การแข่งขัน โมโตจีพี 2025 สนาม 7 รายการ บริติช กรังด์ปรีซ์ ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร และนับเป็นอีกครั้งที่ ยามาฮ่า เดินหน้ายกระดับความเร็วของรถแข่ง M1 โดยทัพนักบิดยามาฮ่า สร้างผลงานยอดเยี่ยมซ้อมวันแรก สามารถทะลุเข้าสู่รอบ Q2 ได้ถึง 3 คัน จากการรั้งรองจ่าฝูงของ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ขณะที่ แจ็ค มิลเลอร์ และ อเล็กซ์ รินส์ กอดคอคว้าอันดับ 3 และ 9 จากการซ้อมรอบตัดตัว มีลุ้นล่าอันดับกลุ่มหน้าจากการอัปเกรดเครื่องยนต์ ก็ได้รับการอัปเดตแอโรไดนามิกส์ส่วนหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ความพยายามของ ยามาฮ่า เห็นผลอย่างชัดเจนในการซ้อมรอบแบ่งกลุ่ม (PR) และสามารถผ่านเข้าสู่ Q2 ได้ถึง 3 คัน โดยผลปรากฏว่า ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลกโมโตจีพีปี 2021 จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี บิดคว้าอันดับ 2 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 57.342 วินาที ตามหลังจ่าฝูงเพียง 0.047 วินาทีเท่านั้น
ขณะที่ แจ็ค มิลเลอร์ นักบิดออสเตรเลียนจาก พรีมา พรามัค ยามาฮ่า โมโตจีพี จบวันแรกในอันดับ 3 ตามหลัง 0.347 วินาที ตามด้วย อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชจากทีมโรงงานในอันดับ 9 ตามหลัง 0.524 วินาที โดยมีเพียง มิเกล โอลิเวียร่า นักบิดโปรตุกีส จาก พรามัค ที่ต้องลุ้นใน Q1 หลังจบวันแรกในอันดับ 13 ตามจ่าฝูง 0.704 วินาที
ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร สร้างปรากฏการณ์ให้กับยามาฮ่าอีกครั้ง ด้วยการผงาดคว้าตำแหน่งโพล 3 สนามติดต่อกัน พร้อมกับทำลายสถิติในสนามแห่งนี้ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 57.233 วินาที ขณะที่ผลการแข่งขัน สปรินต์เรซ ปรากฏว่า กวาร์ตาราโร สามารถต่อสู้กับกลุ่มหน้าอย่างสุดมัน ก่อนบิดเข้าป้ายในอันดับ 7 ตามหลังผู้ชนะ 7.231 วินาที เก็บแต้มมาได้สำเร็จ
โดยมี แจ็ค มิลเลอร์ นักบิดออสเตรเลียนจาก พรีม่า พรามัค ยามาฮ่า โมโตจีพี ตามเข้าป้ายในอันดับ 9 ตามหลัง 9.923 วินาที ตามด้วยทีมเมทชาวโปรตุกีสอย่าง มิเกล โอลิเวียร่า ในอันดับ 16 ตามหลัง 19.213 วินาที ส่วน อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชจาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี คว้าอันดับ 20 ตามหลัง 26.919 วินาที
ทั้งนี้ การแข่งขันรอบ เมนเรซ ต้องออกตัวครั้งที่ 2 หลังมีเหตุธงแดง กวาร์ตาราโร ทะยานขึ้นนำและทิ้งห่างคู่แข่งออกไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเรซ และนี่คือโอกาสคว้าชัยชนะ กรังด์ปรีซ์ ครั้งแรกของ ยามาฮ่า ในรอบหลายปี ก่อนที่รถแข่งของนักบิดเฟรนช์จะมีปัญหากับระบบ Rear Ride High Device ขณะเป็นผู้นำ จนต้องออกจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย
กวาร์ตาราโร กล่าว่า “มันคือเรซที่น่าทึ่งสำหรับเรา แต่โชคร้ายที่ต้องเจอปัญหาทางเทคนิคกับระบบ Rear Ride High Device ผมคิดว่าการแข่งขันของเราไปได้สวยเลยละ ผมรู้ว่าต้องเค้นตรงไหน ต้องเบรกลึกตรงไหนเมื่อต้องคำนึงถึงลมในสนามระหว่างแข่ง ทุกอย่างอยู่ภายใต้ความควบคุมจนกระทั่งถึงรอบนั้น (ที่รถมีปัญหา) ผมคิดว่าเราสามารถพอใจกับงานที่ทำได้ในวันนี้ นี่คือรถแข่งที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เรากำลังทำได้ดี ผมหวังว่าเราจะทำมันได้อีกครั้ง แม้ผมจะผิดหวังแต่ก็ไม่ยอมแพ้”
สำหรับ พัฒนาการของรถแข่ง M1 จากการคว้าโพล 3 สนามติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าอย่างมากในแง่การค้นหาประสิทธิภาพ ก่อนที่ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไป จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายนนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน ในรายการ อารากอน กรังด์ปรีซ์