การเดินทางครบรอบ 10 ปีของ iPhone สมาร์ทโฟนที่เปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล
iPhone โทรศัพท์มือถือจากค่าย Apple ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่มันทำให้เกิดคำว่า "สมาร์ทโฟน" ขึ้นมาเป็นครั้งแรกด้วย พร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่ จนเป็นแม่แบบของสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ รวมทั้งระบบอื่นๆให้เดินตามอย่างแท้จริง วันนี้เราจะไปทำความรู้จัก iPhone รุ่นต่างๆ ตลอดการเดินทางอันแสนยาวนานในรอบ 10 ปีที่น่าจดจำกันครับ
iPhone
เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2007 โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกของ Apple จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดดเด่นตรงที่เป็นโทรศัพท์มือถือหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ ควบคุมผ่านนิ้วมือ (ในสมัยนั้นโทรศัพท์หน้าจอสัมผัสยังนิยมใช้ปากกาสไตลัสในการสั่งงาน) และสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้ง Exchange และ Email ซึ่งในตอนนั้นผู้คนยังนิยมใช้ POP, IMAP และ Webmail กันอยู่เลย ไม่น่าแปลกใจเลยครับที่มันจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
iPhone 3G
รุ่นที่สองสำหรับโทรศัพท์มือถือจาก Apple รุ่นนี้ตัวเครื่องเปลี่ยนวัสดุมาใช้พลาสติก และรองรับเครือข่าย 3G มาพร้อม GPS ที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่มี App Store เกิดขึ้น
iPhone 3GS
เป็นสมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ดังที่สุดในปี 2009 แม้จะมาด้วยดีไซน์เดิม แต่ปรับปรุงในส่วนของสเปคเครื่องให้สูงขึ้นจนกลายมาเป็นมาตรฐานของ Apple จนถึงปัจจุบัน
iPhone 4
เปลี่ยนดีไซน์ได้อย่างแสนวิเศษ เป็นสมาร์ทโฟนที่เรียกได้ว่าสวยที่สุดรุ่นหนึ่งที่เคยออกแบบกันมาเลยทีเดียว และเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมมาตรฐานหน้าจอ Retina (นั่นก็คือความละเอียดหน้าจอต้องเกิน 300 ppi ซึ่งเป็นความละเอียดที่ทาง Apple ระบุว่าสายตาของมนุษย์จะแยกแยะได้) โดยในตอนนั้นหน้าจอ iPhone 4 มีความละเอียด 330 ppi (หน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 640 x 960 pixels) และมาพร้อมกล้องหน้า เป็นครั้งแรกของ FaceTime (ฟังก์ชั่น Video Calling ของ Apple)
Phone 4s
ดีไซน์สวยงามเหมือนเดิม มาพร้อมสเปคที่สูงขึ้น และที่พิเศษที่สุดคือเป็นครั้งแรกของระบบผู้ช่วยส่วนตัว Siri โดยในปัจจุบันถือว่าเป็น AI ที่ฉลาดและโด่งดังที่สุดในโลก รองรับภาษาไทยสมบูรณ์แบบอีกด้วยครับ
iPhone 5
ขยายหน้าจอมาเป็น 4 นิ้ว พร้อมดีไซน์แบบใหม่ ฝาหลังเปลี่ยนมาเป็นโลหะ แต่ยังคงมีกระจกอยู่บริเวณเสาสัญญาณ ทั้งด้านบนและด้านล่าง ตัวเครื่องบางและเบากว่ารุ่นก่อน พร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นั่นคือการเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานพอร์ท Lightning เป็นครั้งแรก
Apple ใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาในรุ่นนี้เป็นรุ่นแรก แถมยังมาพร้อมกับสเปคที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด พร้อมกับจุดกระแสสมาร์ทโฟนสีทองให้เกิดขึ้นอีกด้วย มีการตัดสีดำออก และเปลี่ยนเป็นสีเทาสเปซเกรย์แทน
เป็นแผนการของ Apple ที่จะผลิตสมาร์ทโฟนราคาประหยัด (เมื่อเทียบกับ iPhone ปกติ) ซึ่งก็ต้องบอกว่า iPhone 5C นั้นยังมีราคาเปิดตัวที่สูงอยู่ดีครับ มาพร้อมวัสดุพลาสติกและสีสันแบบลูกกวาด ตัดสแกนลายนิ้วมือออกไป สรุปแล้วเป็นรุ่นที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะตลาดของ Apple นั้นอยู่ระดับบน แม้จะมีราคาที่ถูกกว่า แต่ผู้ซื้อก็ยังเลือกซื้อรุ่นปกติอยู่ดี
มีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ iPhone โดยมาพร้อมหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว พกพาความแรงด้วยชิปเซ็ต Apple A8 และ RAM 1GB เปลี่ยนดีไซน์มาในแนวโลหะไร้รอยต่อ Unibody ซึ่งช่วงแรกที่ออกมาก็มีหลายคนที่เป็นแฟน iPhone บ่นกันว่าหน้าจอใหญ่เกินไป ใช้งานมือเดียวไม่ถนัด แต่สุดท้ายก็กลายเป็นสมาร์ทโฟนขายดีอีกรุ่นเช่นเคย
มาพร้อมดีไซน์เดิม และสเปคที่สูงขึ้น ที่น่าสนใจก็คือรองรับ 3D Touch เป็นครั้งแรก โดยพัฒนามาจากระบบ Force Touch ใน Apple Watch สามารถแยกน้ำหนักของการสัมผัสหน้าจอได้ โดยใช้เวลาในการประมวลผลเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นจุดขายที่น่าสนใจมากๆ ในตอนนั้นเลยละครับ ซึ่งในปัจจุบันก็มีสมาร์ทโฟนหลายแบรนด์ที่นำเทคโนโลยีลักษณะนี้มาใช้แล้วเหมือนกัน
หลังจากได้บทเรียนจาก iPhone 5c ว่าลูกค้า Apple ไม่ชอบในแนวทางการดีไซน์แบบนั้น ทาง Apple ก็ได้พัฒนา iPhone SE ขึ้นมาโดยมีดีไซน์เหมือนกับ iPhone 5s ดูหรูหราและสวยงาม แต่สเปคสูงกว่าเดิม ผลิตออกมาเพื่อลูกค้าที่ยังไม่เคยชินกับสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ โดยมีราคาที่ไม่แพงมาก (แต่ก็ถือว่าสูงอยู่นะครับ)
และมันเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จครับ ถึงขนาดที่ Tim Cook ออกมากล่าวเลยว่า iPhone SE ได้รับความนิยมเกินคาด แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีของ Apple เพราะทำให้ยอดขายโดยเฉลี่ยของ iPhone ลดลง โดยล่าสุดในปีนี้ iPhone SE ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสเปคเลยครับ แต่ปรับความจุเริ่มต้นเป็น 32GB ทำให้มันดูน่าใช้ขึ้นมาอีกเยอะเลยทีเดียว ใครที่ชอบ iOS และชอบมือถือหน้าจอกะทัดรัด ในงบที่ไม่แพงมาก ผมว่านี่คือคำตอบครับ
มาถึงสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Apple ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่างเลยทีเดียว ยังคงดีไซน์โลหะ ไร้รอยต่อเหมือนเดิม ปรับเปลี่ยนการเดินเสาอากาศรูปแบบใหม่ แน่นอนว่ามาพร้อมสเปคที่แรงขึ้น ที่น่าสนใจคือตัดพอร์ทหูฟังขนาด 3.5 มม. ออกไปแล้ว และวางจำหน่ายอุปกรณ์เสริมหูฟังไร้สาย AirPod ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย และจัดเต็มกล้องคู่มาให้สำหรับ iPhone 7 Plus ความละเอียด 12MP + 12MP เป็นเลนส์มุมกว้าง และเลนส์เทเล รองรับ Optical Zoom 2X โดยชิ้นเลนส์ไม่มีการขยับ รวมทั้ง Portrait Mode ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพบุคคลแบบละลายหลังอย่างมืออาชีพ ได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งมาพร้อมสีใหม่ สีดำ Matte Black และสีดำ Jet Black
อนาคต
อีกไม่นานก็จะมีงานเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่แล้วนะครับ (คาดว่าประมาณเดือนกันยายนนี้) ที่ผ่านมามีข่าวลือของ iPhone รุ่นใหม่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ตั้งแต่ที่ว่าจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษสำหรับปีที่ 10 นี้ ไปจนถึง iPhone สุดพิเศษที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาลได้อีกครั้งเลยทีเดียว
ภาพจำลอง iPhone 7s, iPhone 8 และ iPhone 7s Plus
แต่จากข้อมูลที่หลุดออกมาทำให้เชื่อได้ว่า การเปิดตัวครั้งนี้ไม่ธรรรมดาอย่างแน่นอน และอาจจะเปิดตัวทีเดียวถึง 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ iPhone 7s, iPhone 7s Plus และ iPhone 8 (หรืออาจจะใช้ชื่ออื่น) โดยในรุ่นท็อปจะมาพร้อมวัสดุโลหะ และกระจก แถมยังมีหน้าจอไร้ขอบอีกด้วย ชวนให้ลุ้นจริงๆ ครับ เพื่อนๆสามารถติดตามกันได้นะครับ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ออกมาเมื่อไหร่ เราจะนำมารายงานให้ทราบอย่างแน่นอน