มีเงินเหลืออยากลงทุน : ซื้อคอนโดได้ผลตอบแทน "การันตี 7%" ทางเลือกที่น่าสนในภาวะดอกเบี้ยต่ำแค่ 2%
"ให้เงินทำงาน" คงเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาจะให้เป็นจริงใช่ไหมคะ เพราะนอกจากจะไม่ต้องออกแรงกายกันให้เหนื่อยแล้ว ยังได้รับผลตอบแทนเพิ่มพูนกันมากขึ้นอีกด้วย เชื่อว่าเพื่อนๆ ชาว
CheckRaka.com คงมีวิธีการลงทุน เพื่อให้เงินทำงานกันในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเหมาะกับความชอบและไลฟ์ไตล์ที่แตกต่างกันของแต่ละคน แต่ในปัจจุบันนี้ ก็มีการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งคือ การซื้อคอนโดฯ ที่การันตีผลตอบแทนนั่นเองค่ะ การลงทุนแบบนี้มีรูปแบบเป็นอย่างไร และจะแตกต่างจากการลงทุนแบบอื่นๆ อย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลยค่ะ
ข้อเปรียบเทียบของการลงทุนแต่ละแบบ
ตารางเปรียบเทียบ ข้อดี - ข้อเสียของการลงทุนแบบต่างๆ |
รูปแบบการลงทุน | ข้อดี | ข้อเสีย | อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ส.ค. 59) |
เงินฝากประจำ | - ความเสี่ยงต่ำ
- ผลตอบแทนแน่นอน
- มีระยะเวลาการลงทุนกำหนดไว้ชัดเจน
- ถอนก่อนครบกำหนดได้โดยเงินต้นยังอยู่ครบ
| - ผลตอบแทนต่ำ
- ถอนก่อนครบกำหนดจะไม่ได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนด
- ถูกหักภาษีดอกเบี้ย 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ
- บางบัญชีจำกัดจำนวนครั้งการฝาก - ถอน
| ประมาณ 0.5 – 1.80% ต่อปี (สำหรับเงินฝากประจำระยะเวลาฝาก 3 เดือน - 12 เดือน) |
สลากออมสิน/สลาก ธกส. | - ความเสี่ยงต่ำ
- ผลตอบแทนแน่นอน
- มีระยะเวลาการลงทุนกำหนดไว้แน่นอน
- ได้ลุ้นรางวัลทุกเดือน
- ผลตอบแทนไม่เสียภาษี
- ถอนก่อนครบกำหนดได้โดยเงินต้นยังอยู่ครบ
| - ผลตอบแทนต่ำ
- ถอนก่อนครบกำหนดจะไม่ได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนด
| สลากออมสิน (จำหน่ายอยู่ ณ ปัจจุบัน) - จำนวนเงินฝากต่ำกว่า 5 แสนบาท ผลตอบแทน 0.667% ต่อปี
- จำนวนเงินฝากตั้งแต่ 5 แสน - 4,999,999 บาท ผลตอบแทน 1.387% ต่อปี
- จำนวนเงินฝากตั้งแต่ 5 ล้านบาท ผลตอบแทน 1.531% ต่อปี
|
ตราสารหนี้ภาครัฐ หรือ หุ้นกู้บริษัทเอกชน | - ความเสี่ยงต่ำ หรือสูง (แล้วแต่ Credit Rating ของผู้ออกตราสาร)
- มีระยะเวลาการลงทุนกำหนดไว้แน่นอน
| - ผลตอบแทนจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำ หรือสูง (แล้วแต่ Credit Rating ของผู้ออกตราสาร)
- บริษัทผู้ออกตราสารหุ้นกู้บางแห่งอาจมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้
| - อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของพันธบัตรออมทรัพย์กระทรวงการคลัง 2/2559 รุ่นอายุ 5 ปี ประมาณ 2.25% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี ประมาณ 2.675% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้เอกชน ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2 - 5% ต่อปี
|
หุ้น | - สภาพคล่องสูง ซื้อ - ขายได้ไม่จำกัด ในเวลาทำการ
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง
- เป็นเจ้าของกิจการได้โดยใช้เงินน้อย
| - ความเสี่ยงสูง
- มูลค่าหลักทรัพย์มีความผันผวนสูง
- ต้องติดตามภาวะตลาดอยู่เสมอ
| มีได้ตั้งแต่ขาดทุนไปจนถึงกำไร 200% ขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์ที่ซื้อ สภาพเศรษฐกิจ และบางครั้งก็อาจรวมถึงโชคชะตาของผู้ซื้อ-ผู้ขายด้วย |
กองทุนรวม | - มีผู้บริหารจัดการลงทุนให้
- ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุน และความสามารถของผู้จัดการกองทุน
- มีโอกาสได้รับเงินปันผลระหว่างปี (ขึ้นอยู่กับนโยบายกองทุน)
- กองทุน LTF และ RMF สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
| - มีความเสี่ยงตั้งแต่ระดับต่ำ จนถึงระดับสูง ตามประเภทของกองทุน
| ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุนและช่วงเวลาที่ลงทุน - กองทุนรวมประเภทตราสารหนี้จะได้รับผลตอบแทนน้อยกว่ากองทุนรวมหุ้น
- หากเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ทองคำ น้ำมัน ก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้น (แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย)
|
ทองคำ | - มีสภาพคล่องสูง เมื่อขายคืนแล้วจะได้เงินทันที
- ได้ถือครองทรัพย์สินในรูปของวัตถุ
- ทองรูปพรรณใช้เป็นเครื่องประดับได้
| - ราคาทองคำผันผวนง่าย
- เสี่ยงต่อการหาย, การถูกปลอมแปลง
| ขึ้นอยู่กับราคาซื้อ และราคาขายในแต่ละช่วงเวลา |
อสังหาริมทรัพย์ | - ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้นในรูปแบบของวัตถุ
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทนทั้งในรูปของค่าเช่า หรือกำไรจากการขายต่อ
| - สภาพคล่องต่ำที่สุด
- ใช้เงินลงทุนมาก
- มีค่าใช้จ่ายหลายอย่างในการซื้อ - ขาย เปลี่ยนมือเจ้าของ
| ขึ้นอยู่กับทำเลและประเภทของอสังหาริมทรัพย์ |
"Condotel" คอนโดการันตีผลตอบแทน
ทางเลือกการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนักลงทุนบางท่านอาจคุ้นหูหรือเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ได้แก่ การลงทุนในรูปแบบ "Condotel (คอนโดเทล)" โดยจะเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทางโครงการฯ จะเป็นผู้การันตีผลตอบแทน (Return Yield) ที่แน่นอนให้แก่นักลงทุนในช่วงระยะเวลาหนึ่ง สำหรับผลตอบแทนที่เจ้าของห้องได้รับนั้นก็จะอยู่ในรูปแบบของรายได้จาก "ค่าเช่า" และนี่เองล่ะค่ะจึงเป็นที่มาของคำว่า Condotel (Condo + Hotel)
หากใครยังสงสัยว่า Condotel จะแตกต่างจากการลงทุนซื้อคอนโดฯ แบบเดิมๆ ที่มักจะเป็นเพียงแค่การขายใบจองหรือขายดาวน์เพื่อกินกำไรส่วนต่าง หรือจะต่างจากการที่เจ้าของห้องเป็นผู้ปล่อยเช่าเองอย่างไร และจะมีความน่าสนใจมากแค่ไหน เราไปดูข้อดีของการลงทุนประเภทนี้พร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ
1. Return Yield ที่ได้ผลตอบแทนชัดเจน
แน่นอนว่านักลงทุนทุกคนย่อมคาดหวังผลตอบแทนไว้เสมอ สำหรับการลงทุนในคอนโดฯ โดยนักลงทุน อาจนำห้องชุด/คอนโดฯ นั้นมาปล่อยให้เช่า ซึ่งบางครั้งก็อาจต้องเจอกับปัญหาจุกจิก เช่น ไม่มีผู้เช่า เก็บค่าเช่ายาก ทำให้ผลตอบแทนไม่เป็นตามที่หวังไว้ แต่... ปัญหานี้จะหมดไป! เมื่อเลือกลงทุนแบบ "Condotel (คอนโดเทล)" เพราะทางโครงการฯ จะเข้ามาบริหารจัดการในเรื่องการปล่อยเช่า รวมทั้งรับประกันว่านักลงทุนอย่างเราๆ จะได้รับผลตอบแทนที่ "ชัดเจน" และ "แน่นอน" เช่น การันตีผลตอบแทนค่าเช่าทุกเดือน ในอัตรา 5% ต่อปี เป็นระยะเวลานาน 5 - 7 ปี เป็นต้น ตัวอย่างเช่นโครงการ Condotel (คอนโดเทล) ที่เพิ่งเปิดตัวและเสนอขายอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ โครงการ "Best Western Premier BayPhere Pattaya (เบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา)" ซึ่งจะการันตีผลตอบแทนค่าเช่า 7% ต่อปี ของราคาซื้อขาย นาน 5 ปี และหลังจากปีที่ 5 เป็นต้นไปจะใช้การแบ่งผลกำไร (Profit Sharing) ในอัตรา 60 : 40 หมายถึง นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากกำไรของการบริหารการเช่าถึง 60% ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ
2. สะดวกสบายเหมือนอยู่โรงแรม บริหารงานเช่าแบบตามมาตรฐานโรงแรมชั้นนำระดับโลก
"Condotel (คอนโดเทล)" จะบริหารตามรูปแบบของโรงแรมค่ะ ซึ่งมีการร่วมมือกันระหว่างโครงการคอนโดเองกับโรงแรมต่างๆ การบริหารการเช่าโดยโรงแรมนั้น เป็นตัวเสริมความมั่นใจกับเรา (เจ้าของห้องหรือผู้ให้เช่า) และลูกค้า (ผู้เช่า) ผู้เช่าไม่ต้องกังวลเรื่อง Service ต่างๆ ที่บางคนกลัวว่าอาจไม่สะดวกสบายเหมือนพักโรงแรม แต่การบริหารประเภทนี้เปรียบเสมือนเราพักอยู่โรงแรมเลย รวมถึงเจ้าของห้องก็ไม่ต้องกลัวว่าผู้เช่าจะทำข้าวของเราเสียหาย ไม่ต้องห่วงว่าอาคารโดยรวมจะสกปรกทรุดโทรม เพราะทางโรงแรมมีมาตรการการดูแลพร้อมบริการอยู่ เช่น
- ทำความสะอาด (ทั้งห้องพักและทรัพย์สินส่วนกลางทั้งหมด)
- มีอาหารระดับโรงแรม
- มีพนักงานคอยบริการตลอด
- บรรยากาศไม่เงียบเหงา
3. เป็นทรัพย์สินหรือมรดกไว้ให้ลูกหลาน หรือเอาไว้ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนได้
คอนโดในกรุงเทพฯ หากเป็นทำเลที่อยู่เกาะแนวรถไฟฟ้า ทั้งสายที่เปิดใช้ในปัจจุบันและสายที่กำลังก่อสร้าง ต่างก็มีอัตราการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น รวมถึงคอนโดตากอากาศ หากอยู่ในทำเลสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต เช่น พัทยา ยิ่งอยู่ติดริมแม่น้ำหรือริมชายหาด ก็ยิ่งได้รับความนิยม และในอนาคตเมื่อความเจริญของโปรเจคต่างๆ ขยับขยายเข้ามา มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ก็ย่อมเพิ่มสูงขึ้นตาม สามารถส่งต่อการดูแลและครอบครองไปยังลูกหลานต่อไปได้ ในแง่การซื้อคอนโดเพื่อใช้สำหรับพักผ่อนตากอากาศนั้น ตามความเป็นจริงแล้ว ในเวลา 1 ปี เราอาจมีโอกาสแวะไปนั่งเล่นนอนเล่นที่คอนโดตากอากาศของเราได้แค่ไม่กี่วัน หากจะปล่อยทิ้งไว้ก็เสียค่าส่วนกลางเปล่าๆ จับมาปล่อยเช่าให้นักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาพักแบบลองสเตย์ดีกว่า เพราะการเข้ามาท่องเที่ยวและเช่า-ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี
โครงการแนะนำ : "Western Premier BayPhere Pattaya" คอนโดตากอากาศตอบโจทย์การลงทุน
Beachfront Condominium Best Western Premier BayPhere Pattaya (เบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา) โดย "ฮาบิแทท กรุ๊ป" หนึ่งในโครงการฯ ที่มีศักยภาพด้านการลงทุนที่ชัดเจน โดดเด่นด้วยทำเลคุณภาพ Beachfront ติดชายหาดผืนสุดท้ายของนาจอมเทียน พัทยา ซึ่งยังคงเป็นทำเลที่มีแผนพัฒนาหลายด้านในอนาคต
สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย (ข้อมูล ณ เม.ย. 2559) แผนที่แสดงสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมโดยรอบเมืองพัทยา
คลิกเพื่อดูภาพใหญ่ "Best Western Premier BayPhere Pattaya (เบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา)" จะบริหารงานด้านการให้เช่าโดยโรงแรม "Best Western" (แบรนด์โรงแรมชั้นนำจากอเมริกา) ในระบบ Rental Management โปรแกรมมอบผลตอบแทนนักลงทุน ได้รับผลตอบแทนค่าเช่า 7% ต่อปี นาน 5 ปี และปีที่ 6 แบ่งผลกำไร 60:40 หมายถึง ลูกค้ารับผลตอบแทน จากกำไรของการบริหารการเช่าถึง 60% จากผลกำไรทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย และยังได้รับผลกำไรจากมูลค่าที่ดินและสินทรัพย์ที่มีราคาเพิ่มขึ้น จึงมั่นใจได้เรื่องการันตีผลตอบแทนค่าเช่า รวมถึงการดูแลจัดการคอนโดโดยระบบโรงแรม ไม่ต้องกังวลเรื่องผู้เช่า หรือซ่อมแซมห้องเลย และยังได้รับสิทธิ์พักผ่อนในคอนโดของเราที่มีระบบริหารจัดการแบบโรงแรม 5 ดาวได้ถึง 14 วันต่อปีอีกด้วย
โครงการตั้งอยู่ภายในซอยนาจอมเทียน 18 ถ.สุขุมวิท ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นคอนโด Low Rise จำนวน 8 ชั้น 174 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท (เริ่มต้น ตรม.ละ 107,000 บาท) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ด้านหน้าโครงการติดชายหาดแบบเดินลงไปได้เลย
ล็อบบี้พร้อมด้วยลูกเล่นเส้นสายเลียนแบบธรรมชาติของโครงการ
Cushion Island ม่านน้ำตก
พื้นที่ Restaurant พร้อมที่นั่งเก๋ๆ
Reflective Pool บนดาดฟ้า
จากุซซี่ เทควิวทะเลเต็มตา
Infinity Edge Pool
พื้นที่สีเขียวบนชั้นดาดฟ้า
Sky Bar พร้อมมุมชมวิว
สำหรับแบบแปลนห้องนั้นจะมี 6 Type ด้วยกันค่ะ โดยทั้งหมดจะเป็นห้องแบบ Studio แบ่งเป็นห้อง Bay View (วิวชายหาดบางเสร่และหาดจอมเทียน) และ Bay Front ขนาดตั้งแต่ 30 ตร.ม. - 33 ตร.ม.
การลงทุนคอนโดแบบ Return Yield ปัจจัยสำคัญที่ต้องมองก่อนเป็นอันดับแรกก็คือเรื่อง "ทำเล" และ "แบรนด์โรงแรมที่เข้ามาบริหาร" หากทำเลไม่ดีต่อให้ราคาถูกแค่ไหน ก็อาจไม่มีผู้สนใจเช่า โดยเฉพาะคอนโดตากอากาศ ความต้องการของผู้เช่าหรือลูกค้าของเราคือการพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลหรือชมความร่มรื่นของภูเขา คอนโดยิ่งติดทะเลหรือมองวิวสวยๆ ของชายหาดได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น และด้วยประสบการณ์ของ "Best Western" แบรนด์โรงแรมชั้นนำจากอเมริกาที่เข้ามาการันตีผลตอบแทนให้เช่า และโดดเด่นด้วยทำเลแบบติดทะเลจริงๆ ของนาจอมเทียน บนที่ดินสวยๆ ที่แทบจะหาไม่ได้แล้วในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างพัทยา
สำหรับผู้ที่สนใจโครงการ "Best Western Premier BayPhere Pattaya" สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้เลยค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 061-840-0006 หรือ
www.bayphere.com