ลองใช้จริง "Dolfin E-Wallet" (ดอลฟิน) : เค้าโฆษณาว่า "ฟิน" และใช้ได้ "ง่าย" จริงหรือ?
หลังจากกระแส E-Wallet ในเมืองไทยเริ่มส่งสัญญาณบวก คนเริ่มหันมาใช้กันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะของ 2 ค่ายผู้นำในตลาดอย่าง Rabbit Linepay และ True Money Wallet (
ลองอ่านเปรียบเทียบความแตกต่างของ 2 เจ้านี้ได้ที่นี่) ซึ่งแต่ละเจ้าก็มียอดโหลดมาใช้ประมาณอย่างต่ำ 5 ล้านคนแล้ว ล่าสุด เซ็นทรัลเจดี ได้รับใบอนุญาตจากแบงก์ชาติให้ทำ E-Wallet ของตัวเองแล้ว โดยใช้ชื่อว่า Dolfin (ดอลฟิน) วันนี้หลังจากที่แอดมินได้ลองใช้จริงมาสักพัก เราลองมาดูกันครับว่าแอปฯ หน้าใหม่อย่าง Dolfin จะมีดีสมกับสโลแกน "คิดให้ ใช้ฟิน" หรือไม่
แอปฯ Dolfin ตั้งใจทำขึ้นมาเบื้องต้นเพื่อตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคหลักๆ 2 อย่างคือ (ก) ตอบโจทย์ทางการใช้เงิน และ (ข) ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เรามาดูกันครับว่าสุดท้ายจะตอบโจทย์ได้แค่ไหน
ใช้เป็น Digital Wallet จ่ายซื้อของได้
ขั้นตอนการใช้ค่อนข้างง่าย (ตามข้างล่าง) และคล้ายคลึงกับ Rabbit Line และ True Money Wallet คือ แค่เปิดหน้าจอ QR Code สำหรับร้านที่มีเครื่องยิง QR Code เช่น Tops Supermarket หรือถ้าร้านไหนไม่มีเครื่องยิง เราก็เปิดสแกนในโทรศัพท์เราเพื่อสแกน QR Code หรือ Barcode ของแต่ละร้านค้า แต่ยังมีข้อจำกัดอยู่แค่ร้านค้า หรือผู้ให้บริการในเครือเซ็นทรัล หรือที่เป็นพันธมิตรกับเซ็นทรัลในปัจจุบันเท่านั้น เช่น Tops Supermarket, Pepper Lunch, Ootoya, MisterDonut, เครือโรงหนัง Major เป็นต้น และร้านค้าย่อยที่มีเครื่อง EDC ของ KBank และ BBL รองรับ QR Code รวมถึงร้านค้าที่รองรับ Thai QR Payment ได้
Cashless ไม่ต้องถือเงินสด ผูกบัญชีเงินฝาก และบัตรเครดิต/เดบิตได้
โดยรวมแอปฯ Dolfin ไม่ต้องถือเงินสด ถ้าเราซื้อสินค้า หรือบริการที่รับแอปฯ นี้ ซึ่งแอปฯ Dolfin ตอนนี้สามารถผูกกับบัญชีเงินฝากของ 4 ธนาคารใหญ่คือ BBL, KBank, SCB และ Krungsri ส่วนบัตรเครดิต และบัตรเดบิตได้หมด ยกเว้นเครือ AMEX โดยในกรณีของการผูกกับบัตรเครดิต หรือเดบิต ก็ใช้วิธีถ่ายรูป Scan ตัวบัตรเครดิต หรือเดบิตได้เลย (ด้วยเทคโนโลยี OCR) แทบไม่ต้องกรอกข้อมูลอะไรมาก
โอนเงินได้ไหม เติมเงินยังไง
โอนเงินสามารถโอนไปได้ 2 กลุ่มหลักๆ คือ คนที่ใช้แอปฯ Dolfin เหมือนกันโดยกรอกแค่เบอร์โทรศัพท์ และจำนวนเงิน และอีกกลุ่มคือ คนที่มีบัญชี Promptpay ซึ่งไม่จำกัดธนาคาร ส่วนการเติมเงิน ทำได้หลายวิธี ทั้งการผูกกับ Mobile Banking ของธนาคาร หรือเติมเงินสดผ่านที่เคาน์เตอร์ CenPay ของกลุ่มเซ็นทรัลกว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ
ผูกกับบัตรเครดิตได้ไหม
สามารถผูกกับบัตรเครดิต และเดบิตได้ ทั้งในเครือ Visa, Mastercard และ JCB ซึ่งหมายถึงว่า เราไม่ต้องเติมเงินสดเข้ามาใน Dolfin เลยก็ได้ ถ้าเราผูก และ Set ให้การจ่ายเงินเป็นการผูกกับบัตรเครดิต หรือเดบิต ซึ่งทุกครั้งที่ใช้ก็จะไปตัดเงินจากบัตรนั้นเลยโดยตรง โดยปัจจุบันสามารถผูกได้กับบัตรเครดิต หรือเดบิตของทุกธนาคารภายในเครือ Visa, Mastercard และ JCB
แนวคิดหลักของแบรนด์ Dolfin คือ "คิดให้ ใช้ฟิน" เรามาดูกันว่าในเชิงไลฟ์สไตล์จะใช้แล้วฟินจริงหรือเปล่า
กดรับสิทธิประโยชน์เพื่อกินขนม หรือซื้อคูปองมาเก็บไว้ได้
ในแง่ไลฟ์สไตล์ เราสามารถ Enjoy สินค้า หรือบริการฟรี หรือราคาถูกกว่าคนอื่นได้ โดยในแอปฯ จะมีโปรโมชั่นขึ้นให้อยู่เรื่อยทั้งในรูปของแจกฟรี และส่วนลด โดยให้กดไปที่ปุ่ม "กล่องของขวัญ" มุมขวาด้านบน ตัวอย่างสิทธิประโยชน์ก็ เช่น ซื้อของที่ Top ครบ 300 บาท ได้ส่วนลดทันที 50 บาท หรือซื้อ Auntie Anne's ครบ 100 บาท จ่ายแค่ 50 บาท สิ่งที่ดีอีกอย่างของ Dolfin คือ เราสามารถกดรับสิทธิ์ไว้ และเก็บไว้ในแอปฯ ได้เลยตลอด โดยไม่ต้องรีบใช้ภายใน 15 นาที นับจากตอนกดรับสิทธิ์
ได้คะแนน The 1Card เพิ่ม
ถ้าเราเป็นสมาชิก The1Card อยู่แล้ว การใช้แอปฯ Dolfin จะทำให้เราสะสมแต้มได้มากขึ้น เช่น ปกติถ้าใช้จ่าย 100 บาท แต่ไม่มี Dolfin เราจะได้ 4 แต้ม The1Card แต่ถ้าเราชำระเงินด้วย Dolfin เราจะได้ 5 แต้ม ซึ่งแต้ม The1Card พวกนี้ ถ้าเราสะสมไปเรื่อยๆ สามารถเอาไปแลกส่วนลด หรือแลกเป็นเงินสดชำระค่าซื้อของได้ในเครือเซ็นทรัล เช่น ไปซื้ออุปกรณ์กีฬาที่ Supersports ได้
ถ้าชอบดูหนังภาพยนตร์
สามารถใช้แอปฯ Dolfin ได้ในเครือ Major, EGV, Esplanade Cineplex และในบางช่วงก็จะมีโปรโมชั่นของบางค่ายด้วย เช่น เครือ Major Cineplex ถ้าใช้ Dolfin ซื้อตั๋วก็จะได้ราคาเพียง 99 บาท จากราคาปกติ 260 บาท เพราะฉะนั้น ก่อนดูหนังทุกเรื่อง ลองเข้ามาเช็คโปรโมชั่นในแอปฯ Dolfin กันก่อนทุกครั้งนะครับ
สังสรรค์กินข้าวกับเพื่อนหลายๆ คน
เคยเจอมั้ยครับ Pain Point อย่างหนึ่งเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนๆ แล้วต้องมานั่งกดเครื่องคิดเลขหารว่าต้องแชร์กันคนละเท่าไหร่ แต่แอปฯ นี้มีปุ่ม "แชร์บิล" ซึ่งหมายถึงว่าเวลาเราใช้ Dolfin ซื้อสินค้าเสร็จ เรากดปุ่มนี้ จะบอกให้เลยว่า ถ้ามา 3 คน ก็กดหารด้วย 3 แต่ละคนต้องจ่ายเท่าไหร่ และถ้าทุกคนใช้ Promptpay หรือมี Dolfin กันหมด ก็กดโอน กดรับเงินกันได้เลยภายในคลิกเดียวจบ สะดวกมาก
1. ขั้นแรกให้โหลดแอปฯ Dolfin ซึ่งมีทั้ง IOS และ Android
2. ต้องทำ KYC (Know Your Customer) ตามกฎแบงค์ชาติก่อน ซึ่งประกอบไปด้วยการกรอกข้อมูล ซึ่งจะมีหลายส่วน คือ
(ก) กรอกเป็นตัวอักษร
(ข) การถ่ายรูปเพื่อให้ระบบอ่านตัวอักษรจากภาพถ่าย (OCR - Optical Character Recognition) คือ ระบบจะอ่านข้อมูลในบัตรประชาชน (ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง) ออโตเมติกเลยเมื่อเรากดถ่ายรูป
(ค) การถ่ายรูป Selfie หน้าของเราเองโดยใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (Facial Recognition)
3. สุดท้ายต้องไปยืนยันตัวตนโดยการแสดงบัตรประชาชนตัวจริงกับร้านค้าพันธมิตรของ Dolfin เช่น ตาม Booth ในห้างฯ Tops Supermarket ตอนนี้ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการยืนยันว่าบัตรประชาชนที่นำมาสมัครบริการกับผู้สมัครนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกันจริงเพื่อระบบความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้บริการ
หลังจากที่เราเข้าไปรับประทานอาหารในร้านแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาชำระเงิน เราจะลองจ่ายผ่าน App Dolfin กันนะครับ
ที่ร้านจะมีเครื่องหน้าตาแบบนี้ แสดงว่ารองรับการชำระเงินผ่าน App Dolfin
ทางร้านจะเปิดหน้าเครื่องเพื่อให้เราสแกนจ่าย
เราก็เพียงเปิดหน้า Application เพื่อชำระเงิน และสแกน
ก็จะได้รับใบเสร็จจากการชำระเงิน โดยในใบเสร็จจะมีระบุไว้ด้วยว่า เป็นการชำระเงินผ่าน Dolfin
จากการลองใช้งานจริงก็ถือว่า "Dolfin" เป็นอีกหนึ่งช่องทางการใช้เงินแบบ e-Wallet ที่สะดวกไม่น้อยไปกว่าเจ้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด และก็ยังได้รับส่วนลดจากร้านค้าต่างๆ ซึ่งก็อาจแตกต่างกันไปตาม Partner ของ แต่ละ Application แต่ที่ดีที่สุดคือ ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้ใช้บริการอย่างเราๆ ที่ก็จะพลอยได้ซื้อสินค้า หรือบริการต่างๆ ในราคาประหยัดลงนะครับ
ช่วงนี้แอปฯ Dolfin มีโปรโมชั่นสมัครบริการ และโหลดแอปฯ "โปรเฮ เปย์ฟิน" ถ้าสมัครภายใน 31 ตุลาคม 2562 จะได้สิทธิประโยชน์หลายอย่าง เช่น แจกเงินให้ฟรีๆ เลยเข้า E-Wallet ของเรา 50 บาท หรือส่วนลด 50 บาท ถ้าใช้ซื้อของที่ Tops ครบ 300 บาท หรือซื้อ Mister Donut 3 ชิ้น ในราคา 5 บาท จากราคาเต็ม 57 บาท เป็นต้น ใครสนใจลองสมัคร เริ่มโหลดแอปฯ ข้างล่างกันได้เลย จากนั้นไปผ่านกระบวนการ E-KYC และก็เริ่มฟินกับ Dolfin ได้เลยครับ