รีวิว Huawei Nova 3i กล้อง 4 ตัว พลัง AI จุใจกับภาพถ่ายด้วย ROM 128GB และดีไซน์สวยเด่นไม่เหมือนใคร

Huawei Nova 3i สมาร์ทโฟนน้องเล็กจาก Nova 3 Series ของ หัวเว่ย ที่มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องภายใต้คอนเซ็ปท์ "Symmetric" สวย เด่นด้วยสีสันสไตล์ Twilight ที่เป็นเอกลักษณ์จาก P20 Series ในขณะที่ด้านสเปกตัวเครื่องก็ไม่น้อยหน้าใคร เพราะขนสเปกมาให้แบบอัดแน่นเท่าที่จะทำได้จนต้องบอกเลยว่า "เกินราคา" 

นอกจากนี้ ยังใช้ชิปประมวลผล Kirin 710 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลตัวใหม่ของหัวเว่ยเป็นรุ่นแรกด้วย แถมยังมาพร้อม ROM มากถึง 128GB ที่จัดว่าเยอะมากรองรับความต้องการในการถ่ายภาพ เล่นเกม ถ่ายวีดีโอ โดยที่ไม่ต้องมานั่งลบเพื่อเพิ่มพื้นที่บ่อยๆ ให้ปวดใจ เรื่องของกล้องถ่ายรูปที่เป็น "Signature" ของหัวเว่ย ก็ยังคงถูกถ่ายทอดลงสู่ Huawei Nova 3i ด้วยเช่นกัน กับกล้องถ่ายรูปคู่หน้า-หลัง พลัง AI ที่ช่วยให้การถ่ายภาพไม่ว่าจะซีน Portrait, Food, Lifestyle ก็ลงตัว พร้อมแชร์ขึ้นโซเชียล ไม่ต้องมานั่งแต่งเอง หรือง่ายๆ ก็คือทำให้ทุกช็อตในการถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายไม่ต้องคิดเยอะเลย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เป็นอย่างไรตามไปส่องในรีวิวได้เลยครับ

• Huawei Nova 3i (Iris Purple)
• ชุดหูฟัง Ear Bud
• สายชาร์จ MicroUSB-USB
• อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
• ชุดคู่มือการใช้งาน
• เข็มจิ้มซิม
• เคสตัวเครื่อง (มีในชุดขายจริง)
• ฟิลม์กันรอย (มีในชุดขายจริง)

• กล้องถ่ายรูป Dual Camera AI ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล (F2.2)
• กล้องหน้า Dual Camera AI ความละเอียด 24+2 ล้านพิกเซล (F2.0)
• CPU Hisilicon Kirin 710 
• หน้าจอแสดงผล IPS ขนาด 6.3" นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (NTSC 85%)
• GPU Mali G51 MP4
• RAM 4GB
• ROM 128GB
• MicroSD Card 256GB
• Android OS 8.1 Oreo With EMUI 8.2
• Dual SIM Dual 4G LTE
• แบตเตอรี่ขนาด 3,340 mAh (5v2A)

อ่านรายละเอียดสเปก Huawei Nova 3i เพิ่มเติม

ขอเริ่มกันที่เรื่องกล้องถ่ายรูปที่หลายคนให้ความสำคัญกัน สำหรับ Huawei Nova 3i มาพร้อมกล้องถ่ายรูปคู่ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล (F2.2) พร้อมไฟแฟลช LED และกล้องหน้าความละเอียด 24+2 ล้านพิกเซล (F2.0) ซึ่งทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังมีระบบ AI ช่วยในการถ่ายภาพ แปลกใจพอสมควรเพราะปกติแล้วเรื่องของ AI กับกล้องหลังน่าจะเริ่มเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่กับกล้องหน้าเนี้ยสิ! มี AI ให้ด้วย รายละเอียดเป็นอย่างไรตามไปดูข้างล่างนี้ได้เลยครับ

หน้าตา UI กล้องถ่ายรูป

หน้า UI ของกล้องถ่ายรูปก็จะละหม้ายคล้ายคลึงกับรุ่นพี่ P20 เลย โดยสังเกตว่าถ้าหากเราเปิดโหมด AI (ปิดได้) ที่อยู่บริเวณแถบซ้ายมือไว้ พอเราเอากล้องไปเล็งกับวัตถุหรือสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อเตรียมถ่าย ตัวกล้องก็จะขึ้นไอคอน AI Screne Recognition บริเวณกลางจอให้ทันที ทำให้เราทราบว่าตอนนี้ AI กำลังคิดว่าเราจะถ่ายภาพแนวไหนอยู่

รายละเอียดการตั้งค่ากล้องถ่ายรูปบน Huawei Nova 3i

  
การตั้งค่าภาพนิ่งและวีดีโอกล้องหลัง

การตั้งค่ากล้องหน้า

โหมดปรับค่ารูรับแสง (F)

หนึ่งในลูกเล่นเอกลักษณ์ของกล้องถ่ายรูปบนสมาร์ทโฟนหัวเว่ย คงหนีไม่พ้นโหมดการปรับค่ารูรับแสง ที่มีไว้สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพสไตล์หน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งเราสามารถเลือกปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ตามชอบ เลขยิ่งน้อยหลังยิ่งละลายย โหมดนี้ชอบมาก

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปรับค่า F

  

  

โหมดเลนส์ AR 

เป็นโหมดถ่ายภาพที่นำเอาเทคโนโลยี AR เข้ามาประยุกต์ ทำให้เราสนุกกับการถ่ายภาพด้วยเอฟเฟ็กต์และตัวการ์ตูนที่กระโดดออกมาร่วมสนุกนอกจอ โดยบน Nova 3i ยังคงนำเอาโหมดพื้นหลัง AR และ เอฟเฟ็กต์ AR ที่ได้รับความนิยมจาก Nova 2i มาใส่ไว้ให้ด้วย 

โดยทั้งสองโหมดจะเป็นแต่งเติมภาพพืนหลังด้วย AR ทำให้เราถ่ายเซลฟี่ได้สนุก มีเสียงดนตรีประกอบสามารถบันทึกเป็นไฟล์วีดีโอไว้ทำโปรไฟล์ IG หรือ FB ได้ด้วย และครั้งนี้ยังเพิ่มฟีเจอร์ 3D Qmoji ที่เป็นการนำหน้าตัวการ์ตูนต่างๆ มาขยับตามการเคลื่อนไหวของใบหน้าเรา โดยใช้เซ็นเซอร์และกล้องด้านหน้า

  

  

ภาพถ่ายตัวอย่างจากโหมดเลนส์ AR

  

โหมด HDR Pro

เป็นโหมดปรับเร่งสีภาพให้คมเข้มขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพย้อนแสง ซึ่งหัวเว่ยนำมาปรับใช้กับการถ่ายภาพเซลฟี่ ซึ่งตรงนี้ผมต้องปรบมือให้เลย เพราะบางทีเราก็เลือกเวลาที่อยากเซลฟี่ไม่ได้ทำให้บางครั้งต้องเซลฟี่ท่ามกลางแสงที่ย้อนเข้ามาทางกล้อง แต่โหมดนี้ช่วยให้หน้าเราไม่มืด เวลาถ่ายย้อนแสง โดยตัวกล้องจะจับโฟกัสและทำการปรับให้ด้วย AI ทันที ถ้าเราเปิดโหมดนี้ไว้

ภาพตัวอย่างโหมด HDR Pro

ภาพตัวอย่างโหมด Portrait (ถ่ายภาพบุคคล)

  

  

ภาพถ่ายตัวอย่างจากกล้องหลังเปิดโหมดออโต้ + AI Screne

  

  

  
Low Light

  
food&colorful

  
Nature

กล้องหน้าคู่พลัง AI

Huawei Nova 3i มาพร้อมกล้องหน้าคู่ความละเอียด 24+2 ล้านพิกเซล มีระบบ AI ช่วยประมวลผลในการภาพทำให้ทุกช็อตเซลฟี่เราไม่ต้องนำภาพไปแต่งอะไรเยอะมาก เพราะตัว AI จะทำการปรับโทนสี แสง และปัจจัยต่างๆ ให้เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าแค่เล็ง ยิ้ม โพสท่า แล้วก็แชะ!! เท่านั้นเอง แต่พอแสงน้อยเริ่มน้อยกล้องหน้าของ Nova 3i Noise ก็เริ่มมาเหมือนกัน

ภาพตัวอย่างกล้องหน้า + AI Screne

  

  

  

Huawei Nova 3i มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องภายใต้คอนเซ็ปท์ "Symmetric" ที่ออกแบบให้ทุกส่วนของตัวเครื่องด้านหน้าสมมาตรกัน ใช้วัสดุกระจกกับโลหะผสมผสานเข้าด้วยกันให้ดูพรีเมี่ยมหรูหรา เข้ากับแนวการออกแบบสไตล์ Fullview Display ที่เป็นเอกลักษณ์ของหัวเว่ย ที่ตัวเครื่องจะดูสวยงามและลงตัวแบบไร้ขอบ มีมิติตัวเครื่องกว้าง 75.2 x สูง 157.6 x หนา 7.6 มิลลิเมตร มีน้ำหนักตัวเครื่องรวม 169 กรัม

ด้านหน้าของตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอแสดงผล FullView Display ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล อัตราส่วน 19:9 มีรอยแหว่งของหน้าจอ และมีค่า NTSC 85% ซึ่งเมื่อออกกลางแจ้ง ถ้าเปิดความสว่างสุดจะยังพอมองเห็นรายละเอียดของหน้าจออยู่บ้าง เหนือหน้าจอขึ้นไปมีเลนส์กล้องหน้าคู่ความละเอียด 24+2 ล้านพิกเซล และลำโพงสนทนา

ด้านบนของตัวเครื่อง มีไมค์ตัดเสียงรบกวน

ด้านล่างของตัวเครื่อง มีลำโพงเสียง, พอร์ตเชื่อมต่อ MicroUSB และไมค์สนทนา

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot เลือกใส่ระหว่างซิม 2 กับ MicroSD Card รองรับสูงสุด 256GB โดย Huawei Nova 3i สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้แบบ Dual 4G หรือซิมที่สองสามารถสแตนบายบน 4G LTE ได้

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มกดเปิด-ปิด ตัวเครื่อง (Power) และปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด (Volume)

ด้านหลังของตัวเครื่อง เป็นดีไซน์แบบกระจก มุมซ้ายบนมีเลนส์กล้องคู่ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล
พร้อมไฟแฟลช LED และขยับลงมาเล็กน้อยจะมีแป้นสแกนลายนิ้วมือ

• 2G : คลื่น 850/ 900/ 1800/ 1900 MHz
• 3G : คลื่น 850/ 900/ 2100 MHz
• 4G LTE : Band 1(2100), 3(1800), 5(850), 8(900), 2(1900), 40(2300)
• WiFi : 802.11 b/g/n, Wi-Fi Direct, hotspot
• microUSB 2.0, USB On-The-Go

Huawei Nova 3i รันบนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 8.0 Oreo ครอบทับด้วย EMUI เวอร์ชั่น 8.2 ที่ทาง Huawei วางคอนเซ็ปท์ในการออกแบบไว้ว่า "Made for AI, Infinite opportunity" หรือก็คือออกแบบมาสำหรับ AI และสามารถใช้งานได้แบบไร้ขอบเขต โดยหน้าตาและการวางตำแหน่งไอคอนต่างๆ รวมไปถึงการเรียกใช้งานเครื่องมือลัด ก็ยังคงได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นพี่ P20 Series มาเกือบหมด

Lock Screen

บนหน้าล็อคสกรีน เรายังคงเรียกกแถบ Quick Tools พวกไฟฉาย, เครื่องคิดเลข, นาฬิกาปลุก และอื่นๆ ขึ้นมาใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอด้วยการปัดนิ้วขึ้นจากแถบด้านล่างของหน้าจอ แถบเมนูก็จะเลื่อนขึ้นมาให้ใช้งานทันที

  

Home Screen

  

จากหน้า Home เมื่อปัดไปด้านซ้ายสุด จะพบกับหน้าเมนู Hiboard ซึ่งเป็นหน้าเมนูที่เสมือนให้เราโน้ตสิ่งต่างๆ ไว้กันลืม รวมทั้งยังสามารถเลือก Pin หรือปักหมุดไอคอนแอปฯ ทางลัดไว้ได้ด้วย เพื่อให้เราสามารถเข้าถึงหรือเรียกใช้งานแบบเร่งด่วนได้ทันที เช่น Pin การนำทางกลับบ้านผ่าน Google Maps

  

การปิด Notch Screen (รอยแหว่ง)

เป็นธรรมเนียมของสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมรอยแหว่งของหน้าจอหรือ Notch screen ที่ต้องใส่ฟังก์ชั่นเปิด-ปิดมาให้ด้วย โดยถ้าหากเราเลือกปิดตัวระบบก็จะสร้างพื้นหลังสีดำมาแสดงผลที่แถบเมนูด้านบนแทนสีขาว ทำให้ดูกลืนไปกับรอยแหว่งจนดูเหมือนปิดไปแล้ว แต่จริงๆ แค่เปลี่ยนสีเท่านั้น โดยโหมดปิดการใช้งานจะซ่อนอยู่ในเมนูการแสดงผลที่การตั้งค่า

  

แอปฯ คู่แฝด

โหมดการใช้งานแอปพลิเคชั่น Messenger พร้อมกันสองบัญชี โดยที่ทั้งสองบัญชีจะแยกการใช้งานออกจากกัน ทำให้สามารถจัดการบัญชีงานกับบัญชีส่วนตัวแยกออกจากกันได้สะดวก น่าจะถูกใจเหล่าพ่อบ้านใจกล้าทั้งหลายพอสมควร ซึ่งสามารถเข้าไปเปิดโหมดนี้ได้จากเมนู Setiing แอปพลิเคชั่นที่รองรับส่วนมากจะเป็นแอปฯ ตระกูลแชทหรือโซเชียลมีเดียทั้งหมด

  

MultiTasking

แน่นอนว่าโหมดการใช้งาน MultiTasking หรือโหมดใช้งานแอปพลิเคชั่นพร้อมกันสองแอปฯ ในหนึ่งหน้าจอ ก็ยังคงมีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน โดยเราสามารถเรียกใช้งานได้ด้วยการกดทัชปุ่ม Recent app จากนั้นเลือกแอปฯ ที่ต้องการเรียกใช้ (จะมีไอคอนกรอบสี่เหลี่ยมซ้อนกันบอก) บริเวณตรงกลางหน้าจอจะมีเส้นแบ่งขอบเขตการแสดงผลอยู่ เราสามารถเลื่อนขยายให้แอปฯ ใดแอปฯ หนึ่งแสดงผลกว้างกว่าได้

  

Party Mode

โหมดสำหรับเล่นเพลงผ่านวง LAN (WiFi) ที่จะทำให้มือถือของเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างเราสามารถเข้าถึง Content music ที่เราเปิดอยู่ไปพร้อมๆ กันได้แบบรีลไทม์ ซึ่งจริงๆ แล้วโหมดนี้อาจดูเหมือนเป็นโหมดใช้งานธรรมดา แต่กลับช่วยให้คนข้างๆ ตัวสนุกไปด้วยกัน แถมยังช่วยเพิ่มเสียงลำโพงได้อีกด้วยนะ จากการที่ลองใช้งานมือถือต้องเชื่อมต่อ WiFi เดียวกัน จากนั้นให้ต้นสายแชร์ QR code ให้อีกคนเชื่อมต่อเข้ามาแค่นี้ ก็พร้อม Let's Music

  

Dual 4G

อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Huawei Nova 3i คือการรองรับการใช้งานซิมการ์ด 2 ซิม และซิมที่สองสแตนบายการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ได้ หรือที่เราเรียกกันว่า "Dual 4G LTE" น่าจะถูกใจคนมีสองเบอร์ไม่น้อย ไม่ต้องคอยมานั่งสลับเครื่องหรือสลับซิมการ์ดให้งงแล้ว

Huawei Nova 3i มาพร้อมชิปประมวลซีรีย์ใหม่ของหัวเว่ย Kirin 710 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ได้ใช้งาน โดยประสิทธิภาพของชิปประมวลผลตัวนี้จะอยู่ในพิกัดเดียวกับ Snapdragon 660 ของฝั่ง Qualcomm และ Helio P60 ของ MediaTek ที่เป็นชิปประมวลผลบนสมาร์ทโฟนราคาหลักหมื่นกลางขึ้นไปเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นการตอบสนองการทำงานต่างๆ บนตัวเครื่องต้องไม่ธรรมดาแน่นอน และจากการลองใช้งานมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ เรื่องของการทำงานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น เล่นเพลง ดูหนัง ดูยูทูป หรือจะเปิดไฟล์เอกสารต่างๆ ทำได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหาหน่วงให้กวนใจ 

  

  

คะแนนทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วยแอปพลิเคชั่น Benchmark

• ทดสอบด้วยแอปฯ AnTuTu Benchmark ได้คะแนน 137,374 คะแนน
• ทดสอบด้วยแอปฯ GeekBench 4 ได้คะแนน Single Core 1603 และ Multi Core 5,585 คะแนน
• ทดสอบด้วยแอปฯ MultiTouch Tester รองรับการสัมผัสสูงสุด 10 จุด
• การจับสัญญาณทดสอบด้วย GPS Tester จับสัญญาณค่อนข้างดี (สังเกตจากแถบเขียว) 

ด้านแบตเตอรี่ Huawei Nova 3i ใส่แบตเตอรี่ขนาด 3,340 mAh มาให้ พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว และจากการใช้งานในหนึ่งวันค่อนข้างประหลาดใจมากว่าแบตเตอรีอึดพอสมควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีระบบปรับความละเอียดหน้าจอให้อัตโนมัติ โดยใช้ AI ในการประเมินการใช้งานของเรา แล้วเลือกปรับตามความเหมาะสมให้ ก็จัดว่าฉลาดอยู่เหมือนกัน

โดยผมเริ่มต้นใช้งานตั้งแต่ 9 โมงเช้าจน 6 โมงเย็น จาก แบตฯ เต็ม 100% เหลือ 32% และยังลากยาวได้ถึงสองสามทุ่มก่อนหมดสนิท ส่วนการใช้งานก็เน้นใช้งานทั่วไป ฟังเพลงจาก Sportify สลับกับเล่น Facebook, youtube หรือ Line มีเล่นเกมบ้างไม่เกิน 30 นาที ถือว่าหนึ่งวันใช้งานได้สบายๆ จนกลับบ้าน

Huawei Nova 3i ประมวลผลการทำงานด้วยชิปประมวลผล Octa-core Hisilicon Kirin 710 ทำงานร่วมกับชิปกราฟฟิก GPU Mali G51 MP4 และ RAM 4GB ซึ่งเป็นสเปกตัวเครื่องที่จัดว่าอยู่ในระดับกลางค่อนสูงเลยทีเดียว และยังไม่พอยังจัดหน่วยความจำภายใน (ROM) มาให้อีก 128GB ดังนั้นนอกจากไม่ต้องคอยมานั่งลบเกมเก่าเพื่อเกมใหม่แล้ว การเล่นเกมยังทำออกมาได้ดี เล่นแล้วไม่หน่วงแน่นอนให้หงุดหงิดใจ แต่อาจมีกระตุกบ้างเล็กน้อยนานๆ ครั้ง เมื่อเล่นนานจนเครื่องเริ่มร้อน นอกจากนี้ยังมี Game Suite โหมดการทำงานระหว่างเล่นเกมมาให้บนเครื่องด้วย ซึ่งเราสามารถเลือกเร่งสปีด CPU และตัดการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้จากในโหมดนี้ 

ที่น่าแปลกใจคือ เมื่อเล่นเกมยอดฮิตอย่าง ROV กลับเปิดโหมดเฟรมเรทสูงไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเครื่องที่ได้มาเป็นเครื่องทดสอบหรือไม่ แต่สามารถเปิดโหมด HD ได้ เล่นได้สบายๆ ลื่นๆ ภาพก็สวยอยู่เหมือนกัน ส่วนเกมอื่นๆ เล่นได้ลื่นๆ เลย