ปี 2021 เป็นปีที่เทคโนโลยี 5G เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราในแต่ละวันมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเด่นชัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการไหวตัวที่ค่อนข้างเร็วของทั้งภาครัฐฯ และภาคเอกชน จึงทำให้การประมูลคลื่น 5G และโครงการอัปเกรดเสาสัญญาณ รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ทางฝั่งของผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ก็เริ่มที่จะเข้าถึงดีไวซ์ 5G ในรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น จะเห็นได้จากผู้ให้บริการเครือข่าย 5G และแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเกือบทุกแบรนด์ รวมไปถึงสมาร์ทดีไวซ์ต่าง ๆ ที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเรา จะให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยี 5G เป็นพิเศษ จนเกิดการแข่งขันกันอย่างสนุกและดุเดือดเลยทีเดียว
ถึงแม้ ณ ตอนนี้ ดีไวซ์ที่รองรับ 5G จะเริ่มเข้ามาสู่ตลาดประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีมากหน้าหลายตา แต่ "สมาร์ทโฟน" ก็นับว่าเป็นดีไวซ์หลักของฝั่งผู้บริโภค ที่จะช่วยให้เข้าถึงเทคโนโลยี 5G อย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยเทคโนโลยี 5G ยังค่อนข้างใหม่ ดังนั้นการเลือกสมาร์ทโฟน 5G ที่ดี คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่าย และตอบโจทย์ต่อการใช้งานของเรามากที่สุด จึงเป็นปัจจัยที่ควรใช้เป็นหลักในการพิจารณาเป็นอันดับต้น ๆ
และเมื่อพูดถึงสมาร์ทโฟนรองรับ 5G ที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ที่ตอนนี้ถึงแม้จะมีหลากหลายรุ่นที่แตกต่างกันทั้งในเรื่องของสเปกการใช้งานและราคาให้เราเลือกซื้อ แต่มีอยู่รุ่นหนึ่งที่น่าสนใจจนอยากหยิบมาแนะนำกันผ่านบทความนี้ ซึ่งสมาร์ทโฟนที่ว่าก็คือ "Vivo V20 Pro 5G" ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเป็นรุ่นที่น่าสนใจจนอยากหยิบมาแนะนำนั้น ลองตามมาดู 5 เหตุผลที่ Mobile GURU Thailand รวมมาให้แล้วว่า ทำไม Vivo V20 Pro 5G ถึงน่าซื้อที่สุด ณ เวลานี้กันค่ะ
1. รองรับเครือข่าย 5G ในไทย ตั้งแต่แกะกล่อง
Vivo V20 Pro 5G เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟน 5G ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยเพียงไม่กี่รุ่นตอนนี้ ที่รองรับการให้บริการคลื่นความถี่ 5G ในไทยได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง โดยตามสเปกของ Vivo V20 Pro 5G ตัวเครื่องมีคุณสมบัติรองรับคลื่นความถี่ 5G n41 (2,600MHz) ซึ่งถือครองโดย AIS, CAT และ Truemove H ดังนั้นจึงสามารถใช้งาน 5G ได้ตั้งแต่แกะกล่องนั่นเอง
แต่ก่อนที่จะข้ามไปถึงเรื่องของความสามารถทางด้านการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี 5G บนสมาร์ทโฟน Vivo V20 Pro 5G อยากให้ทุกคนมาเซ็ตซีโร่ และทำความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยี 5G กันแบบง่าย ๆ กันสักหน่อยว่า "5G" คืออะไร? และมีประโยชน์ในแง่มุมของการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง?
5G คืออะไร?
5G คือ Generation 5 หรือเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 5 ซึ่งมีการพัฒนาเป็นลำดับขั้น โดยเริ่มมาตั้งแต่ 1G, 2G, 3G, 4G และในปัจจุบันก็คือ "5G" ยุคเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ (Internet of Things) ด้วยความเร็ว Upload และ Download บนเครือข่ายไร้สายที่สูง และมีความเสถียรมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยี 5G จะมีสปีดทั้งการ Upload และ Download ที่เร็วกว่าการใช้ 4G ถึง 10 เท่า ถ้าเอาให้เห็นภาพชัด ๆ คือ เราสามารถดูหนังออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ ไม่มี Over Buffering หรืออาการหมุนติ้ว ๆ ให้เห็น ดังนั้น ถ้าจะดาวน์โหลดไฟล์หนังสักเรื่อง ที่มีขนาดไฟล์ 1GB ก็จะสามารถใช้เวลาดาวน์โหลดให้เสร็จได้ด้วยเวลาประมาณ 6 วินาทีเท่านั้นเอง!
5G มีประโยชน์อย่างไร?
ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยี 5G ที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า มีความเร็ว ความนิ่ง มีมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาก ดังนั้นจึงสามารถต่อยอดด้วยการนำคุณสมบัติของ 5G มาใช้งานกับอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อไร้สายได้ในตัวหรือที่เราเรียกว่า Internet of Things ในภาคอุตสาหกรรมเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์อย่างเรา ๆ ให้สะดวกมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การนำมาใช้คู่กับเทคโนโลยี AR เพื่อใช้วิเคราะห์ผู้ป่วยสำหรับคุณหมอ หรือการใช้ร่วมกับ VDO Calling เพื่อช่วยให้คุณหมอสามารถสั่งผ่าตัดแบบทางไกลได้ หรือนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์กับการเชื่อมต่อกับรถยนต์ไร้คนขับ เป็นต้น
ส่วนทางด้านของผู้ใช้งานโดยทั่วไปอย่างเรานั้น แน่นอนว่าการมี 5G จะทำให้เราสามารถดูวิดีโอ หรือดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นเกมออนไลน์ ฟังเพลง รวมทั้งการเปิดเว็บไซต์ หรือทำงานออนไลน์ที่ต้องรับ-ส่งข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีสะดุด คมชัด และรวดเร็วมาก ๆ จะเห็นได้จากที่โลกแห่งการทำงานตอนนี้ที่ย้ายการทำงานส่วนใหญ่ขึ้นระบบออนไลน์เกือบทั้งหมด
5G กับ Vivo V20 Pro 5G คู่ที่ลงตัวในไลฟ์สไตล์ยุคใหม่!
Vivo V20 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่ทางวีโว่รังสรรค์ความสามารถมาให้ครอบคลุมกับไลฟ์สไตล์ในยุค 5G ได้อย่างลงตัวโดยในด้านของสเปกมาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G แบบ Octa-core ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุด 2.4GHz รองรับการเชื่อมต่อ 5G ได้ทั้งแบบ SA (Standalone) หรือ 5G อย่างเดียว และ NSA (Non-standalone) หรือการใช้งานผ่านเน็ตเวิร์คของเทคโนโลยี 4G LTE และที่เหนือกว่าขึ้นไปอีกคือ Nano-SIM Dual Standby หรือสามารถใส่ซิม 5G แบบนาโน เพื่อให้สมาร์ทโฟนสแตนด์บายการใช้งานบนเครือข่าย 5G ได้ทั้งสองซิมการ์ด พร้อมแกะกล่องสามารถใช้งานได้ทันที ในขณะที่บางรุ่นยังมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องของการใส่ซิม 5G ที่รองรับแค่ซิมเดียว และการรองรับการเชื่อมต่อที่ต้องรออัปเดตก่อนถึงจะใช้งานจริงได้
พร้อมทำงานกับ RAM ขนาด 8GB แบบ LPDDR4X และ ROM ขนาด 128GB แบบ UFS 2.1 ที่เพียงพอต่อการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาพถ่าย คลิปวิดีโอ หรือการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาไว้บนเครื่องก็ใช้ได้แบบเหลือ ๆ
2. ถ่ายภาพสวย ด้วยกล้องหน้าคู่ 44MP มี Eye Autofocus และกล้องหลังคมชัดสูงสุด 64MP พร้อมถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ 4K
สำหรับ Vivo V20 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับความสามารถด้านกล้องถ่ายภาพที่จัดจ้านสุด ๆ ด้วยสโลแกน "44MP Eye Autofocus Selfie, Be the Focus" ถ่ายภาพสวยคมชัดทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มาพร้อมฟีเจอร์ Eye Autofocus โฟกัสที่ดวงตา ทำให้การทุกการถ่ายไม่หลุดโฟกัสแน่นอน!
โดย Vivo V20 Pro 5G ติดตั้งกล้องหน้าเลนส์คู่ ประกอบด้วย เลนส์หลัก 44MP, F2.0 (Wide) + เลนส์มุมกว้าง 8MP, F2.3, 105 องศา (Super Wide Angle) และกล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็นเลนส์หลัก 64MP, F1.9 (Wide) + เลนส์มุมกว้าง 8MP, F2.2, 120 องศา (Super Wide Angle) + เลนส์วัดระยะตื้นลึก 2MP, F2.4 (Depth) ให้ประสบการณ์การถ่ายภาพสวยครบ สมบูรณ์แบบในทุกระยะ และแน่นอนว่าสามารถถ่ายวีดีโอได้สูงสุดที่ระดับความละเอียด 4K และถ้าหากใช้ 5G อัปโหลดขึ้นออนไลน์ล่ะก็ ใช้เวลาไม่นานก็พร้อมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแบบคมชัดแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
นอกจากนี้ตัวกล้องยังรองรับระบบกันสั่น Super Steady ทั้งกล้องหน้า-กล้องหลัง พร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย ทั้ง Steadyface Selfie Video เทคโนโลยีตรวจจับการสั่นของมือแบบเรียลไทม์ ช่วยป้องกันภาพสั่น, Slo-mo Selfie Video ถ่ายวีดีโอ Selfie แบบสโลโมชั่น, Dual View Video บันทึกวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน, Art Portrait Video เลือกภาพ Live Portrait ในขณะที่ถ่ายวีดีโอได้
VIDEO
3. ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม และสีสันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมดีไซน์สวยงาม และเลือกใช้สีตัวเครื่องที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร จนสามารถสร้างภาพจำที่แค่เห็นฝาหลังของตัวเครื่องก็บอกได้ว่านี่คือสมาร์ทโฟนใน V20 Series ของวีโว่อย่างแน่นอน! บอดี้งานประกอบคุณภาพสูง เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีความบางเพียง 7.39 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 170 กรัมเท่านั้น นอกจากความเบา บาง ที่ช่วยให้การจับถือตัวเครื่องถนัดมือแล้ว ยังใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ ที่ให้การแสดงผลสีสันสวยงาม คมชัดสูง อัตรารีเฟรชเรท 90Hz ใช้งานลื่นไหล ลื่นมือ และเนียนตา พร้อมค่าความสว่างหน้าจอ 409 ppi ที่สามารถใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบาย ๆ ถ้าดูแค่สเปกตัวเครื่องและหน้าจออย่างเดียวก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
4. แบตอึดจุใจ พร้อมรองรับชาร์จไว 33W ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน
สิ่งที่ตามมาสำหรับสมาร์ทโฟนที่ใช้เครือข่าย 5G ก็คือ ปัญหาแบตเตอรี่หมดไว และตัวเครื่องจะมีอุณหภูมิสูงในขณะที่มีการใช้งานแบบ 5G ซึ่งสาเหตุก็สืบเนื่องมาจากการสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้แบบไม่มีข้อจำกัดทางด้านความเร็วการเชื่อมต่อแล้วนั่นเอง Vivo V20 Pro 5G จึงเลือกใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000 mAh ซึ่งใช้งานจริงก็อึดอยู่พอสมควร แต่ถ้าหากต้องใช้งานหนักจริง ๆ จนแบตฯ หมดระหว่างวัน ตัวเครื่องก็มีเทคโนโลยีชาร์จไว 33W Vivo FlashCharge 2.0 ที่สามารถชาร์จพลังงานกลับคืนได้ภายในไม่กี่นาที ทำให้งานเดินต่อได้แบบไม่มีสะดุดในยุคที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็วแบบนี้
นอกจากนี้ ยังใส่ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Liquid Cooling ที่สามารถถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วมาให้ด้วย ดังนั้นแม้ว่าจะมีการเปิดการใช้งานต่าง ๆ ผ่าน 5G อยู่ตลอดเวลา เครื่องก็จะยังอยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน
5. Vivo V20 Pro 5G กับราคาใหม่ มือถือ 5G ที่ทุกคนเข้าถึงได้!
มือถือ 5G หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นสิ่งไกลตัว เพราะด้วยราคาค่าตัวที่สูง แต่สำหรับ Vivo V20 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายอีกรุ่นหนึ่งของตลาดเลย โดยเฉพาะราคาใหม่ 12,999 บาท กับความสามารถที่ครบเครื่อง รองรับ 5G ใช้งานได้ตั้งแต่แกะกล่อง ไม่ต้องรออัปเดตใด ๆ แถมยังมีดีไซน์ที่ลงตัวสวยงาม ตัวเครื่องบางและเบา ติดตั้งกล้องรูปคุณภาพดี แบตฯ อึด ชาร์จไว ดังนั้น Vivo V20 Pro 5G จึงจัดได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่น่าสนใจอีกรุ่นของตลาดมือถือในตอนนี้ ที่มีความคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานได้ครบที่สุด