หนีงานไปดู "คอนโดใหม่" ให้แม่...พร้อมชมที่เที่ยว 5 ที่เด็ด แถวสุขุมวิท-ปากน้ำ

ได้ยินจากเพื่อนๆ มาว่าย่านสุขุมวิท-ปากน้ำ กำลังมีคอนโดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอดีคุณแม่มีญาติอยู่แถวนี้ท่านก็เลยอยากจะซื้อไว้อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ วันนี้โอกาสเหมาะขอหนีงานมาดูเผื่อจะซื้อให้แม่สักหน่อย ที่เล็งๆ ไว้ก็เป็นโครงการ "น็อตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา" (Notting Hill Sukhumvit - Praksa) ของค่ายออริจิ้น (ORIGIN) ที่เป็นหนึ่งในค่ายใหญ่มีการพัฒนาหลายโครงการแล้วในแถวนี้ ไหนๆ ก็มาแถวนี้แล้วขอถือโอกาสนี้ไปเที่ยวด้วยซะเลย เรามาดูกันเลยค่ะว่า Checkraka จะไปเที่ยวที่ไหนและคอนโดที่เล็งไว้นี้อยู่ตรงไหนกันแน่ ตามมาเลย...

หลังจากหาข้อมูลมาเบื้องต้นและคำนวณเวลาแล้วว่าเราน่าจะไปได้ประมาณ 5 ที่ พร้อมไปดูคอนโด Notting Hill Sukhumvit - Praksa ได้ด้วยค่ะ เริ่มจากที่ที่ใกล้กับเราที่สุดก่อนค่ะ คือพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณและทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ จากนั้นก็ไปแวะตลาดปากน้ำซื้ออาหารทะเล จากนั้นก็ไปฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ต่อด้วยเมืองโบราณ จากนั้นก็ไปกินปูดูนกที่สถานตากอากาศบางปูค่ะ และสุดท้ายเราก็ไปดูทำเลโครงการ น็อตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา 

หลายๆ คนที่อยู่ในละแวกนั้นอาจจะเคยเห็นช้างสามเศียรกันมาบ้างแล้ว หรือบางคนอาจจะแค่เคยผ่านแต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไป วันนี้เราจะพาไปชมกันค่ะว่าข้างในมีอะไรบ้าง 

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณสร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาของสะสม วัตถุโบราณ ฯลฯ ของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ โดยได้นำแนวคิดการสร้างมาจากชาวตะวันตกท่านหนึ่งที่คิดจะสร้างอาคารงำเมือง (สิ่งศักสิทธิ์คุ้มคองบ้านเมือง) เป็นรูปแอปเปิ้ลตามความเชื่อของชาวตะวันตก คุณเล็กจึงได้คิดสร้างอาคารรูปช้างที่เป็นสัญลักษณ์ของตะวันออกและประเทศไทยแทน

ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

จากทางเข้าให้เดินข้ามสะพานและตรงเข้ามาที่อาคารสำนักงานฝั่งขวามือ เข้าไปซื้อตั๋วได้เลย

ได้มาแล้ว ตั๋วสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ ราคา 200 บาท / เด็ก 100 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท / เด็ก 200 บาท พร้อมแล้วเข้าไปข้างในกันเล้ยยย

เข้ามาปุ๊บ เงยหน้าขึ้นไปมองที่ช้างเอราวัณอีกครั้ง ต้องต้องอู้หูออกมาเลยค่ะ ใหญ่มาก
ต้องมาสัมผัสความอลังการนี้ด้วยตัวเองจริงๆ

ตั๋วที่ได้มาอย่างเพิ่งขยำทิ้งนะคะ สามารถนำไปแลกพวงมาลัย ธูป 9 ดอก และดอกบัวสำหรับลอยน้ำได้ด้วย

บูชาองค์พระอินทร์และช้างเอราวัณกันค่ะ ชื่อเสียงเลื่องลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก หลายคนมาขอพร
ให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ช่วงวันหยุดจะเห็นคนมาแก้บนด้วยผลไม้เต็มพื้นที่เลยค่ะ

ไหว้เสร็จแล้วมาสามารถไปรับดอกบัวจากจุดเดิมที่ไปรับพวงมาลัย นำมาลอยได้

เสร็จจากด้านนอกแล้วเข้าไปด้านในอาคารกันเลย  เริ่มจากชั้นล่างสุดคือ "ชั้นสุวรรณภูมิ"
เป็นส่วนจัดแสดงโบราณวัตถุ  เทวรูป และเครื่องถ้วยชามสังคโลก

รูปปั้นหน้ายักษ์
1 ชั้นใช้เวลาไม่เยอะค่ะ เดินไปเรื่อยๆ ก็ครบรอบนึงแล้ว

ขึ้นมาข้างบนชั้นนี้เรียกว่า "ชั้นโลก " ที่ชั้นลอยประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมเก่าแก่ อายุกว่า 1,300 ปี
ภายในตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นประดับด้วยเครื่องเบญจรงค์จากฝีมือของช่างชาวเพชรบุรี สวยงามมากจริงๆ ค่ะ
ส่วนเพดานประดับกระจกสี ออกแบบเป็นลวดลายแผนที่โลกจากฝีมือช่างเยอรมัน 

โดยเพดานเปรียบได้กับหลังคาโลก โดยมีศาสนาเป็นเครื่องค้ำจุนโลกไว้ สังเกตได้จากแผ่นดีบุกดุนลายที่ประดับอยู่บนเสาทั้ง 4 ต้น แต่ละต้นจะเป็นเรื่องราวของศาสนาพุทธ คริสต์ ฮินดู และพุทธนิกายมหายาน

เดินมาจนสุดบันไดทั้งซ้ายและขวา (บันไดเงินและบันไดนาค) ก็จะเจอลิฟต์อยู่ตรงกลางและบันไดวน 66 ชั้นขึ้นไปด้านบนอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ถ้าขึ้นบันไดก็จะได้ชมจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพนางฟ้าด้วย เดี๋ยวเราจะแยกกันไปทั้ง 2 ทาง ฮ่าๆ 

ทั้ง 2 ทางจะมาบรรจบชั้นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ขึ้นบันไดไปอีกนิดก็จะเป็นชั้น "จักรวาล"

ขึ้นมาถึงชั้นจักรวาลแล้วค่ะ ชั้นนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา พระพุทธสิหิงค์ และพระพุทธรูปโบราณยุคต่างๆ 

ตรงกลางโถงมีพระพุทธบาทให้เราได้กราบไว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลด้วยค่ะ

ลงมาชั้นล่างแล้วก่อนกลับอย่าลืมแวะเข้าไปในสวนหิมพานต์นะคะ 

เผลอแปบเดียวเที่ยงแล้วทานข้าวเที่ยงที่หน้าพิพิธภัณฑ์เลยแล้วกัน...ผัดไทอร่อยมาก

จากพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณขับมาตามถนนสุขุมวิท เมื่อถึงสามแยกปากน้ำตรงมาถนนประโคนชัย จากนั้นเลี้ยวขวาเข้ามาสู่ถนนศรีสมุทรก็ถึงตลาดแล้วค่ะ "ตลาดปากน้ำ" หรือ "ตลาดวิบูลย์ศรี" ของขึ้นชื่อของที่นี่คืออาหารทะเล ตลาดเปิดตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงหกโมงเย็นเลย แต่ถ้าใครอยากได้ของดีก็ต้องมาตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืนเพราะของเพิ่งมาลง สามารถเลือกได้ก่อนใคร ที่สำคัญราคายังถูก มีตัวเลือกให้เลือกเยอะด้วยค่ะ นอกจากอาหารทะเลแล้วก็ยังมีผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ฯลฯ ไปเดินตลาดกันเลย   

ตรงนี้เป็นโซนขายอาหารสด ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลและผักสดค่ะ 

มีปลาหมึกมีให้เลือกหลายแบบ แม่ค้าน่ารักมากๆ เลยค่ะ บอกได้เลยว่าจะเอาไปทำอะไรเดี๋ยวแม่ค้าจะแนะนำให้

ปลาสลิดเนื้ออวบๆ 

ปูม้าโลละ 100 บาท อ่านไม่ผิดค่ะ 100 บาทเท่านั้น ถูกมากๆ

นอกจากของสดแล้วก็ยังมีของแห้งด้วย อาทิ ปลาหมึกแห้ง ปลาเค็ม ปลาแห้ง

สำหรับใครที่กลัวว่าถึงบ้านแล้วจะไม่สด ไม่ต้องกลัวค่ะ เราสามารถซื้อลังโฟมแช่น้ำแข็งได้

เดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึงท่าเรือข้ามฟากค่ะ (ท่าเรือวิบูลย์ศรี) 
จังหวัดสมุทรปราการจะถูกแบ่งด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา คนท้องถิ่นจะเรียกฝั่งที่เราอยู่นี้ว่า "ฝั่งเมืองปากน้ำ"
และอีกฝั่งคือ "ฝั่งพระสมุทรเจดีย์" (ฝั่งพระประแดง-สุขสวัสดิ์)

ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. เป็นแลนด์มาร์กหนึ่งที่มาแถวนี้แล้วพลาดไม่ได้เลยค่ะที่จะมาชมภาพในตำนานที่เราเห็นกันในทีวีที่คนเอาหัวเข้าไปในปากจระเข้ แอบกระซิบว่าที่นี่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเป็นทัวร์เยอะพอสมควร ทำให้สวนสัตว์ที่นี่คึกคักมาก พร้อมแล้วไปชมกันเลย

ถึงแล้วฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ

ก่อนเข้าไปซื้อตั๋วได้ข้างหน้าในราคา 80 บาทค่ะ 

ที่นี่ดังเรื่องโชว์จระเข้แต่ก็มีสัตว์อื่นๆ เยอะพอสมควรเลยนะคะ ประทับใจเสือเผือกน้อยอยู่ในกรงน่ารักมากๆ เลยค่ะ

ระหว่างทางเดินไปชมโชว์จระเข้แวะให้อาหารแกะกันหน่อย

มีเจ้าเสือให้ชมกันอย่างใกล้ชิด ชมได้ใกล้ๆ แบบนี้ก็อย่าเอามือไปแหย่นะคะ น้องเสืออาจหิวและงับนิ้วเราพอดี

เข้ามาดูโชว์กันค่ะ โชว์จะมีตั้งแต่  09.00-16.00 แสดงทุกๆ ชั่วโมง เว้นช่วงพักเที่ยงให้ครูฝึกได้ทานข้าวนะคะ
สำหรับวันหยุดจะเพิ่มรอบโชว์ 12.00 น. และ 17.00 น.

ครูฝึกอุ้มเจ้าจระเข้โชว์ แถมแซวผู้ชมด้วยว่าถ่ายเร็วๆ ครับ มันหนัก :)

โชว์หวาดเสียวเอาหัวเข้าไปในปากจระเข้

ภาพในตำนาน เราได้เห็นของจริงแล้ว ทั้งลุ้นทั้งกลัว เรียกได้ว่านักท่องเที่ยวที่เข้าชมต่างปรบมือให้ชุดใหญ่เลยค่ะ

โชว์จบอารมณ์ไม่จบ อยากทำแบบครูฝึกบ้าง

ด้านหลังของจุดแสดงโชว์ก็มีบ่อจระเข้ขนาดใหญ่ให้ชมกันด้วยค่ะ ในส่วนนี้ต้องเดินระมัดระวังกันหน่อย
ไม่ควรหยอกล้อกัน บ่อนี้เป็นบ่อเล็กค่ะ เป็นจุดที่ให้นักท่องเที่ยวให้อาหารกับจระเข้ในราคา 20 บาท

เที่ยวกันมา 3 ที่ แล้วตอนนี้ เวลา 4 โมงเย็น พวกเราเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองโบราณค่ะ จริงๆ แล้วค่าเข้าชมชาวไทยที่เข้าชมตั้งแต่เวลา  เวลา 09.00-16.00 น. ผู้ใหญ่ ท่านละ 350 บาท เด็ก ท่านละ 175 บาท หากนำรถยนต์ส่วนบุคคล/รถตู้ เข้าไป (ราคาไม่รวมคนขับ) คันละ 400 บาท (ราคานี้รวมรถราง จักรยาน และนั่งเรือแล้ว) แต่เราเข้าไปตอน 4 โมง ค่าเข้าชมลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือคนละ 175 บาท ส่วนวิธีการที่เราจะเข้าไปชมนั้นเราก็คิดอยู่พักนึง เพราะจะมีจักรยานให้ใช้ฟรีคนละ 1 คัน แต่ดูจากแผนที่แล้วไม่น่าจะปั่นได้ไกล ถ้าเอารถเข้าไปได้ค่านำรถเข้าไปก็ 200 บาท แต่ก็คงแวะแต่ละที่ได้ไม่สะดวก ดังนั้นเราจึงเลือกขับรถกอล์ฟกันค่ะ ราคา 2 ที่นั่งอยู่ที่ 150 บาท 

ย้อนยุคกันตั้งแต่ทางเข้าเลยทีเดียว

ซื้อบัตรเสร็จสรรพ ขับรถไปชมด้านในกันเลยจ้า

 ที่นี่จะมี Free Zone ในช่วงแรกๆ ด้วย ใครที่ผ่านเข้ามาแต่ไม่อยากเสียเงิน
ก็เข้ามาชมส่วนนี้ได้นะคะ

หอไตรกลางน้ำขนาดจำลอง

พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท

จำลองสถานที่ต่างๆ ได้เหมือนมากค่ะ แม้แต่รายละเอียดความเก่าแก่

หอพระแก้ว 

ชมไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคุ้นๆ ว่าเคยเป็นฉากสำหรับถ่ายทำละครย้อนยุคหลายๆ เรื่องเลยค่ะ

อนุสรณ์สถานกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท

สถาปัตยกรรมจีนกลางน้ำ ช่วงเย็นๆ ก่อนพระอาทิตย์ลับของฟ้าวิวสวยมากค่ะ

จำลองกระบวนพยุหยาตราชลมารค หากใครต้องการรับฟังรายละเอียดแต่ละสถานที่สามารถขึ้นรถรางตามรอบที่กำหนดและฟังจากวิทยาการได้ หรือถ้าใครเลือกจักรยานหรือรถกอล์ฟ สามารถขอเครื่องให้รายละเอียดจากตอนที่ซื้อบัตรได้เลยค่ะ

ครั้งนี้ขอพาชมเท่านี้ก่อน ตะวันใกล้จะตกดินแล้วเราต้องรีบไปสถานตากอากาศบางปูแล้วค่ะ
อ้อ! ขอแนะนำว่าให้พกแผนที่ที่เจ้าหน้าไว้ให้ตลอดนะคะ เมื่อเราขับชมเรื่อยๆ เราจะเพลินและจำทางกลับไม่ได้
ให้ดูจากแผนที่นั้นและสังเกตป้าย Exit ตามข้างทางด้วยค่ะ 

ขับรถจากเมืองโบราณประมาณ 10 นาทีก็ถึงสถานตากอากาศบางปูแล้วค่ะ ใกล้มากๆ  ที่นี่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2480 ตามดำริของจอมพล ป.พิบูลสงคราม มีการสร้างสะพานชื่อ "สะพานสุขตา" โดยสะพานนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของบางปู และในเวลาต่อมาก็มีการสร้างอาคารขึ้นมาบริเวณปลายสะพาน ในชื่อ "ศาลาสุขใจ" ที่ภายในจะมีร้านอาหารทะเลให้กับผู้ที่มาพักผ่อน นอกจากนั้นยังมีลานลีลาศ สำหรับกิจกรรมเต้นลีลาศของกลุ่มผู้สูงอายุ ในทุกๆ วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. อีกด้วย แต่ครั้งนี้เราไปวันธรรมดาไม่มีลีลาศนะคะ ไปชมบรรยากาศกันเลย

รีบไปดูนกก่อนที่ฟ้าจะมืดดีกว่า

ซุ้มทางเข้าสะพานสุขตา จุดชมทิวทัศน์

สะพานสุขตาทอดยาวลงไปหาดโคลน

ถ้าใครอยากให้นกเข้ามาหาใกล้ลองซื้ออาหารนกมาให้นกกินก็ได้นะคะ แต่อย่าลืมเก็บถุงทิ้งถังขยะด้วย
วิธีการให้อาหารคือโยนให้นกโฉบกินกลางอากาศ ไม่ควรยื่นให้นกมาจิกกินกับมือเพราะอาจได้รับบาดเจ็บได้

ช่วงเย็นๆ จะมีคนมาวิ่งออกกำลังกาย เต้นแอโรบิค และเข้ามารับลม ชมนกชมไม้กันเยอะเลยค่ะ

เรา 2 คน เหมือนจะกลัวนกมากกว่ามาดูนก 

นกที่มาอยู่บางปูนี้คือนกนางนวลค่ะ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ของทุกปี พวกมันจะอพยพหนีหนาวมาจากไซบีเรีย มองโกลเลีย ทิเบต และ จีน มาอยู่แถวบางปูเป็นจำนวนมาก
เพราะที่บางปูมีความอุดมสมบูรณ์ ปลอดภัย ทั้งอาหารธรรมชาติรวมถึงอาหารจากคนด้วย

ท้องเริ่มร้องแล้วไปทานอาหารเย็นที่นี่กันค่ะ "ศาลาสุขใจ"

โซนรับประทานอาหารจะมีทั้งฝั่งตะวันออก ตะวันตก ห้องปรับอากาศและแบบเปิดโล่ง
ซึ่งแบบรับลมเย็นๆ นี้จะขายดีกว่า เพราะได้ชมวิวไปด้วย

จบไปแล้วกับทริปลุยๆ 5 ที่ ใน 1 วัน กับเมืองปากน้ำสนุกมากๆ เลยค่ะ แถวนี้นอกจากจะได้อารมณ์ริมทะเลแล้ว 
ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือรถไฟฟ้ากำลังจะเปิดใช้บริการประมาณปี 2561 แล้วด้วย

สุดท้ายมาถึงไฮไลท์ที่เราอยากมาชมและตัดสินใจซื้อให้คุณแม่ก็คือโครงการ "น็อตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา" (Notting Hill Sukhumvit - Praksa) ค่ะ โครงการนี้กำลังจะเริ่ม pre-sale และยังไม่ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง แต่อยากจะมาดูทำเลเอาไว้ก่อน ไปชมกันค่ะ

โครงการตั้งอยู่ระหว่างซอยแพรกษา 26 และ 28 ห่างจาก BTS สถานีแพรกษาประมาณ 650 เมตร

ภาพปัจจุบันหน้าโครงการ (6 ม.ค. 59)

โครงการอยู่ติดถนนแพรกษา เข้ามาจากถนนสุขุมวิทเพียง 500 เมตร

อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตร โดยจะเปิดให้ใช้บริการประมาณปี 2561

โครงการตั้งอยู่ใกล้กับสถานีแพรกษา ซึ่งสามารถตรงเข้าเมืองได้เลย

ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัดสมุทรปราการและนิคมอุตสาหกรรมบางปู
หากต้องการจะไปเที่ยว ไปพักผ่อน หรือแม้แต่ไปทำงานก็สะดวก

นอกจากนี้เท่าที่สอบถามมาโครงการนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้มาอย่างครบครัน อาทิ Fitness, Pool Terrace, English Rooftop Garden with Notting Hill Binoculars View และยังมี Service Condo ครบ สะดวกสบายเหมือนบริการระดับโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการบริการทำความสะอาด ซักรีด อาหารเช้า ฯลฯ

ท่านใดที่ติดใจบางปูเหมือนกับเราหรืออยากอยู่ชานเมืองใช้ชีวิตชิลล์ๆ กับโครงการน็อตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ด้านล่างนี้ค่ะ

(คลิกเพื่อลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ)

สอบถามเพิ่มเติมโทร. 02-399-4466 หรือ www.nottinghill.origin.co.th