รุ่นไหนคือคำตอบ? Huawei Mate 20 Pro หรือ iPhone Xs Max มือถือเรือธงที่ดีที่สุดของวันนี้
สำหรับบทความนี้ เราจะหยิบเอาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง
Huawei Mate 20 Pro และ
iPhone Xs Max มาเปรียบเทียบให้อ่านกันครับ เพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่กำลังคิดหนักว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี (แม้ว่าราคาจะต่างกันมากก็ตาม) แต่ด้วยดีไซน์ จุดขาย รวมไปถึงความคุ้นชิน (เพราะทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้คนละ OS กันครับ) ทำให้หลายคนมีความลังเลในสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นจำนวนมาก (จากการสอบถามกันเข้ามาผ่านทาง Inbox ของแฟนเพจ
Mobile GURU Thailand by CheckRaka.com) เพราะฉะนั้นเราจะมาเปรียบเทียบให้เพื่อนๆ ได้เห็นกันไปเลบว่าในแต่ละจุดเด่นของทั้ง 2 รุ่นนี้ รุ่นไหนจะคุ้มค่า และน่าสนใจมากกว่ากัน
ดีไซน์, วัสดุ และความสวยงาม
Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยม วัสดุโลหะอลูมิเนียม และกระจก หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด QHD+ 1440 x 3120 pixels (538 ppi) เปลี่ยนจากรุ่นที่แล้ว Huawei Mate 10 Pro มามีติ่งบนหน้าจอ หากใครไม่ชอบติ่งหน้าจอนี้ก็สามารถปิดซ่อนได้
ส่วนทางด้าน iPhone Xs Max รุ่นท็อปสุดของ Apple สำหรับปีนี้ มาพร้อมดีไซน์สุดพรีเมี่ยมเช่นเคย ตัวเครื่องผลิตด้วยวัสดุสแตนเลสเกรดเดียวกับเครื่องมือศัลยกรรม และกระจก หน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของแอปเปิ้ล ซึ่งมาพร้อมกับความละเอียด 1242 x 2688 pixels (458 ppi) และโดดเด่นด้วยเฟรมเรท 120Hz
ในเรื่องของดีไซน์ ส่วนตัวผมว่าตัวเครื่องจริงสวยทั้งคู่เลยครับ Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามและลงตัวมากๆ แต่โดยรวมดูคล้ายแบรนด์คู่แข่งอีกแบรนด์มากจริงๆ แต่ก็ถือว่าสวยที่สุดในตระกูล Huawei Mate Series เลยครับ โดยเฉพาะในส่วนของกล้องที่ออกแบบได้สวยงามและโดดเด่น รวมไปถึงหน้าจอโค้ง AMOLED ความละเอียดสูง QHD+ ที่ดีไซน์ออกมาได้สวยงามและลงตัว ส่วนทางด้าน iPhone Xs Max ต้องบอกว่าตัวเรือนท็อปที่สุดในตอนนี้จริงๆ เลือกใช้วัสดุสแตนเลสเกรดเดียวกับเครื่องมือศัลยกรรม เรียกได้ว่าถ้าเป็นเรื่องวัสดุเป็นที่ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนเลย แถมหน้าจอยังสวยมากๆ อีกด้วย พร้อมยังรองรับเฟรมเรท 120Hz อีกต่างหาก ซึ่งสรุปผลการเปรียบเทียบออกมาได้ดังนี้ครับ
- ดีไซน์ : ผมให้ Huawei Mate 20 Pro ชนะ เพราะดูลงตัวมากกว่า จับถือได้ถนัดดูพรีเมี่ยม รวมทั้งมีดีไซน์ที่โดดเด่นฉีกแนวกว่าเดิม ในขณะที่คู่แข่งนำดีไซน์จากปีที่แล้วมาใช้ซ้ำ
- วัสดุ : แน่นอนว่า iPhone Xs Max ต้องชนะครับ เพราะชนิดของวัสดุเหนือกว่าชัดเจน
- หน้าจอ : ตรงนี้ผมขอให้ iPhone Xs Max ชนะ แม้ว่าความละเอียดหน้าจอจะน้อยกว่า รวมทั้งขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า ยิ่งทำให้เสียเปรียบในส่วนของความละเอียด แต่ด้วยความเนียนของหน้าจอ และความโดดเด่นของเฟรมเรท 120Hz ทำให้มันเหมาะกับการเล่นเกม และการรับชมคลิปวีดีโออย่างแท้จริง
สเปค
ด้านสเปค Huawei Mate 20 Pro มาพร้อม ชิปเซ็ต HiSilicon Kirin 980 ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตร ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์แบบคู่ (Dual NPU AI processing) นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์มากมาย เรียกได้ว่าอัดแน่นมาเลย ไม่ว่าจะเป็น รองรับ 3D Depth Sensing Camera สแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ และ Dynamic Pressure Sensing สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
และที่ผมว่าว้าวมากๆ คือ รุ่นนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูง 4,200 mAh รองรับชาร์จเร็ว Fast battery charging 40W (SuperCharge เวอร์ชั่นใหม่) สามารถชาร์จเต็ม 70% ในเวลาเพียง 30 นาที และรองรับชาร์จไร้สายแบบเร็ว Qi wireless fast charging 15W ซึ่งสามารถชาร์จได้ 30% ในเวลา 30 นาที, แถมยังรองรับฟีเจอร์สุดเทพ Reverse wireless charging หรือตัวสมาร์ทโฟนสามารถทำงานเป็นเครื่องชาร์จไร้สายได้ด้วย ซึ่งยังไม่เคยเห็นในสมาร์ทโฟนรุ่นไหนเลยครับ พร้อมด้วยการรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68
iPhone Xs Max มาพร้อม Apple A12 Bionic ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตรเช่นกัน และมาพร้อม NPU เป็นครั้งแรก พร้อมกับมีระบบ Neural Engine ที่ช่วยในการเรียนรู้จากผู้ใช้งานอย่างชาญฉลาด รวมทั้งมีโปรเซสเซอร์ ISP ที่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และสแกนใบหน้า Face ID สำหรับรุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,174 mAh ที่รองรับชาร์จไว Fast battery charging แบตเตอรี่เต็ม 50% ใน 30 นาที และรองรับชาร์จไร้สาย Qi wireless charging รวมทั้งรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 เป็นครั้งแรก (จากเดิมรองรับมาตรฐาน IP67)
จากการทดสอบคะแนนจาก AnTuTu ผลออกมา iPhone Xs Max ทำได้ 372,106 คะแนน ส่วน Huawei Mate 20 Pro อยู่ที่ 313,561 คะแนน เรียกได้ว่าคะแนนยังห่างกันพอสมควร แต่ในแง่ของการใช้งานจริง ผมว่ามันก็ลื่นมากทั้งคู่อยู่แล้ว แถมในปีนี้ให้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นมาอยู่ในระดับเดียวกันทั้งคู่ ส่วนในเรื่องรักษาความปลอดภัย Apple ยกเลิกการใช้สแกนลายนิ้วมือไปอย่างสิ้นเชิง เน้นแต่สแกนใบหน้าเท่านั้น ส่วน Huawei กลับใส่สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาด้วย แถมความแม่นยำ และความรวดเร็วในการสแกนยังทำได้ดีมากๆ
แต่ที่ว้าวสุดๆ ก็คือในส่วนของเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 40W รวมทั้งชาร์จไร้สาย 15W มันมีประโยชน์มากๆ มีการรับความปลอดภัยโดยหน่วยงาน TUV Rheinland ซึ่งน่าจะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับสมาร์ทโฟนแบรนด์ต่างๆ ไปแล้ว เพราะมีหลายแบรนด์ยกมาอ้างอิงเยอะ แต่ที่ผมชอบมากๆ คือ Reverse wireless charging ทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นที่ชาร์จไร้สาย ผมมองว่าประโยชน์อาจจะไม่มากและดูเป็นฟีเจอร์โชว์ของเฉยๆ แต่มันว้าวได้ในระดับหนึ่ง เพราะเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจและดึงดูดมากจริงๆ ถ้าเอาความน่าตื่นตาตื่นใจของฟีเจอร์ ผมยกให้ Huawei Mate 20 Pro ชนะครับ เพราะเขาจัดเต็มจริงๆ
กล้อง
Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมกล้อง Leica 3 ตัว โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
- 40MP F1.8, 27 มม. (wide), 1/1.7 นิ้ว, PDAF/Laser AF
- 20MP, F2.2, 17 มม. (ultra-wide), 1/2.7 นิ้ว, PDAF/Laser AF
- 8MP, F2.4, 80 มม. (telephoto), 1/4 นิ้ว, 3X optical zoom (5X Hybrid Zoom), OIS, PDAF/Laser AF
จากด้านบนจะเห็นว่า กล้องของ Huawei Mate 20 Pro น่าสนใจมากๆ จัดเต็มด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ รวมทั้งความละเอียดสูง รองรับ Optical Zoom 3X และรองรับ Hybrid Zoom 5X รวมทั้งยังถ่ายภาพแบบ Ultra Wide ได้ด้วย และลูกเล่นที่หลายคนชอบ สามารถถ่ายระยะ Macro ได้ใกล้มากถึง 2.5 ซม. ตามมาด้วยสามารถบันทึกวีดีโอแบบ Super Slow บนความละเอียด HD 720P 960FPS (ความละเอียดปกติ 4K 30FPS) และกล้องหน้ามีความละเอียด 24 MP, F2.0, 26 มม. (wide) บันทึกวีดีโอ Full HD 30FPS พร้อมระบบ AI ที่ฉลาดกว่าเดิมด้วยชิปเซ็ต HiSilicon Kirin 980 ที่มาพร้อม Dual NPU AI processing
iPhone Xs Max มาพร้อมกล้องคู่โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
- 12MP, F1.8, 26mm (wide), 1/2.55 นิ้ว, OIS, PDAF
- 12MP, F2.4, 52mm (telephoto), 1/3.4 นิ้ว, OIS, PDAF
นอกจากนี้แล้ว iPhone Xs Max ยังรองรับ Optical Zoom 2X มีขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าเดิม และมีการนำ NPU เข้ามาใช้ในการประมวลผลการถ่ายภาพ มี ISP ที่ช่วยประมวลผลอัลกอริทึมอย่างชาญฉลาด และ HDR ที่ดีกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด และเป็นครั้งแรกของ Apple ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้ หลังจากที่ถ่ายภาพไปแล้ว บันทึกวีดีโอความละเอียด 4K 60FPS ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 7 MP, F2.2, 32mm (standard) บันทึกวีดีโอ Full HD 30FPS
ความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า เรื่องกล้องแม้ว่า iPhone Xs Max จะดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังห่างไกลจาก Huawei Mate 20 Pro อยู่เยอะ ผมบอกได้เลยว่านี่คือกล้องบนสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในโลกอย่างแท้จริง รายละเอียด โทนสี แสงเงา มิติของภาพ มันน่าทึ่งชนิดที่เรียกว่าทิ้งคู่แข่งไปไกล ไม่ใช่เพียงในเรื่องของ Hardware แต่รวมไปถึง Software ด้วยครับ
ราคา
- Huawei Mate 20 Pro ราคาวางจำหน่ายในแบบเครื่องเปล่า 31,990 บาท (สำหรับ 128GB)
- Apple iPhone Xs Max ราคาวางจำหน่ายในแบบเครื่องแบบ ได้แก่
- ราคา 43,900 บาท (สำหรับรุ่นความจุ 64GB)
- ราคา 49,900 บาท (สำหรับรุ่นความจุ 256GB)
- ราคา 57,900 บาท (สำหรับรุ่นความจุ 512GB)
อย่างที่เห็นข้างต้นว่า ราคาของ 2 รุ่นนี้ต่างกันเยอะมากๆ ถ้าจะลดขนาดลงมาเป็น iPhone Xs (ซึ่งต่างที่ขนาดหน้าจอ และความจุแบตเตอรี่) ก็ยังเริ่มต้นที่ราคา 39,900 บาท (สำหรับรุ่นความจุ 64GB) เลยครับ ช่องว่างในเรื่องราคากว้างมากจริงๆ ขนาดทาง Huawei วางจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้นแล้วนะครับเนี่ย
สรุป
สุดท้ายเรามาฟันธงกันเลยว่า ระหว่าง Huawei Mate 20 Pro และ iPhone Xs Max รุ่นไหนมีความคุ้มค่ากว่ากัน
มาถึงจุดนี้จากการเปรียบเทียบ จากหลากหลายเหตุผล Huawei Mate 20 Pro ชนะในส่วนของ ดีไซน์, ฟีเจอร์, กล้อง และราคา ส่วนทาง iPhone Xs Max ชนะในส่วนของ วัสดุ, หน้าจอ, คะแนนทดสอบ แต่เหนืออื่นใดผมว่าความชอบสำคัญที่สุดครับ ต่อให้ยกเหตุผลมามากมาย แต่ถ้าไม่ชอบมันก็ไม่ใช่แล้ว เลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่ชอบ แล้วใช้กันให้สนุกนะครับ
หวังว่าบทความจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ในการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ สำหรับการเปรียบเทียบครั้งต่อไป เพื่อนๆ สามารถเสนอมาผ่านทางแฟนเพจ
Mobile GURU Thailand by CheckRaka.com ได้เช่นเคย เราจะนำสมาร์ทโฟนที่เพื่อนสงสัย และให้ความสนใจมาเปรียบเทียบให้อ่านกันอย่างแน่นอน