่สเตอริโอ บน-ล่าง (Dual Stereo Speakers) และระบบเสียง Dolby Atmos มีการจัดวางตำแหน่งดี ทำให้มือไม่บังทางเสียงในขณะใช้งาน แน่นอนว่าเสียงที่ขับออกมาจึงมีประสิทธิภาพกว่า คุณภาพเสียงดี เสียงดังทรงพลัง คมชัด และมีมิติ จะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ก็ฟังได้เพลิน ๆ ไปเลย
หรือถ้าใช้งานหูฟังก็สามารถตั้งค่า "มอนิเตอร์แบบอินเอียร์" ได้ โดยถ้าเราเชื่อมต่อหูฟังกับโทรศัพท์ ก็จะมีหน้าต่างแบบลอยตัวอยู่ในหน้าแอปนั้นเลย จะปรับระดับเสียงของมอนิเตอร์แบบอินเอียร์ เสียงก้อง เปลี่ยนเสียง และอีควอไลเซอร์ก็จัดการได้เลยนะ

การใช้พลังงานแบตเตอรี่

ทางด้านพลังงานของ realme 9 Pro+ มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,500 mAh รองรับการใช้งานได้ยาวนาน พร้อมรองรับชาร์จไว 60W SuperDart Charge ชาร์จเร็วทันใจ ภายในเวลา 15 นาที สามารถเพิ่มแบตฯ ได้ถึง 50% ดังนั้นแม้ว่าจะใช้งานหนักจนแบตฯ หมดไว แต่ในหนึ่งรอบการชาร์จที่ใช้เวลาไม่นาน (วางลืม ๆ ไว้ กลับมาดูก็เต็มแล้ว) 
และจากการทดลองใช้งานพื้นฐานโดยทั่วไป เน้นใช้ทำงาน เปิดแชท คุยโทรศัพท์ เปิด Facebook, Instagram ไม่นานมาก สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันอยู่นะคะ ตกเย็นชาร์จแค่ 1 ครั้งก็โอเคแล้ว ส่วนการใช้งานแบบจัดหนัก เปิดใช้งานหน้าจอ 90Hz และเปิดรับสัญญาณ 5G ไว้ตลอดวัน เล่นเกม ดูซีรีส์ ฟังเพลง ถ่ายรูป ก็ต้องมีชาร์จระหว่างวัน 1-2 ครั้ง เอาจริง ๆ มันก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราเป็นหลักด้วย ถ้าดูซีรีส์ต่ออีกสักเรื่องก็อาจจะมีชาร์จรอบที่ 3 แต่ด้วยชาร์จไวที่ใส่มาให้ ภาพรวมเลยจัดว่าใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ คล่องตัวดีมาก ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่แน่นอนค่ะ

คะแนนทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน

  • ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วยแอปพลิเคชัน Antutu Benchmark ได้คะแนนรวม 488,774 คะแนน
  • ทดสอบความเร็วในการอ่าน-เขียนของหน่วยความจำด้วยแอปพลิเคชัน Antutu Benchmark ได้ Sequential Read 950.7 MB/s และ Sequential Write 462.9 MB/s
  • ทดสอบการจับสัญญาณ GPS ภาคพื้นดินด้วยแอปพลิเคชั่น GPS Tester พบว่าจับสัญญาณได้ 34 ดวงจาก 57 ดวง 
  • ทดสอบ Multi-touch รองรับการสัมผัสพร้อมกันบนหน้าจอ 10 จุด
  • ทดสอบการรองรับการแสดงผลวีดีโอสตรีมมิ่งที่ความละเอียดระดับสูงด้วย Google WideVine CDM ระดับ L1 (รองรับการแสดงผลที่ความละเอียดระดับสูงขณะสตรีมมิ่งวีดีโอ)
| realme 9 Pro ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนการทำงาน โดยเป็นชิปประมวลผลแบบ Octa-core เทคโนโลยีการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.2GHz รองรับการเชื่อมต่อ 5G Dual-SIM ใช้งาน 5G ทั้งระบบ SA/NSA ได้สองซิมพร้อมกัน จับคู่กับชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 619 พร้อมหน่วยความจำ RAM 6GB / 8GB แบบ LPDDR4x และหน่วยความจำภายใน ROM 128GB แบบ UFS 2.2 พร้อมรองรับการเพิ่มพื้นที่ความจำด้วย MicroSD Card การใช้งานพื้นฐานโดยทั่วไปลื่นไหลดีค่ะ และสามารถตอบสนองการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

การรับชมความบันเทิง

realme 9 Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6.6 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD+ การแสดงผลสีสันสวยงาม บวกกับรอยบากสำหรับวางกล้องหน้าแบบหยดน้ำและมีขอบจอค่อนข้างบาง ดังนั้นเรื่องของการดูได้แบบเต็มตากินขาดแน่นอน แม้จะสู้แสงได้ไม่ค่อยดีนักเมื่อใช้งานกลางแจ้ง แต่เอาเข้าจริงเราก็คงไม่ค่อยได้นั่งดูอะไรอยู่กลางแดดนาน ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นส่วนนี้โดยส่วนตัวแล้วมองว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคที่มีผลต่อการใช้งานในภาพรวมอยู่แล้วค่ะ ดูวิดีโอและรับชมคอนเท้นต์ต่าง ๆ ได้แบบเพลิน ๆ เลย

การเล่นเกม

สำหรับการเล่นเกมบน realme 9 Pro นั้น ลื่นไหลดีไม่ต่างจากตัวรุ่นพี่เลยค่ะ จากการทดสอบด้วยเกม ROV ค่าเฟรมเรทวิ่งอยู่ที่ 59 - 60FPS ตลอดเกม สามารถปรับกราฟิกระดับ HD ในระดับสูงมาก และปรับการแสดงผลระดับสูงได้ รวมไปทั้งสามารถเปิด FPS ระดับสูงได้ ด้วยอัตรา Refresh Rate หน้าจอที่ 120Hz และ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz ช่วยให้การใช้งานบนหน้าจอลื่นไหลขึ้น ไม่หน่วง ภาพสวย และการทัชหน้าจอที่แม่นยำ

ระบบเสียง

realme 9 Pro ติดตั้งลำโพงเดี่ยว รองรับระบบเสียงคุณภาพสูง Hi-res Audio ให้คุณภาพเสียงในระดับดี เสียงดัง ฟังชัด มิติเสียงดี ซึ่งข้อเสียเดียวของลำโพงแบบเดี่ยว ก็คือการที่มือไปบังช่องลำโพง และยิ่งถ้าไปบังเอาตอนที่กำลังดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ก็คงจะพาลหงุดหงิดน่าดู โดยรวมแล้ว ถ้าจับเฉพาะเรื่องคุณภาพเสียงก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีแหละนะ

การใช้พลังงานแบตเตอรี่

realme 9 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 5,000 mAh สามารถใช้งานโดยทั่วไปในหนึ่งวันได้แบบไม่มีปัญหา และยังมาพร้อมกับชาร์จเร็ว 33W Dart Charge ใช้เวลาชาร์จไปเข้าไม่นาน ถ้าแบตฯ หมดก็คือไม่ต้องกังวลแล้ว โดยภาพรวมคือสามารถใช้งานได้ยาว ๆ ตลอดทั้งวันค่ะ ชาร์จเย็นรอบเดียวก็เอาอยู่
ส่วนการใช้งานแบบหนัก ๆ เช่น เปิดรันหน้าจอ 120Hz ไว้ตลอดเวลา เปิดใช้งาน 5G ดูหนัง ฟังเพลงแบบยาว ๆ เช้ายันค่ำ แบบนี้ก็อาจต้องชาร์จไฟเพิ่ม 1 - 2 รอบ แต่มีชาร์จไว ยังไงก็หายห่วง ใช้งานต่อได้ไม่สะดุดแน่นอน

คะแนนทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน

  • ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วยแอปพลิเคชัน Antutu Benchmark ได้คะแนนรวม 402,076 คะแนน
  • ทดสอบความเร็วในการอ่าน-เขียนของหน่วยความจำด้วยแอปพลิเคชัน Antutu Benchmark ได้ Sequential Read 527.7 MB/s และ Sequential Write 206.2 MB/s
  • ทดสอบการจับสัญญาณ GPS ภาคพื้นดินด้วยแอปพลิเคชั่น GPS Tester พบว่าจับสัญญาณได้ 26 ดวงจาก 46 ดวง 
  • ทดสอบ Multi-touch รองรับการสัมผัสพร้อมกันบนหน้าจอ 10 จุด
  • ทดสอบการรองรับการแสดงผลวีดีโอสตรีมมิ่งที่ความละเอียดระดับสูงด้วย Google WideVine CDM ระดับ L1 (รองรับการแสดงผลที่ความละเอียดระดับสูงขณะสตรีมมิ่งวีดีโอ)
กล้องถ่ายภาพ (Camera)
| realme 9 Pro+ มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ Sony IMX766 OIS Camera ประกอบด้วย เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.8 เซนเซอร์ Sony IMX766 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของเซนเซอร์กล้องระดับแฟลกชิปในสมาร์ตโฟนระดับกลาง รองรับการถ่ายภาพคมชัดสุด 50MP สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้ดีขึ้น, เลนส์ Ultra Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.2 มุมมองภาพกว้าง 119 องศา สามารถเก็บภาพต่าง ๆ ได้กว้างกว่าที่เคย และเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.4 กับการเก็บภาพระยะใกล้และวัตถุขนาดเล็ก ในระยะโฟกัสใกล้สุดเพียง 4 เซนติเมตร
โดย realme 9 Pro+ นี้ ยังมากับ "ProLight Imaging Technology" เทคโนโลยีการถ่ายภาพใหม่ของแบรนด์ ที่ผสานองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จะทำให้สามารถเก็บภาพได้สวยงามในทุกสถานการณ์ ทั้งการใช้เซนเซอร์รับแสงขนาดใหญ่ Sony IMX766 ร่วมกับระบบอัลกอริธึม AI Noise Reduction Engine 3.0 เพื่อช่วยลดจุดรบกวน (Noise) ในภาพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากที่สุด และระบบกันสั่นคู่ OIS & EIS ช่วยลดการสั่นไหว ทำให้กล้องนิ่งขึ้นในขณะที่เซนเซอร์ทำงาน
ผลลัพธ์ภาพถ่ายที่ออกมาโทนสีจะค่อนข้างสด ส่วนการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) สามารถเบลอฉากหลังได้ดี มีหลุดโฟกัสเบลอผิดจุดบ้าง แต่น้อยมาก ๆ ตัดขอบสวยงามดีทีเดียว ไม่หลอกตา ภาพที่ได้ดูมีมิติและเป็นธรรมชาติ มีลูกเล่นให้เลือกเล่นเยอะ (มาก ๆ ) ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ งานนี้เลยลั่นชัตเตอร์กันเพลิน ส่วนผลงานจะเป็นอย่างไร ตามมาดูกันต่อเลยค่ะ

รายละเอียดกล้องหลังของ realme 9 Pro+ 5G

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.8 (เซนเซอร์ Sony IMX766 OIS)
  • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4 (ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร)
  • กล้อง Ultra Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 (119 องศา)

ฟังก์ชันการถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอกล้องหลัง

50MP Mode, Night Mode, Panoramic view, Expert, Portrait Mode, HDR, Ultra Wide, Ultra Macro, AI Scene Recognition, AI Beauty, Filter, Chroma Boost, Slow Motion, Bokeh Effect, TextScanner, Starry Mode, Tilt-shift, Street Mode, Long Exposure, Ultra Steady Video, Timelapse, Live HDR, Movie, Dual-ViewVideo, Slow Motion, AI Color Portrait, Bokeh Flare Portrait, Night Video, AI Hightlight Video

คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอกล้องหลัง

  • รองรับกันสั่น OIS & EIS
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ Dual-view
  • รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K@30fps, 1080P@60/30fps, 720P@60/30fps
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ Slow-motion 1080p@480/120fps, 720p@960/240fps

หน้าเมนูกล้องถ่ายรูป

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ realme Pro+ 5G

Auto Mode - โหมดอัตโนมัติ


50MP Mode - โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง (8,192 x 6,144 พิกเซล)


Portrait Mode - โหมดถ่ายภาพบุคคล

  • Bokeh Effect Control

  • Filter


Ultra Wide-angle Mode - โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง


Ultra Macro Mode - โหมดถ่ายภาพวัตถุขนาดเล็ก


Night Mode - โหมดถ่ายภาพกลางคืน


Street Photography Mode - โหมดถ่ายภาพสตรีท

  • Rush Hour โฟกัสวัตถุ และเบลอสิ่งที่ผ่านไปมา

  • Neon Trail สำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืน ที่มีแสงสาดไปมา

  • Light Trail Portrait ช่วยให้ถ่ายภาพวัตถุและโฟกัสแสงไฟที่สาดผ่านไปมาได้สวยงาม

  • Light Painting สำหรับการถ่ายภาพเชิงสร้างสรรค์

  • 90s POP Filter ฟิลเตอร์ ยุค 90


realme 9 Pro+ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ "Peak & Zoom" ที่เราสามารถซูมและโฟกัสได้อย่างแม่นยำด้วยปุ่มเดียว เหมาะสำหรับการถ่ายภาพระยะไกล ที่บางครั้งการเปิด Zoom ก่อนถ่าย กลับทำให้เราหาจุดที่เราต้องการจะถ่ายไม่เจอ ดังนั้นฟีเจอร์นี้ก็คือดีงามมาก ๆ

สำหรับกล้องหน้าของ realme 9 Pro+ มาพร้อมกับเลนส์ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.4 รองรับ AI Beauty ปรับแต่งใบหน้าให้สวยได้ตามต้องการ พร้อมโหมดถ่ายภาพเซลฟี่แบบ Portrait ละลายฉากหลังเพื่อช่วยให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น การเบลอหลังเก็บขอบสามารถทำได้ดี ถ่ายสวย พร้อมทั้งสามารถเซลฟี่ในโหมดกลางคืนได้ด้วย

รายละเอียดกล้องหน้าของ realme 9 Pro+ 5G

  • กล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4

ฟังก์ชันการถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอกล้องหน้า

Ultra Steady Video, Portrait Mode, Timelapse, Panoramic View, Beauty Mode, HDR, Face-Recognition, Filter, Night Mode, Bokeh Effect, Street Mode

คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอกล้องหน้า

  • รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 1080P@30fps, 720P@30fps

หน้าเมนูกล้องถ่ายรูป

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ realme 9 Pro+ 5G

Auto Mode - โหมดโนมัติ


Portrait Mode - โหมดเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ


realme 9 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ 64MP Nightscape Camera ประกอบด้วย เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.79 รองรับการถ่ายภาพความละเอียดสูง 64MP, เลนส์ Ultra Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.2 ให้มุมมองภาพกว้าง 119 องศา ทำให้สามารถเก็บภาพได้ในมุมมองที่กว้างขึ้น และเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.4 เก็บภาพระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร
หน้าตา ฟีเจอร์ และลูกเล่นต่าง ๆ จะใกล้เคียงกับในรุ่น 9 Pro+ เลย แต่จะต่างกันในดีเทลลึก ๆ ตามความละเอียดและเซนเซอร์กล้องที่ใส่มาให้ในแต่ละรุ่น ซึ่งผลลัพธ์ภาพที่ออกมาก็จะมีความแตกต่างกันอยู่ แต่โดยภาพรวมแล้วก็ให้ผลลัพธ์ภาพถ่ายคุณภาพสูงและถ่ายสนุกทั้งสองรุ่นค่ะ

รายละเอียดกล้องหลังของ realme 9 Pro

  • กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.79
  • กล้อง Ultra Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 (119 องศา)
  • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4 (ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร)

ฟังก์ชันการถ่ายภาพกล้องหลัง

64MP Mode, Night Mode, Panoramic View, Expert, Portrait Mode, HDR, Ultra Wide, Ultra Macro, AI Scene Recognition, AI Beauty, Filter, Bokeh Effect Control, Starry Mode, Slow Motion, Dual-view, Film, Time-lapse, AI Video

คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอกล้องหลัง

  • รองรับกันสั่น OIS
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ Dual-view
  • รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 1080P@30fps, 720P@60/30fps
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ Slow-motion ความละเอียด 720p@240fps

หน้าเมนูกล้องถ่ายรูป

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ realme 9 Pro 5G

Auto Mode - โหมดอัตโนมัติ


64MP Mode - โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง (9,248 x 6,936 พิกเซล)


Portrait Mode - โหมดถ่ายภาพบุคคล

  • Bokeh Effect Control

  • Filter


Ultra Wide-angle Mode - โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง


Ultra Macro Mode - โหมดถ่ายภาพวัตถุขนาดเล็ก


Night Mode - โหมดถ่ายภาพกลางคืน


Street Photography Mode - โหมดถ่ายภาพสตรีท

  • Rush Hour โฟกัสวัตถุ และเบลอสิ่งที่ผ่านไปมา

  • Neon Trail สำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืน ที่มีแสงสาดไปมา

  • Light Trail Portrait ช่วยให้ถ่ายภาพวัตถุและโฟกัสแสงไฟที่สาดผ่านไปมาได้สวยงาม

  • Light Painting สำหรับการถ่ายภาพเชิงสร้างสรรค์

  • 90s POP Filter ฟิลเตอร์ ยุค 90


realme 9 Pro มาพร้อมกล้องหน้า 16MP In-display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.05 รองรับ AI Beauty ปรับแต่งใบหน้าสวย และ Portrait Selfie ละลายพื้นหลังเนียนสวย มีมิติ พร้อมรองรับการถ่ายเซลฟี่กลางคืนหรือในที่แสงน้อย

รายละเอียดกล้องหน้าของ realme 9 Pro 5

  • กล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.05

ฟังก์ชันการถ่ายภาพกล้องหน้า

Portrait Mode, Panoramic View, Beauty Mode, HDR, Face-recognition, Filter, Night Mode, Bokeh Effect

คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอกล้องหน้า

  • รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 1080P@30fps, 720P@30fps

หน้าเมนูกล้องถ่ายรูป

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ realme 9 Pro 5G

Auto Mode - โหมดโนมัติ


Portrait Mode - โหมดเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ

บทสรุป (Wrap Up)
สรุปส่งท้ายสำหรับ realme 9 Pro Series ทั้งสองรุ่นที่นำมาแนะนำกันวันนี้ สำหรับคนที่กำลังสนใจ ถ้าคิดไม่ตกว่าควรจะเลือกรุ่นไหนดี อันดับแรกอยากให้ดูที่การใช้งานหลัก ๆ ของตัวเองเลยค่ะ ตัดเรื่องการรับสัญญาณ 5G ออกไป เพราะสามารถใช้ได้เหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งหลังจากที่ทดลองใช้งานมาได้ระยะหนึ่ง ตัว realme 9 Pro+ เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างเหมาะสำหรับคนที่เน้นการใช้งานถ่ายภาพ ที่ต้องการเซนเซอร์กล้องที่สามารถเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า คมชัดกว่า พร้อมด้วยหน้าจอ Super AMOLED ที่ให้กาารแสดงผลสีสันที่สว่างสดใสกว่า แม้ว่าประสิทธิภาพทางด้านอื่น ๆ จะไม่ด้อย แแต่เรียกว่าความโดดเด่นทางด้าน Photography มานำข้ออื่น ๆ ในขณะที่ realme 9 Pro จะเน้นความสามารถทางการใช้งานที่เร็วและแรง อัตรารีเฟรชเรท 120Hz ที่จะทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหลและตอบสนองได้ดีกว่า เปิดนั่นนี่ต้องไว เอาใจคนรุ่นใหม่ที่เป็นสาย Work on Mobile และเช่นเดียวกันที่ประสิทธิภาพด้านอื่น ๆ ของรุ่นนี้ก็ไม่ได้ดูเหลื่อมล้ำกันอย่างที่คิด เอาเป็นว่าใครสนใจสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นนี้ แนะนำให้สำรวจการใช้งานของตัวเองก่อน หรือถ้าลองสำรวจดูแล้วก็ยังไม่แน่ใจ ก็อยากให้ไปลองจับลองใช้งานตัวจริงเลย แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีนะ
| realme 9 Pro+ 5G กับความสามารถหลักด้านการถ่ายภาพ โดยมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 50MP ใช้เซนเซอร์กล้องรุ่นท็อป Sony IMX766, กล้อง Macro ความละเอียด 2MP และกล้อง Ultra Wide-angle ความละเอียด 8MP พร้อมเทคโนโลยีกันสั่นคู่ OIS & EIS ทำให้การบันทึกภาพถ่ายและวิดีโอทำได้ดี พร้อมสนุกไปกับโหมดถ่ายภาพ Street Photography หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว อัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G เทคโนโลยีการผลิตระดับ 6 นาโนเมตร รองรับการใช้งาน 5G เต็มประสิทธิภาพ รองรับ RAM Expansion ได้สูงสุดอีก 5GB สะดวกสบายด้วยสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ พร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ ระบบเสียง Dolby Atmos แบตเตอรี่ 4,500 mAh รองรับชาร์จไว 60W SuperDart Charge และดีไซน์ฝาหลังเปลี่ยนสีได้สุดล้ำ (เฉพาะสีฟ้า Sunrise Blue) แกะกล่องพร้อมใช้ realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12 (การันตีอัปเดต Android OS 2 ปี) มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีฟ้า Sunrise Blue และสีเขียว Aurora Green ในราคาวางจำหน่าย 12,999 บาท
จุดเด่น realme 9 Pro+ 5G
  • เซนเซอร์กล้องระดับแฟลกชิป Sony IMX766 OIS รุ่นแรกบนสมาร์ตโฟนระดับ Mid-range
  • ดีไซน์สุดล้ำ Light Shift Design ฝาหลังแบบเปลี่ยนสีได้ พร้อมตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 7.99 มม.
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 5G รุ่นแรกของโลก
  • รองรับ RAM Expansion เลือกขยายความจุได้ 2GB, 3GB และ 5GB
  • แบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh ใช้งานได้ยาวนาน
  • รองรับชาร์จไว 60W SuperDart Charge ชาร์จได้ 50% ในเวลาเพียง 15 นาที
  • หน้าจอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว อัตรา Refresh Rate สูงสุด 90Hz
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ In-display Fingerprint พร้อมฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
  • ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System
  • ตอบสนองการสั่นขณะใช้งานด้วย X-axis Tactile Engine
  • ลำโพงคู่ Dual Stereo Speakers และระบบเสียง Dolby Atmos
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G Dual Mode และ Wi-Fi 6
  • มาพร้อม realme UI 3.0; Android 12 พร้อมการันตีอัปเดต Android OS ถึง 2 ปี
  • ราคาเข้าถึงได้ 12,999 บาท

| realme 9 Pro 5G จัดเต็มความสามารถหลักทางด้านประสิทธิภาพการใช้งาน เร็ว แรง มาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G เทคโนโลยีการผลิตระดับ 6 นาโนเมตร ชิปโมเด็ม 5G ในตัว รองรับ RAM Expansion เลือกอัปเกรดความจุได้สูงสุด 5GB รองรับ Ultra-fast Side Fingerprint สแกนนิ้วเพื่อเปิดใช้งานเครื่องได้ที่ปุ่ม Power เลย พ่วงด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 33W Dart Charge หน้าจอไหลลื่น 120Hz ขนาด 6.6 นิ้ว พร้อมกล้องถ่ายภาพ Nightscape 3 เลนส์ กล้องหลัก 64MP, กล้อง Ultra Wide-angle 8MP และกล้อง Macro 2MP ดีไซน์สวยงาม เปลี่ยนสีได้สำหรับในสีฟ้า Sunrise Blue เช่นเดียวกับในรุ่น realme 9 Pro+ และบางเฉียบเพียง 8.5 มิลลิเมตรเท่านั้น มีให้เลือก 2 สี คือ สีฟ้า Sunrise Blue และสีเขียว Aurora Green ในราคาวางจำหน่ายเริ่มต้น 8,999 บาท
จุดเด่น realme 9 Pro 5G
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G รุ่นแรกในเซกเมนต์เดียวกัน
  • กล้องหลัง 3 เลนส์ 64MP Nightscape Camera ความละเอียดสูงสุด 64MP
  • หน้าจอแสดงผล 120Hz Ultra Smooth Display แบบ IPS LCD ขนาด 6.6 นิ้ว
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ใช้งานได้ตลอดวัน
  • รองรับชาร์จไว 33W Dart Charge
  • ดีไซน์สุดล้ำ Light Shift Design ฝาหลังแบบเปลี่ยนสีได้
  • รองรับ RAM Expansion เลือกอัปเกรดความจุได้ 2GB, 3GB และ 5GB
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง Ultra-fast Side Fingerprint ช่วยปลดล็อกการใช้งานตัวเครื่องได้สะดวกสบาย
  • ระบบเสียงคุณภาพสูง Hi-res Audio
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G Dual Mode และ Wi-Fi 5
  • ราคาเข้าถึงได้ เริ่มต้น 8,999 บาท
ราคา การวางจำหน่าย และโปรโมชัน (Price & Promotion)
realme ประเทศไทย จะวางจำหน่ายสมาร์ตโฟน realme 9 Pro Series ทั้งสองรุ่นใน 2 ตัวเลือกสี คือ สีฟ้า Sunrise Blue และสีเขียว Aurora Green โดย realme 9 Pro+ 5G มาพร้อมตัวเลือกความจำ RAM 8GB + ROM 256GB เพียงรุ่นเดียว ในราคา 12,999 บาท และสำหรับ realme 9 Pro 5G จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ในราคา 8,999 บาท และรุ่น RAM 8GB + ROM 128GB ในราคา 9,999 บาท
รุ่น หน่วยความจำ
(RAM / ROM)
ตัวเลือกสี ราคา
realme 9 Pro+ 5G 8GB / 256GB Sunrise Blue, Aurora Green 12,999 บาท
realme 9 Pro 5G 6GB / 128GB Sunrise Blue, Aurora Green 8,999 บาท
realme 9 Pro 5G 8GB / 128GB Sunrise Blue, Aurora Green 9,999 บาท
realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro มาพร้อมโปรโมชันพิเศษเมื่อ Pre-order ตั้งแต่วันที่ 1 - 11 มี.ค. 65 นี้ รับของสมนาคุณ realme E-VIP Card (มูลค่า 4,000 บาท), realme Smart Scale (มูลค่า 999 บาท), realme Special Gift (มูลค่า 1,299 บาท), กระเป๋า Jet Black Bag (มูลค่า 1,899 บาท ของแถมเฉพาะ realme Brand Shop) รวมมูลค่ากว่า 6,298 บาท* พร้อมสิทธิผ่อน 0% นานสูงสุด 6 เดือน* สามารถสั่งซื้อผ่านทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ (*สินค้ามีจำนวนจำกัด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)
 
พิเศษสำหรับผู้ที่สั่งจอง (Early-bird) สมาร์ตโฟน realme 9 Pro+ ผ่านช่องทางออนไลน์แบบ Exclusive เฉพาะ JD Central ตั้งแต่วันที่ 3 - 11 มีนาคม 2565 นี้ ราคาพิเศษเพียง 12,499 บาท รับสิทธิพิเศษและของสมนาคุณ เซ็ตของขวัญ realmeow Exclusive Gift (มูลค่า 1,299 บาท), สิทธิ์สะสมคะแนน JD Points, ประกันจอแตก (มูลค่า 4,000 บาท), ซิมการ์ด 5G จาก Dtac มูลค่า 99 บาท (เฉพาะ New User ที่ร้าน realme Flagship Store), Coocaa TV (มูลค่า 9,999 บาท) พร้อมสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 6 เดือน* >> https://bit.ly/3GS4rFz
สำหรับ realme 9 Pro รุ่น (6GB + 128GB) จำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ realme Official Global Store บน Lazada เท่านั้น พร้อมราคารอบพิเศษ Early-bird เฉพาะผู้ที่สั่งซื้อผ่านช่องทาง Lazada เหลือเพียง 8,499 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 - 5 มีนาคม 2565 นี้ และ realme 9 Pro รุ่น (8GB + 128GB) ราคารอบพิเศษ Early-bird เฉพาะผู้สั่งซื้อผ่านช่องทาง Lazada เหลือเพียง 9,499 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 - 11 มีนาคมนี้ >> https://bit.ly/3LIIOLn
realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro จะวางจำหน่ายพร้อมกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 มีนาคม 2565 นี้ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ realme Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
แท็กที่เกี่ยวข้อง รีวิว review realme เรียลมี มือถือเรียลมี มือถือเปิดตัวใหม่ รีวิวมือถือ มือถือ 2022 realme 9 Pro 5G realme 9 Pro+ 5G รีวิว realme 9 Pro รีวิว realme 9 Pro+
Mobile Guru
เขียนโดย สโรชา ศรีชัย Mobile Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)