แฉ 10 พฤติกรรมสุดยี้ที่ลูกบ้านไม่ควรทำในคอนโด
ในช่วงเวลาที่หลายๆ ท่านอยู่ในที่พักอาศัยกันเกือบ 24 ชั่วโมงในช่วงโรคระบาดแบบนี้ การอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจกันมากเป็นพิเศษ วันก่อนเพื่อนญี่ปุ่นที่เช่าคอนโดแถวสุขุมวิทบ่นกับผมว่า การอยู่คอนโดในเมืองไทยต้องทำใจกับเรื่องแย่ๆ หลายเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในคอนโดที่ญี่ปุ่น ผมเลยปลอบเขาไปว่าความจริง Thailand เราก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ ปัญหามันก็แค่ในบางคอนโดเท่านั้น หรือปัญหาบางอย่างอาจเกิดจากคนเช่าที่ไม่ได้เป็นเจ้าของห้องจริงๆ เพราะคนพวกนี้ไม่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของสักเท่าไหร่ เขาเล่าปัญหาให้ผมฟังสารพัด ผมเลยสรุปเรื่องแย่ๆ ยี้ๆ ของลูกบ้านในคอนโดบ้านเราออกมา 10 เรื่อง ซึ่งเป็นจริง และโดนๆ ทั้งนั้น
1. จอดรถแบบเห็นแก่ตัว
ปัญหาจอดรถในคอนโดคือเรื่องสุดเซ็งของหลายๆ คนเลยครับ (
10 ปัญหายอดฮิตของชาวคอนโด) นอกจากจะหาที่จอดรถยากแล้ว ยังต้องมาเจอกับสารพัดรูปแบบของความยี้และแย่ด้วย เช่น จอดรถในตำแหน่ง Fix ของคนอื่น ไม่ติดสติกเกอร์จอดรถ ติดสติกเกอร์ปลอม จอดขวางไม่ยอมเข้าซองทั้งที่มีช่องจอดว่าง จอดขวางแต่ดันเข้าเกียร์ P ไว้ แอบเอารถเข้ามาจอดเกินโควต้า ปัญหานี้เคยเป็นประเด็นดังเมื่อหลายปีก่อนเพราะดาราสาวคนหนึ่งที่อาศัยในคอนโดหรูย่านทองหล่อ ขับรถกลับมาคอนโดแล้วจอดรถในตำแหน่งของคนอื่น เพราะตำแหน่งของเธออยู่ห่างจากลิฟต์ ซึ่ง รปภ. ก็ช่วยโทรไปตามให้ลงมาเลื่อนรถ แต่กว่าจะลงมาเลื่อนก็ 5-6 ชั่วโมงหลังจากโทรไปตาม ซึ่งทำให้เจ้าของที่จอดรถตรงนั้นเสียเวลา และเสียความรู้สึกแบบสุดๆ
2. ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น
เรียกได้ว่าเป็นปัญหาสุดแย่สุดยี้อันดับต้นๆ อีกเรื่องหนึ่ง เพราะทุกวันนี้ผู้ประกอบการประหยัดค่าวัสดุลง และพยายามใช้พื้นที่ในคอนโดให้ได้มากที่สุด ทำให้บางทีกำแพงไม่หนาพอ วัสดุป้องกันเสียงตรงกระจกไม่มี หรือไม่ดีพอ และระเบียงก็ทำติดกันแบบไม่มีการกันเสียงอย่างเหมาะสม ดังนั้น เสียงจึงมาได้จากทุกสารทิศ ทั้งเปิด-ปิดประตูกันแบบสนั่นมือ ห้องด้านข้างเปิดเพลง หรือดูหนังเสียงดัง ห้องข้างบนลากเก้าอี้เสียงดัง หรือแม้กระทั่งบางคนก็ได้ยินเสียงเตียงโยกเนื่องจากกิจกรรมยามค่ำคืนบางอย่าง เอากันขนาดนั้นเลยละครับ
3. พาคนนอกมาใช้ส่วนกลาง
พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นบ่อยในคอนโดที่มีเด็กหรือวัยรุ่นที่มีเพื่อนเยอะ ชอบกันนักกับการพาเพื่อนมาว่ายน้ำบ้างละ ใช้ Fitness หรือนั่งติวหนังสือกันนานๆ ในห้องสมุดบ้างละ หรือนอนเล่นบนโซฟาส่วนกลางบ้างละ (ได้ยินมาบ่อยจากลูกบ้านที่เข้ามาบ่นส่วนกลางชั้น 8 ของคอนโด Pyne by Sansiri) จริงๆ การพาคนนอกมาแบบนี้ไม่ได้เป็นความผิดในตัวเองหรอกครับ แต่มันจะผิดมารยาท หรือไม่เหมาะสมก็ต่อเมื่อเพื่อนๆ ใช้ส่วนกลางแบบไม่เกรงใจลูกบ้าน หรือไม่รักษาความสะอาด เช่น บางคนว่ายน้ำแบบไม่ใส่ชุดว่ายน้ำ หรือว่ายเสร็จก็เดินโทงเทงขึ้นลิฟต์เล่นเอาเปียกไปหมดทั้งลิฟต์ บางคนก็ยกพวกมาเหมาใช้ Fitness จนลูกบ้านไม่ได้ใช้ หรือเข้ามาตั้งกลุ่มนั่งดริงค์กันในสวนส่วนกลางเสร็จแล้วก็ทิ้งซากขวดน้ำ หรือก้นบุหรี่ไว้ให้ลูกบ้านท่านอื่นได้เชยชมกัน
4. สูบบุหรี่กลิ่นโชยถึงห้องคนอื่น
จริงๆ แล้วการสูบบุหรี่ในห้องคอนโดของตัวเองไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดนะครับ (ประกาศกระทรวงสาธารณสุขก็ประกาศชัดเจนว่าพื้นที่ปลอดบุหรี่ในคอนโดคือ บริเวณโถงพักคอย และบริเวณทางเดินทั้งหมดภายในอาคารคอนโดเท่านั้น ดังนั้น การสูบบุหรี่ในห้องตัวเองจึงไม่ผิด (
ดูประกาศได้ที่นี่)) แต่ปัญหามันเกิดตรงที่แม้เราสูบในห้องตัวเอง บางที "กลิ่น", "ควันบุหรี่" หรือ "ก้นบุหรี่" มักจะแพร่กระจายไปห้องติดกัน ไม่ว่าจะห้องข้างๆ หรือห้องบน-ล่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบบุหรี่ตรงระเบียงห้องของตัวเอง ซึ่งในทางปฏิบัติหากไม่เป็นการรบกวน หรือรำคาญกับห้องข้างๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นการรบกวน หรือรำคาญก็อาจต้องแจ้งนิติฯ และพูดคุยประนีประนอมกันว่าจะป้องกันกลิ่นควันกันยังไง แต่ถ้าประนีประนอมกันไม่ได้ และต้องต่อสู้กันจนถึงตำรวจหรือศาล ฝ่ายที่เสียหายต้องพิสูจน์ว่าการสูบบุหรี่ดังกล่าวเป็น "เหตุรำคาญ" ตามกฎหมายการสาธารณสุข ถึงจะเล่นงานกันทางกฎหมายได้ (
ดูกฎหมายสาธารณสุขได้ที่นี่)
ป้ายเตือน
ห้ามทิ้งก้นบุหรี่ลงที่ระเบียงหรือหน้าต่าง
5. ทิ้งขยะไว้หน้าห้อง
ปัญหานี้เป็นตัวอย่างความมักง่ายสุดๆ ครับ ห้องเราสะอาด แต่หน้าห้องหรือนอกห้องช่างหัวมัน เรามาชมภาพตัวอย่างจากเว็บ Pantip ข้างล่างกันดูครับ มีเพื่อนบ้านทนไม่ไหวเข้ามาโพสต์ไว้ (
http://pantip.com/topic/32255486) เท่าที่ผมเคยเจอจะมีหลากหลายแบบครับ เช่น กวาดเศษขยะออกไปทิ้งหน้าห้องให้แม่บ้านจัดการ (เช่นรูปข้างล่าง) หรือกวาดเศษขยะลงระเบียงไปเลยแบบใครอยู่ข้างล่างก็ซวยไป หรืออีกแบบก็คือห่อขยะใส่ถุงเรียบร้อยนะ แต่แทนที่จะเอาไปทิ้งใส่ถังขยะกลางในห้องขยะ กลับวางถุงขยะไว้หน้าห้องตัวเองซะงั้น หรือไม่ก็เดินไปห้องขยะแต่แทนที่จะใส่ลงไปในถังขยะกลางให้เรียบร้อย ก็มักง่ายวางมันหน้าห้องขยะซะงั้น ซึ่งทุกแบบที่ว่ามานี้ สุดยี้และสุดแย่ทุกกรณีครับ
ในห้องเราสะอาด ข้างนอกสกปรกบ้างไม่เป็นไร...กวาดมาทิ้งแบบนี้คงไม่มีใครตามเก็บให้นะครับ
6. ถอดรองเท้าไว้หน้าห้อง
สำหรับหลายๆ คนมันเป็นความสะดวก และความสะอาดอย่างหนึ่งที่ถอดรองเท้าตั้งโชว์ไว้หน้าห้อง ซึ่งบางคอนโดที่เก่า หรือราคาไม่แพงนัก พฤติกรรมแบบนี้อาจไม่ค่อยมีคนยี้มากนัก แต่ถ้าเป็นคอนโดที่มีราคา คอนโดที่ใหม่ๆ หน่อย หรือปล่อยเช่าราคาแพงๆ ให้ต่างชาติ พฤติกรรมแบบนี้อาจนี้อาจมีคนยี้กันมากพอสมควร บางคอนโดก็ติดป้ายห้ามชัดเจนว่าถ้ามีการถอดวางไว้จะทำการเคลื่อนย้าย ซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง เหตุผลหลักๆ ที่เราไม่ควรถอดรองเท้าไว้ในหน้าห้องก็เป็นเรื่องของความเป็นระเบียบเรียบร้อย และอีกเหตุผลหนึ่งคือพื้นที่ทางเดินหน้าห้องของทุกยูนิตคอนโดนั้นเป็นพื้นที่ส่วนกลางกรรมสิทธิ์ร่วมของเจ้าของร่วมทุกคน ไม่ใช่เป็นทรัพย์สินพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของห้องนั้นๆ
ภาพตัวอย่างการถอดรองเท้าไว้หน้าห้อง ที่ดูไม่เรียบร้อย และบางครั้งอาจเกะกะทางเดินส่วนรวมด้วย
7. แอบเลี้ยงสัตว์ในคอนโดที่ห้ามเลี้ยง
ปกติข้อห้ามเลี้ยงสุนัข หรือแมวจะเขียนชัดเจนในแทบจะทุกข้อบังคับของทุกคอนโดอยู่แล้ว (ยกเว้นบางคอนโดที่ชัดเจนว่าให้เลี้ยงได้ ดูบทความ
10 คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ถูกใจคนรักน้องหมา น้องแมว แต่ในชีวิตจริงก็มีคนฝ่าฝืนกันอยู่เรื่อยๆ บางคนที่เลี้ยงมักชอบแก้ตัวว่า "สุนัขดิฉันก็ไม่ได้ส่งเสียงดัง หรือมีกลิ่นเหม็นนะคะ!!!" แต่กฎก็คือกฎครับ หากมีกฎกติกาอยู่ร่วมกันแล้วก็ควรต้องทำตามครับ ไม่เช่นนั้น ก็ควรเลือกอยู่บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮ้าส์ไปเลยจะดีกว่า จริงๆ แล้วคนอยู่คอนโดหลายคนก็เป็นคนรักสัตว์ครับผมขอยืนยัน และก็อยากเลี้ยงสุนัขหรือแมวเป็นเพื่อนในคอนโดเหมือนกันแหละ แต่หากมีกฎเกณฑ์ห้ามอยู่ เราก็ยินดีที่จะไม่ฝ่าฝืนครับ
ป้ายห้ามเลี้ยงสัตว์...ที่มีบางคนไม่สนใจ
8. ใช้ของส่วนกลางแล้วไม่คืนที่เดิม
ที่เห็นบ่อยคือเอารถเข็นขนของไปใช้แล้วไม่เอาลงมาเก็บ โดยปกติในหลายๆ คอนโดอาจมีการเอารถเข็นซุปเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket / Shopping Cart) มาตั้งไว้ชั้นล่าง ไว้ใช้เข็นขนของจากชั้นล่างขึ้นห้องคอนโด ซึ่งจะสะดวกมากๆ สำหรับคุณผู้หญิงที่ถือของพะรุงพะรังจากห้างฯ หรือตลาดสดมา โดยหลักปฏิบัติที่ถูกต้องแล้ว เมื่อใช้ขนของเสร็จก็ควรเอากลับมาเก็บไว้ชั้นล่างเพื่อให้คนอื่นใช้ต่อไป แต่หลายๆ ครั้ง ลูกบ้านที่ขี้เกียจ หรือเห็นแก่ตัวมักไม่ยอมเอากลับมาเก็บทำให้คนอื่นๆ ไม่ได้ใช้
ทางโครงการได้มีบริการรถเข็นหลายรูปแบบไว้รองรับการใช้งานของลูกบ้าน และมีที่เก็บชัดเจน เมื่อใช้เสร็จควรเก็บให้เข้าที่
9. ลูกบ้านที่เป็นกรรมการเข้ามาตักตวงผลผระโยชน์
ลูกบ้านบางคนอาสาตัวเองเข้าไปเป็นคณะกรรมการนิติบุคคลคอนโด ซึ่งสมัยนี้ก็เป็นไม่ยากเพราะเวลาประกาศรับสมัคร ก็หาคนเป็นกันยากเต็มที แต่แทนที่จะเข้าไปทำเพื่อประโยชน์ของคอนโด กลับเข้าไปใช้ตำแหน่งกรรมการตักตวงผลประโยชน์ทั้งให้ตัวเอง หรือพวกพ้อง สารพัดวิธีเช่น มีนอกมีในกับพวกบริษัท Agency ซื้อขายห้องชุดในโครงการ หรือแต่งตั้งบริษัทพวกพ้องที่รู้จักกันเข้ามารับงาน หรือทำงานหมกเม็ดไม่โปร่งใส สั่งจ่ายค่าใช้จ่ายเยอะแยะไปหมด หรือแย่หน่อยก็ยักยอกค่าส่วนกลาง หรือเลวร้ายกว่านั้นก็คือสมัครเป็นกรรมการเข้ามาแบบเป็น Gang เลย ตั้งกลุ่มมาเฟียควบคุมเงิน และผลประโยชน์ของคอนโด หรือไม่ก็พยายามตั้งกฎเกณฑ์ที่เป็นประโยชน์กับพวกพ้อง แต่กระทบผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในคอนโด
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ก็มีกรรมการที่เป็นลูกบ้านออกกฎไม่ให้ลูกบ้านที่ติดโควิดเข้ามาอยู่ในโครงการ ต้องย้ายออกทันที ทั้งนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่าไม่เหมาะสม ควรมีมาตรการที่ดีกว่านี้ เพราะว่าบางคนถ้าไม่อยู่ที่คอนโดก็ไม่มีที่อยู่อื่นแล้ว จนลูกบ้านคนนั้นต้องย้ายออกไป และในที่สุดลูกสาวของกรรมการคนนั้นติด โควิด- 19 ลูกบ้านได้ขอให้ย้ายออกตามกฏที่ตนตั้งขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าจะแก้กฎที่ตัวเองตั้งขึ้นมาเพราะไม่อยากย้ายออก ดังนั้นถ้าเป็นกรรมการแล้วต้องมีความชัดเจน สุจริต เห็นแก่ตัวแบบนี้ก็ไม่เอานะครับ
10. ไม่อยู่ ไม่สน ไม่จ่าย (ค่าส่วนกลาง)
พฤติกรรมนี้มีในทุกคอนโด บางคนไม่จ่ายค่าส่วนกลางก็อ้างสารพัดเหตุผลเช่น ไม่เคยมาอยู่เลย หรือไม่พอใจการบริหารของนิติฯ หรือเก็บห้องไว้รอขาย เป็นต้น ซึ่งทุกเหตุผลที่ว่ามา หรือเหตุผลอื่นใดก็ถือว่าฟังไม่ขึ้นทั้งสิ้น เพราะตราบใดที่เรามีชื่อเป็นเจ้าของห้องนั้นอยู่ หน้าที่ทั้งตามกฎหมาย และกฎระเบียบสังคมคือเราต้องจ่ายค่าส่วนกลาง นอกจากนี้ การไม่จ่ายค่าส่วนกลางจะมีผลกระทบกับลูกบ้านคนอื่นๆ และตัวอาคารที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย เช่น เงินอาจไม่พอนำมาบำรุงรักษา หรือซ่อมแซมส่วนกลางให้คอนโดอยู่ในสภาพที่ดี ทั้งนี้ บทลงโทษของการไม่จ่ายค่าส่วนกลางมีอะไรบ้างดูได้
ที่นี่ครับ
บางทีปัญหาต่างๆ อาจต้องใช้ไกล่เกลี่ยกันอย่างใจเย็น พูดคุยถึงปัญหาและค่อยๆ ปรับพฤติกรรมกันไป หรือถ้าหนักสุดๆ ไม่สามารถจัดการด้วยตัวเองก็แจ้งไปที่นิติบุคคลครับ อย่างไรก็ตามเพื่อนบ้านหรือเพื่อนข้างห้องก็ยังสำคัญ เวลาที่มีอะไรผิดปกติขึ้นมาเพื่อนบ้านนี่แหละจะเป็นคนที่คอยสอดส่องดูแลให้เรา แต่ถ้าผิดใจกันแล้วนั้น อย่าหวังว่าเขาจะสนใจเรา มิหนำซ้ำยังประชดประชันเราเข้าไปใหญ่ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้สังคมคอนโดที่เราอยู่มีแต่เรื่องแย่ๆ ยี้ๆ แบบนี้ อย่างแรกควรจะเริ่มจากตัวเราและคนใกล้ตัวเพื่อนๆ ก่อน ไม่ชอบแบบไหนก็ไม่ควรทำอย่างนั้น เพราะบางคนไม่ชอบให้คนอื่นเปิดเพลงเสียงดัง แต่ตัวเองกลับเปิดเพลงเสียงดังซะเอง แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน พบกันได้ใหม่กับบทความจาก Checkraka.com นะครับ