รอบนี้มาอยู่กับ Samsung Galaxy Watch 4 Classic edition กันครับ เป็นหนึ่งในสมาร์ตวอทซ์อีกรุ่นของตลาด ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนอกจากการออกแบบที่ครั้งนี้ทางซัมซุงทำได้ลงตัว สวยงาม และแฝงความหรูเบา ๆ ไปในตัวแล้ว เรื่องของคุณสมบัติและความสามารถก็เป็นอีกจุด ที่สมาร์ตวอทซ์เจเนอเรชั่นที่ 4 ของซัมซุงทำได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งรอบนี้ได้ซอฟต์แวร์ "WearOS" จาก Google ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เป็นสมาร์ตวอทซ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการจับคู่กันครั้งแรกระหว่าง WearOS ของ Google กับสมาร์ตวอทซ์ของ Samsung
ในด้านของฮาร์ดแวร์เองก็มีจุดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะซัมซุงได้นำเซ็นเซอร์ BioActive ที่รวม 3 เซ็นเซอร์วัดด้านสุขภาพไว้ด้วยกัน ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลของซัมซุงที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานบนสมาร์ตวอทซ์โดยเฉพาะมาทำงานร่วมกัน จึงทำให้ Samsung Galaxy Watch 4 Classic edition เป็นสมาร์ตวอทซ์ที่ให้ประสิทธิภาพ และตอบรับกับความคาดหวังในด้านสุขภาพของผู้ใช้งานได้ดีเยี่ยม และอาจจะดีเป็นเบอร์ต้น ๆ ของตลาดสมาร์ตวอทซ์จากแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนในตอนนี้เลยก็เป็นได้ และด้วยความสามารถ ลูกเล่น งานออกแบบ รวมทั้งประสิทธิภาพที่ครบทุกด้านขนาดนี้ ครั้งนี้ผมจึงตัดสินใจเลือกหยิบเหตุผลเด่นๆ ที่น่าจะช่วยหาคำตอบให้กับคนที่กำลังสนใจเจ้า Galaxy Watch 4 Series มาแนะนำกัน จนให้เพื่อน ๆ ได้คำตอบกันว่า ควร "ซื้อ" หรือ "ไม่ซื้อ" ถ้าพร้อมโดนป้ายยาแล้วก็...ไปดูเหตุผลพร้อมกันได้เลย!
รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy Watch 4 Classic editon (Bluetooth, 46mm.)
- Body : Stainless steel frame 316L
- ขนาดตัวเรือน : กว้าง 45.5 x ยาว 45.5 x หนา 11 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรวม : 52 กรัม
- หน้าจอแสดงผล super AMOLED ขนาดขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียด 450x450 พิกเซล
- ชิปประมวลผล Exynos W920 (5nm.)
- RAM 1.5GB
- ROM 16GB
- Wear OS Power by Samsung
- รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟน Android OS เท่านั้น
- ผ่านมาตรฐานอุปกรณ์ทางการทหาร MIL-STD-810G
- กันน้ำลึกระดับ 50m. ตามมาตรฐาน 5 ATM - IP68
- Bluetooth 5.0
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n
- ระบบ GPS : A-GPS, GLONASS, GALILEO, BDS
- แบตเตอรี่ขนาด 361 mAh รองรับชาร์จไร้สาย
แอปฯ เพียบกับครั้งแรกของ WearOS by Samsung
เรื่องแอปพลิเคชั่นเป็นสิ่งหลายคนให้ความสำคัญ!! ใช่ไหมครับ? Samsung Galaxy Watch 4 Series เป็นสมาร์ตวอทซ์รุ่นแรกของซัมซุงเลยนะครับ กับการยอมทิ้ง Tizen OS ของตัวเองที่ใช้มาตั้งแต่ Galaxy Watch รุ่นแรก แล้วตัดสินใจหันมามาร่วมมือกับ Google พัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับใช้งานบนสมาร์ตวอทซ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในนาม "Wear OS Power by Samsung"
ระบบปฏิบัติการที่นำข้อดีของ Tizen OS ในเรื่องของการจัดการทรัพยากร, UI ที่เข้าใจง่าย และความสามารถด้านสุขภาพต่าง ๆ มาผสานเข้ากับระบบนิเวศน์ด้านแอปพลิเคชั่นและบริการของ Google ที่แข็งแกร่ง ทำให้กลายเป็น OS ที่มีความ Seamless ในการใช้งานยิ่งขึ้น ดังนั้นความกังวลในเรื่องของแอปพลิเคชั่น โดยเฉพาะแอปฯ ด้านสุขภาพที่หลายคนนิยมใช้ มีให้เลือกใช้งานหลากหลายแน่นอนครับ
BioActive Sensor สามประสานเซ็นเซอร์ด้านสุขภาพ ที่ทำให้คุณรู้จักร่างกายตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
BioActive Sensor เป็นชื่อเรียกรวมของ 3 เซ็นเซอร์ตรวจวัดด้านสุขภาพที่ทางซัมซุงติดตั้งมาให้ในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย
- Photoplethysmography (PPG) หรือ Optical Heart Rate Sensor : เซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจและระดับออกซิเจนในเลือด
- Electrocardiogram (ECG) หรือ Electrical Heart Sensor : เซ็นเซอร์ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าของหัวใจ
- Bioelectrical Impedance Analysis (BIA) Sensor : เซ็นเซอร์สำหรับวัดข้อมูลองค์ประกอบของร่างกาย
ทั้งสามเซ็นเซอร์ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของ Samsung Galaxy Watch 4 Classic Editon ที่ทำให้เป็นสมาร์ตวอทซ์ที่หลายคนสนใจเลยล่ะครับ โดยเฉพาะเซ็นเซอร์ BIA ที่เป็นครั้งแรกของสมาร์ตวอทซ์กับการนำเซ็นเซอร์ BIA (Bioelectrical impedance analysis) เซ็นเซอร์สำหรับวัดองค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition) เข้ามาใช้งานเป็นครั้งแรก
ซึ่งถ้าใครที่เข้าใช้บริการฟิตเนสหรือยิมบ่อย ๆ น่าจะคุ้นเคยกันแน่นอนครับ เพราะเป็นเซ็นเซอร์แบบเดียวกับเครื่องชั่งน้ำหนักและวัดองค์ประกอบร่างกาย ที่เราใช้ชั่งและวัดก่อนออกกำลังกายในยิมนั่นเอง โดยทางซัมซุงเคลมว่าการตรวจวัด BIA ตัวเซ็นเซอร์มีความคาดเคลื่อนเพียง 1-2% เท่านั้น หรือ มีความแม่นยำมากถึง 98%
สำหรับข้อมูลองค์ประกอบร่างกายที่เราจะได้จากเซ็นเซอร์ BIA จะประกอบด้วย
- Body Mass Index ( ดัชนีมวลกาย)
- Skeletal Muscle (มวลกล้ามเนื้อ)
- Body Fat (มวลไขมัน)
- Body Water (ปริมาณน้ำในร่างกาย)
- Basal Metabolic Rate ( อัตราการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน )
นอกจากเซ็นเซอร์ BIA แล้ว ยังมีเซ็นเซอร์อีกสองตัวที่น่าสนใจไม่แพ้กันติดตั้งมาด้วย ประกอบด้วย
- Photoplethysmography (PPG) : เซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดความดันโลหิต และระดับออกซิเจนในเลือด
- Electrocardiogram (ECG) : เซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าของหัวใจ
โดยเซ็นเซอร์ทั้งสองตัวมีประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง หรือแม้แต่คนที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ เพราะช่วยให้เราโฟกัสในเรื่องของการออกกำลังกายได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ความสามารถของทั้งสองเซ็นเซอร์นี้ยังไม่สามารถใช้งานได้นะครับ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนขอการรับรองจาก อย. ประเทศไทย สำหรับใช้เป็นอุปกรณ์ด้านการแพทย์อยู่ โดยทางซัมซุงยืนยันว่าถ้าได้รับการอนุมัติแล้วสามารถปล่อยอัปเดทให้ใช้งานได้ทันที
ดีไซน์หน้าปัดทรงกลมที่หลายคนชอบ เติมเต็มด้วยความเรียบง่าย และหรู
ในเรื่องของงานออกแบบเป็นอะไรที่ตอบได้ยากมากๆ เลยว่า แบบไหน 'สวย' หรือ 'ไม่สวย' เพราะเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลที่ก็ว่ากันไปตามความชอบ แต่สำหรับ Samsung Galaxy Watch 4 Classic edition ถูกออกแบบให้มีหน้าปัดนาฬิกาเป็นทรงกลมได้กลิ่นอายความคลาสสิกของนาฬิกาข้อมือที่เราคุ้นเคย ตัวหน้าปัดหรือหน้าจอมีขนาด 1.4 นิ้ว (46 mm.) ใช้พาแนลหน้าจอ super AMOLED ดังนั้นรองรับฟีเจอร์ Always on Display แน่นอน ตัวหน้าจอถูกครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla DX ด้านหลังใช้กระจกแบบ 3D ตัวเรือนทำจากวัสดุสแตนเลส และที่ขอบหน้าปัดสามารถหมุนเพื่อเลื่อนหน้าเมนูต่าง ๆ ได้
หน้าปัดโหมด Always on display สู้แสงสบายๆ
ด้านข้างมีปุ่มกดสำหรับเข้าเมนู และ กลับสู่หน้าหลัก โดยที่ทั้งสองปุ่มมีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกน BIA ในตัวด้วย สำหรับสายรัดข้อมือรุ่น Classic ตามสเปกเดิมจะให้สายรัดเป็นวัสดุ Fluoroelastomer สัมผัสจะคล้ายยาง มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อเหงื่อ และลดอาการแพ้ได้มากกว่าสายหนัง (แต่ตัวที่ได้มาทดสอบจะติดตั้งสายหนังมาให้เลย)
ครบเครื่องเรื่องของสุขภาพและออกกำลังกาย
Samsung Galaxy Watch 4 Classic edition ถึงแม้ตัวเรือนจะมีน้ำหนักและความเหมาะสมสำหรับนำไปใช้ออกกำลังกายจะมีน้อยกว่า Galaxy Watch 4 รุ่นปกติ แต่ทางซัมซุงยังใส่ความสามารถในการตรวจจับกิจกรรมออกกำลังกาย และโหมดสำหรับออกกำลังกายมาให้เลือกใช้งานได้ครบเครื่องไม่แพ้รุ่นปกติเลยครับ และภายในโหมดออกกำลังกายเรายังสามารถตั้งค่าใช้โหมดฝึกสอนสำหรับเทรนการออกกำลังกายเบื้องต้นได้ด้วย
นอกจากมีโหมดออกกำลังกายให้เลือกใช้หลากหลายแล้ว ในด้านของการติดตามกิจกรรมด้านสุขภาพ Samsung Galaxy Watch 4 Classic edition ถูกใส่คุณสมบัตินี้เข้ามาแน่นไม่แพ้เรื่องของการออกกำลังกายเลย โดยตัวเรือนสามารถติดตามการนอนหลับระดับเชิงลึก, การบันทึกรอบเดือนของคุณผู้หญิง, การเตือนการดื่มน้ำ, บันทึกพลังงาน Kcal จากอาหาร หรือการเตือนระดับความเครียด และอีกหลากหลายกิจกรรมได้ทั้งหมด และบันทึกข้อมูลทั้งหมดลงไปบนแอปพลิเคชั่น Samsung Health เพื่อให้เราสามารถติดตามข้อมูลด้านสุขภาพจากบนสมาร์ตโฟนได้ด้วย
บทสรุป : นี้คือ Galaxy Watch ที่ดีที่สุดของ Samsung
จากเหตุผลที่ผมหยิบมาป้ายยาทุก ๆ คนจนมาสู่บทสรุปตรงนี้ ส่วนตัวผมก็อยากแนะนำคนที่กำลังชั่งใจจะซื้อดีไหม? ว่า ถ้าหากคุณกำลังมองหาสมาร์ตวอทซ์จากแบรนด์สมาร์ตโฟนอยู่ ไม่ได้โฟกัสไปที่สายเฉพาะทางอย่าง Garmin, Suunto หรือ Fitbit เพื่อนำมาใช้ร่วมกับสมาร์ตโฟน Android OS ของตนเองโดยที่ไม่ได้จำกัดงบไว้ ถ้าสเปกความต้องการทั้งหมดที่กล่าวมาตรงกับตัวคุณ Samsung Galaxy Watch 4 Classic edition หรือ Galaxy Watch 4 "Samsung Galaxy Watch ที่ดีที่สุดจากซัมซุง" คือคำตอบให้คุณได้แน่นอนครับ
สำหรับใครที่สนใจ Samsung Galaxy Watch 4 Series ทางซัมซุงวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น 5 โมเดล ประกอบด้วย
- Samsung Galaxy Watch 4 | 40 mm. | Bluetooth : ราคา 7,990 บาท
- Samsung Galaxy Watch 4 | 44 mm. | Bluetooth : ราคา 8,990 บาท
- Samsung Galaxy Watch 4 | 44 mm. | LTE : ราคา 10,990 บาท
- Samsung Galaxy Watch 4 Classic | 46 mm. | Bluetooth : ราคา 11,900 บาท
- Samsung Galaxy Watch 4 Classic | 46 mm. | LTE : ราคา 13,900 บาท
ขอขอบคุณ Samsung ประเทศไทย