รีวิว Nokia 3.4 มือถือ Android One จอใหญ่ 6.39" กล้อง Triple camera คุณภาพดี ในราคา 4,990.-

Nokia 3.4 สมาร์ทโฟน Android One ที่ทาง HMD ประเทศไทย ตั้งใจนำเข้ามาทำตลาดให้กับกลุ่มลูกค้าหรือแฟนคลับของแบรนด์โนเกีย ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน Android OS ในราคาเข้าถึงง่าย มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานได้นาน และทนทานต่อการใช้งานในสไตล์ของแบรนด์โนเกีย ซึ่งผู้ใช้งานในไทยคุ้นเคย และรู้จักตัวตนของโนเกียในด้านความทนทานในการใช้งานเป็นอย่างดี 

เพราะฉะนั้น Nokia 3.4 จึงเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่มาพร้อม 2 จุดเด่นหลักในแบบฉบับของโนเกีย โดยจุดเด่นแรกก็คือ เรื่องของงานออกแบบ (Design) ที่ยังคงมีแนวทางการออกแบบและผลิตตัวเครื่องโดยมุ่งเน้นไปที่ความคุ้มค่า และทนทานต่อการใช้งานมากที่สุดเอาไว้ ส่วนอีกหนึ่งจุดเด่นคือ เรื่องของความคุ้มค่า (Value) ที่ทางโนเกียนำสมาร์ทโฟนของตัวเองทุกรุ่นเข้าเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนโครงการ Android One ของ Google ทำให้ได้รับการการันตีในเรื่องของการอัปเดตระบบ Android OS นานถึง 2 ปี และแพทความปลอดภัยนาน 3 ปี จาก Google โดยตรงด้วยนั่นเอง เพราะฉะนั้นใครที่ใช้งานสมาร์ทโฟนของโนเกีย รวมถึง Nokia 3.4 รุ่นนี้ด้วยก็จะสามารถใช้งานได้ยาวนานอย่างน้อย 2 ปี เลยทีเดียวครับ 

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน ประสิทธิภาพด้านฮาร์ดแวร์ และอีกหลากหลายเรื่องราวของมือถือรุ่นนี้ว่าจะทำได้ดีแค่ไหนกับราคาค่าตัว 4,990 บาท ถือว่าคุ้มหรือไม่? ตามผมไปหาคำตอบพร้อมกับรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้จาก HMD ประเทศไทย ไปพร้อมกันข้างล่างนี้ได้เลยครับ!

กล่องของ Nokia 3.4 เมื่อแรกเห็นทำเอาชวนนึกถึงมือถือโนเกียในยุคก่อนเลยล่ะ ตัวกล่องเป็นกล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมด้านในมีชุดอุปกรณ์ใช้งานพื้นฐานมาดังนี้

• Nokia 3.4
• สายชาร์จ USB-C
• ชุดหูฟังสมอล์ทอร์คแบบ Ear Buds
• คู่มือการใช้งาน
• อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
• เข็มจิ้มซิมการ์ด
• เคสตัวเครื่องแบบใส (Soft case)
• ฟิลม์กันรอย

• หน้าจอแสดงผล LCD IPS ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 1520x720 พิกเซล (HD+)
• CPU Qualcomm Snapdragon 460 
• GPU Adreno 610
• RAM 4GB
• ROM 64GB
• MicroSD Card 512GB
• Android One (Android OS 10)
• กล้องถ่ายรูป Triple camera ความละเอียด 13 + 2 + 5 MP (Main + Depth + Ultra wide angle)
• กล้องหน้าความละเอียด 8 MP
• รองรับ WiFi 802.11 b/g/n
• Bluetooth 4.2
• USB-C Port
• รองรับซิมการ์ด 2 ซิม
• สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint scanner)
• แบตเตอรี่ 4,000 mAh

Nokia 3.4 มาพร้อมงานออกแบบตัวเครื่องที่ใช้คอนเซ็ปท์ "Finland Style" กับการชูความเป็นเอกลักษณ์ในด้านงานออกแบบที่เน้นไปที่ความทนทานต่อการใช้งาน ไปพร้อมกับความสวยงาม และคุ้มค่าตามสไตล์ของโนเกียที่เป็นแบรนด์มือถือจากฟินแลนด์นั่นเอง โดยฝาหลังของตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบนาโน 3D ทำให้เกิดลวยลวยพื้นผิวแบบนอร์ดิก (Nordic design) ช่วยให้ถือจับใช้งานได้กระชับมือไม่ลื่นหล่นง่าย

ในขณะที่บริเวณตรงกลางฝาหลัง จะเป็นตำแหน่งของโมดูลกล้องถ่ายรูป Triple camera ซึ่งประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 13MP, กล้องเลนส์มุมกว้างความละเอียด 5MP, กล้อง Depth sensor ความละเอียด 2MP ส่วนอีกจุดเป็นตำแหน่งของไฟแฟลช LED 1 ดวง และถ้าหากขยับลงมาอีกเล็กน้อยก็จะพบกับแป้นสัมผัสสำหรับสแกนลายนิ้วมือ

กลับมาที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง มีหน้าจอแสดงผล LCD IPS ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 1520x720 พิกเซล (HD+) อัตราส่วนการแสดงผลของหน้าจออยู่ที่ 19.5 : 9 และบริเวณมุมซ้ายบนของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งของกล้องถ่ายรูปด้านหน้าความละเอียด 8MP ซึ่งตัวโมดูลกล้องจะถูกฝั่งอยู่ใต้หน้าจอแสดงผล (Punch hole Display)

Nokia 3.4 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000 mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบ 5V (แรงดันไฟ) 2A (กระแสไฟ) หรือรองรับการชาร์จเร็วของ Qualcomm Quick Charge 2.0 (10W) นั่นเอง มาคุยถึงในส่วนของการใช้พลังงานบนตัวเครื่องกันก่อน จากที่ผมได้ลองใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองตามปกติ ที่เน้นไปที่การฟังเพลงออนไลน์และ Youtube สลับกันขณะเดินทาง และมีเปิดโซเชียลมีเดียวอย่าง Facebook และ IG ดูเป็นระยะ จากแบตเตอรี่ 100% ในตอนเช้าที่ออกจากบ้านใช้งานตามที่ว่ามาจนถึงค่ำๆ เลิกงาน หยิบขึ้นมาดูแบตเตอรี่ก็เหลือประมาณ 40% กว่าๆ เลยครับ ซึ่งถ้าในมุมมองส่วนตัวผมถือว่า "อึดมากๆ " เลยล่ะ 

พอเห็นผลแบบนี้เลยมาคิดวิเคราะห์ดู ก็คิดว่าอาจเป็นเพราะหน้าจอแสดงผลบนความละเอียดระดับ 720P ด้วย และได้ชิปประมวลผลที่เน้นประหยัดพลังงานด้วย รวมทั้งได้ซอฟต์แวร์ Android OS ที่เพียวมากๆ ด้วย พอรวมเข้าด้วยกัน ผมเลยไม่แปลกใจว่าทำไมแบตฯ ของเจ้า Nokia 3.4 ถึงใช้งานได้ยาวขนาดนี้ เพราะฉะนั้นถ้าใครจะนำไปใช้ช่วยขายของออนไลน์หรืออฟไลน์ หรือแบบ Omni-channel ผมว่าตอบโจทย์มากๆ 

การเล่นเกมบน Nokia 3.4 ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ด้วยการที่น้องคนนี้เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นของแบรนด์ ดังนั้นถ้าใครที่คาดหวังการเล่นเกมในระดับที่สูงหน่อยเช่น รันกราฟฟิกได้คมชัด สวย สมจริง เล่นได้ด้วยเฟรมเรทสูงสุดแล้วลื่นไหลอะไรแบบนี้ อยากแนะนำว่าให้ขยับงบขึ้นไปเล่นตัวบนของแบรนด์จะดีกว่านะครับ เพราะในด้านการเล่นเกมกับ Nokia 3.4 นั้นเป็นไปในแบบ "เล่นได้" มากกว่า อารมณ์ประมาณว่าเล่นให้รู้เรื่องของเกมหรือเอาพอสนุกกับเพื่อนๆ เท่านั้น ซึ่งจากที่ลองโหลดเกมอย่าง ROV, FreeFire มาลองเล่น ถ้าหากตั้งค่ากราฟฟิกไว้ระดับกลางก็สามารถเล่นได้แล้วล่ะครับ แต่ถ้าจะเอาลื่นไหลเลยก็ลดลงมาที่ต่ำสุด ก็เล่นได้ลื่นๆ เลย และที่ประหลาดใจมากคือ สามารถเล่น Genshin Impact เกมที่ผมมักนำมาใช้เป็นมาตรฐานในการทดสอบได้ด้วยนะ เพราะเกมนี้มีความต้องการใช้ทรัพยากรทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สูงมากๆ เพราะถ้าไม่เช่นนั้นพอกดรันแล้วหน้าจอจะดำไปเลย แต่ Nokia 3.4 กลับรันและเล่นได้ ถึงแม้จะต้องปรับต่ำสุดก็ตาม

สำหรับใครที่อยากรู้ว่า เมื่อเล่นไปสักพักแล้วตัวเครื่องจะร้อนขนาดไหน? จากประสบการณ์ที่ผมลองเล่นติดต่อกันประมาณ 1-2 ชั่วโมง สิ่งที่พบเลยก็คือ ตัวเครื่องจะเริ่มแสดงความอุ่นออกมาให้เรารู้สึกได้ทั้งบริเวณฝาหลังและบนพื้นผิวหน้าจอครับ และเล่นต่อไปอีกสักหน่อยความรู้สึกก็เหมือนเดิมไม่ได้ร้อนมากขึ้นแต่อย่างใดนะ และสามารถลากได้ยาวๆ จนเข้าชั่วโมงที่ 3 เลยทีเดียว ส่วนการตอบสนองต่อการแตะหรือสัมผัสสั่งการก็ทำได้ในระดับที่ไม่ทำให้หงุดหงิดครับ อาจมีย้ำจุดบ้างเป็นบางครั้ง แต่ภาพรวมขณะเล่นก็ถือว่าตอบสนองได้ดีและให้เรารู้สึกอินไปกับเกมได้อยู่ ไม่ทำให้เสียอารมณ์ตอนเล่นแน่นอน

สำหรับการถ่ายรูปบน Nokia 3.4 นั้น ตัวเครื่องจะมาพร้อมกล้องถ่ายรูป Triple camera ซึ่งประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 13MP (F1.8), กล้องเลนส์มุมกว้างความละเอียด 5MP (F2.2), กล้อง Depth ความละเอียด 2MP (F2.4) และมีไฟแฟลช LED 1 ดวงติดตั้งในชุดโมดูลกล้องด้านหลังเลย สำหรับชุดซอฟต์แวร์ของตัวกล้องก็จะใช้เป็น Google Camera ทำให้หน้าตาอินเทอร์เฟซในการใช้งานจะเรียบง่าย ไม่มีลูกเล่นอะไรมากมายให้งง เน้นกดถ่ายเป็นอันจบครับ ส่วนแอปฯ คลังภาพ (Gallery) จะใช้เป็น Google Photo แทนนะครับ 

กล้องถ่ายรูป Triple camera ที่ติดตั้งมาให้บนตัวเครื่อง ต้องยอมรับว่าตอนแรกที่ผมนำมาถ่ายรูปก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นกล้องคุณภาพระดับเริ่มต้นบนสมาร์ทโฟน เพราะตอนที่เห็นภาพปรากฏผ่านหน้าจอเป็นครั้งแรกเราจะรู้สึกรายละเอียดของภาพดูเป็นเช่นนั้น แต่พอกดถ่ายไปแล้วและตัวกล้องนำภาพไปโปรเซสจนได้ไฟล์ JPG ออกมา ตรงนี้แหละครับที่ทำให้ผมประหลาดใจเลย 

เพราะพอผ่านกระบวนการโปรเซสแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันดูดีขึ้นจากที่เราเห็นบนจอเยอะเลย ส่วนตัวกล้องจะถ่ายออกมาดูสวยที่สุดเมื่อถ่ายในสภาพแวดล้อมที่แดดร่ำไร ถ้าถ่ายในสภาพแวดล้อมแดดจัดภาพจะฟุ้งไปเลย ส่วนตอนแสงน้อยถ้าพอมีแสงจากไฟถนนหรือเสาไฟช่วย และเปิดโหมดถ่ายภาพกลางคืนมือนิ่งๆ หน่อย ภาพที่ได้ออกมาก็ยังดูดีอยู่เช่นกันครับ เราลองไปดูภาพตัวอย่างจากกล้องถ่ายรูป Nokia 3.4 ที่ด้านล่างนี้กันครับ

  

มาถึงบทสรุปของ Nokia 3.4 สมาร์ทโฟน Android One หนึ่งเดียวของตลาดสมาร์ทโฟนเริ่มต้นในไทยตอนนี้ ซึ่งความรู้สึกส่วนตัวผมมองว่า Nokia 3.4 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีจุดเด่นแบบชัดเจนเลยก็คือ เรื่องของซอฟต์แวร์ Android OS จากสิทธิ์การเป็น Android One ตามที่ได้เกริ่นไปด้านบนเลยครับ ทำให้เมื่อมองเทียบกับราคาค่าตัวแล้วยิ่งมีความคุ้มค่ามากๆ เพราะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ โดยที่ยังได้รับการสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์จากเจ้าของโดยตรงอย่าง Google แบ่งเป็นการันตีอัปเดทระบบยาวๆ 2 ปี และแพทความปลอดภัย 3 ปี ส่วนอีกจุดเด่นก็คือเรื่องของแบรนด์ "Nokia" ที่ถึงแม้จะเป็นอดีตไปแล้วในยุคที่เคยฝากความประทับใจและภาพลักษณ์ของแบรนด์ในด้านความถึก ทนทาน แต่การกลับมาภายใต้การดูแลของ HMD ก็ยังคงนำสิ่งเหล่านั้นมาสานต่อ จนทำให้ผลิตภัณฑ์หลายๆ ตัว รวมถึง Nokia 3.4 ยังคงถูกผลิตออกมาโดยเน้นความทนทานต่อการใช้งานมากที่สุดเหมือนเดิม 

เพราะฉะนั้นถ้าให้ผมสรุปเลยว่า Nokia 3.4 เหมาะสมกับผู้ใช้งานแบบไหน? ก็ตอบเลยว่า เหมาะกับทุกคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องของการถูกลอยแพอัปเดตซอฟต์แวร์ และอยากได้สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในราคาที่ไม่สูงมากนัก เพื่อนำไปใช้งานขั้นพื้นฐานของสมาร์ทโฟนตามที่ได้กล่าวไปในช่วงต้น ถ้าทั้งหมดที่ว่ามาตรงกับโจทย์ของคุณที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่อยู่ Nokia 3.4 จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้ครับ