นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2566 นับเป็นอีกปีที่บริษัทฯ เดินหน้าอย่างมั่นคงท่ามกลางความท้าทาย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จมาจากศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งและภาระหนี้สินต่ำ จึงสามารถเปิดตัวโครงการใหม่ในแต่ละจังหวัดด้วยสินค้าที่มีความหลากหลายตั้งอยู่บนมาตรฐานและคุณภาพเดียวกันทั่วประเทศ ทำให้สามารถตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียม แม้ว่าเซกเมนต์บนจะเริ่มมีการชะลอตัว แต่ก็มีความต้องการที่อยู่อาศัยในเซกเมนต์ระดับกลางเติมเต็มเข้ามา ส่งผลให้ดีมานด์ตอบรับทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมสร้างรายได้รวมในปี 2566 ได้ 31,818 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 30,836 ล้านบาท โครงการแนวราบ 66% คอนโดมิเนียม 34% และสร้างผลกำไรสุทธิ 5,989 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับเพียง 44%
นอกจากนี้บริษัทฯ ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างดีเสมอมา ทำให้กวาดยอดขายโครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 28,864 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 9,207 ล้านบาท คิดเป็น 32% และยอดขายสินค้าในกลุ่มสินค้าแนวราบ 19,657 ล้านบาท คิดเป็น 68%
จากการผลประกอบการของยอดขาย รายได้และกำไรดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 1.45 บาท จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลสำหรับงวด 6 เดือนหลังของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 7 พ.ค. 2567 และจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 21 พ.ค. 2567
ในปี 2567 บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่งคงด้วยศักยภาพทางการเงินที่เข้มแข็ง โดยตั้งเป้าทุบสถิติตัวเองด้วยจำนวนเปิดตัวโครงการมากที่สุด 42 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาทครอบคลุมมากถึง 29 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในไตรมาสแรกมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบทั้งหมด 14 โครงการ รวมมูลค่า 14,990 ล้านบาท รวมถึงปัจจัยหนุนการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ในช่วงไตรมาส 1-3 จำนวน 5 โครงการ ได้แก่
ศุภาลัย ไอคอน สาทร,
ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร,
ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ,
ซิตี้โฮม สนามบินน้ำ-รัตนาธิเบศร์ และ
ซิตี้โฮม ระยอง มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้รายได้เข้าหนุนผลงานในปีนี้เป็นต้นไป