ตามปกติในคอนโด การทำอาหารมักจะไม่ค่อยสะดวก เนื่องจากสภาพห้องไม่เอื้ออำนวย การระบายกลิ่นหรือควันก็ไม่ดี ใช้เตาแก๊สก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี เรื่องปากท้องกับที่อยู่อาศัยคงไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ทำให้โครงการคอนโดในปัจจุบันได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ประกอบอาหารที่เรียกว่า "เตาไฟฟ้า" หรือบางโครงการก็ให้ "เครื่องดูดควัน" มาให้ ซึ่งแต่ละโครงการก็อาจให้มาหน้าตาแตกต่างกัน บทความนี้จะมาอธิบายประเภทของอุปกรณ์ครัวเหล่านี้ให้ท่านผู้อ่านได้เลือกซื้อ หรือเลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการนะครับ
ประเภทเตาไฟฟ้า
1. เตาไฟฟ้าเพลทร้อน (Hot Plate) เป็นเตาไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่หลายๆ โครงการจะติดตั้งมาให้เนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงมาก รูปแบบจะมีทั้งแบบลอยตัว และแบบ Built-in เตาไฟฟ้าประเภทนี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ เตาแก๊ส แต่ด้านบนจะมีลักษณะเป็นแผ่นสีดำ ด้านใต้แผ่นสีดำนั้นจะมีขดลวดทำความร้อนอยู่ เตาประเภทนี้การปรับความร้อนขึ้นลงค่อนข้างช้า เพราะความร้อนกว่าจะส่งมาถึงที่อาหารต้องผ่านหลายด่าน ขดลวด - แผ่นเพลต - หม้อ (หรือกระทะ) - อาหาร อีกทั้งยังมีอันตรายในการใช้งาน หากเปิดเตาทิ้งไว้โดยไม่รู้ตัว อาจจะเกิดอันตรายเมื่อเราไปสัมผัส หรือเกิดอัคคีภัยเมื่อสัมผัสวัสดุไวไฟได้
2. เตาไฟฟ้าเซรามิก (Glass Ceramic Hob) เตาไฟฟ้าประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นแผ่นกระจกสีดำ ซึ่งกระจกนี้จะสามารถทนความร้อนได้สูง เอาไว้ใช้เป็นตัวกลางนำความร้อนจากขดลวดมาสู่อุปกรณ์ประกอบอาหาร ขณะที่เตาทำงานตรงขดลวดจะมีสีแดงขึ้นมา ข้อควรระวังในการใช้ก็คล้ายๆ กับเตาไฟฟ้าเพลตร้อน คือหลังจากที่ปิดเตา จะยังมีความร้อนหลงเหลืออยู่ อาจทำให้เกิดอันตรายได้
3. เตาแม่เหล็กไฟฟ้า (Induction) มีลักษณะคล้ายกับเตาเซรามิกเพราะใช้กระจกแบบเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันในส่วนตัวทำความร้อน โดยเตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะใช้การเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็กเพื่อให้เกิดพลังงานความร้อน ดังนั้น ภาชนะที่นำมาใช้กับเตานี้ ต้องมีส่วนประกอบของเหล็ก หรือโลหะ ที่สามารถใช้การเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็กได้ ข้อดีของเตาประเภทนี้คือมีอัตราการกินไฟน้อยกว่าเตาประเภทอื่น และยังนำพาความร้อนได้ดีและรวดเร็ว อีกทั้งยังปลอดภัยในการใช้งานเพราะว่าความร้อนจะไม่อยู่บนเตาเป็นเวลานาน และเตาจะไม่ทำงานหากภาชนะชนิดนั้นไม่สามารถเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็กได้ เตาประเภทนี้จะมีทั้งแบบ Built-in และลอยตัว อุปกรณ์ที่จะซื้อมาประกอบอาหารกับเตาแม่เหล็กชนิดนี้ได้ จะต้องมีคำว่า "Induction" นะครับ
ประเภทเครื่องดูดควัน
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
www.eve.co.th หน้าที่หลักของเครื่องดูดควันคือดูดควัน ไอน้ำ และคราบน้ำมันในเวลาที่เราประกอบอาหาร ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในการทำความสะอาดห้องครัว เพราะระหว่างการประกอบอาหาร ไอน้ำ และคราบไขมันจะเกาะติดตามผนังของห้องครัวทำให้ยากต่อการทำความสะอาด อีกทั้งยังอาจมีกลิ่นอาหารติดหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อีกด้วย
เครื่องดูดควันโดยทั่วไปจะมีหลักการทำงานอยู่ 2 ระบบให้เลือกใช้ คือ ระบบต่อท่อดูดอากาศออกสู่ภายนอก และระบบหมุนเวียนอากาศ มาดูกันครับว่าทั้งสองระบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร
(ก) ระบบต่อท่อดูดอากาศออกสู่ภายนอก ในระบบนี้ประสิทธิภาพของการดูดอากาศจะสูง เพราะไม่ต้องดูดอากาศผ่านแผ่นกรองคาร์บอน ใช้กำลังของมอเตอร์ดูดควัน กลิ่นและไอน้ำมันจะออกสู่ภายนอก มีกำลังดูดค่อนข้างแรง เหมาะสำหรับการใช้งานกับครัวหนัก (การประกอบอาหารที่มีควันและกลิ่นในปริมาณมาก) แต่อาจจะมีการติดตั้งที่ค่อนข้างยุ่งยาก และราคาค่อนข้างสูง
(ข) ระบบหมุนเวียนอากาศ ระบบนี้ไม่จำเป็นต้องต่อท่อดูดอากาศ ดังนั้นจึงติดตั้งได้ง่าย แต่ต้องมีแผ่นกรองคาร์บอนเพื่อกรองกลิ่นอากาศให้บริสุทธิ์ ซึ่งแผ่นกรองคาร์บอนนี้เองจะทำให้ประสิทธิภาพของการดูดควันลดลง 20-30% และทำความสะอาดยาก ดังนั้นต้องหมั่นทำความสะอาดตัวกรองบ่อยๆ ระบบนี้เหมาะสำหรับครัวเบา หรือการทำอาหารในคอนโด
นอกจากจะแบ่งประเภทของเครื่องดูดควันตามลักษณะการทำงานแล้ว ยังสามารถแบ่งออกตามรูปแบบ ลักษณะการติดตั้งของที่ดูดควันได้อีกด้วย โดยทั่วๆ ไป จะมีด้วยกัน 4 รูปแบบ ดังต่อไปนี้
1. Freestanding หรือ Built-under furniture คือเครื่องดูดควันที่ติดตั้งเข้าไปในช่องเฟอร์นิเจอร์ (Built-In) โดยมีขนาดมาตรฐานที่ 60 และ 90 เซนติเมตร
2. Slide-Out หรือ Slim line คือเครื่องดูดควันที่มีลักษณะคล้ายลิ้นชัก สามารถดึงเข้าออกได้ทำให้ประหยัดเนื้อที่การใช้งาน เหมาะสำหรับห้องครัวที่มีพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมีเนียม หรือห้องครัวเล็กในบ้าน
3. Chimney คือ เครื่องดูดควันแบบกระโจมติดผนัง เป็นชนิดของเครื่องดูดควันที่มีปล่องกระโจมต่อด้านบนเครื่องดูดควันเพื่อปิดท่อดูดอากาศ
4. Island คือ เครื่องดูดควันแบบกระโจมกลางห้อง เป็นเครื่องดูดควันสำหรับห้องครัวสมัยใหม่ สวยงาม หรูหรา จะติดตั้งอยู่ตรงกลางห้องโดยไม่ชิดผนังด้านใดด้านหนึ่ง
นอกจากจะเลือกซื้อเครื่องดูดควันโดยดูจากประเภทการใช้งาน และระบบดูดควันแล้ว อาจจะต้องดูรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย เช่น มีไฟส่องสว่างที่ติดอยู่กับเครื่องดูดควันหรือไม่ หรือกำลังในการดูดเหมาะสมต่อห้องครัวของเราหรือเปล่า
การคำนวณกำลังดูดที่เหมาะสมต่อห้องครัวสามารถคำนวณได้โดยใช้สูตรคำนวณ ดังนี้
ผลลัพธ์ที่ได้จะมีหน่วยเป็นลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง เมื่อเราได้กำลังดูดที่เหมาะสมแล้ว ก็สามารถนำไปเลือกดูว่าเครื่องดูดควันที่เรากำลังสนใจอยู่นั้น เหมาะกับห้องของเราหรือเปล่า
หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจจะเลือกซื้อ หรือเลือกใช้เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันไม่มากก็น้อยนะครับ สุดท้ายนี้มีภาพห้องครัวสวยๆ มาฝากให้ทุกท่านเพื่อเป็นไอเดียในการตกแต่งห้องครัวกันนะครับ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ