การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี สนามประเทศไทย ภายใต้ชื่อรายการ PT Grand Prix of Thailand 2024 ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ ขณะเกมการแข่งขันเข้มข้นระดับ 5 ดาว ท่ามกลางแฟนความเร็วตลอด 3 วัน มากถึง 205,343 คน ส่วนผลการแข่งขันในรุ่นใหญ่ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า แชมป์โลก 2 สมัยชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เข้าวินพร้อมตีตื้น ฮอร์เก มาร์ติน คู่แข่งชาวสแปนิชจาก พรามัค เรซซิ่ง เหลือ 17 คะแนน ขณะ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา ฮีโร่นักบิดชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างผลงานสุดประทับใจ สตาร์ตกริด 13 แซงคว้าท็อป 4 ในรุ่น โมโตทู ส่วน ไอ โอกูระ นักบิดญี่ปุ่นได้ฉลองแชมป์อย่างยิ่งใหญ่กับแฟนชาวไทยที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
โดยการแข่งขันเริ่มต้นเปิดฉากวันแรกบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก นักบิดทยอยเข้าสู่สนามตั้งแต่ช่วงเช้าวันศุกร์เพื่อเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการ ก่อนเข้าสู่รอบควอลิฟายต่อไปในช่วงเช้าวันเสาร์และชิงชัยในรอบสปรินต์เรซ สุดสัปดาห์นี้จะจบลงด้วยแข่งขันรอบเมนเรซในวันอาทิตย์ ด้านแฟนคลับโมโตจีพีทั้งไทยและต่างชาติ เริ่มทยอยเข้ามายังสนามแข่งขันตั้งแต่เช้าวันของศุกร์ที่เข้าสู่โปรแกรมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
บรรยากาศ PT Grand Prix of Thailand 2024 สุดคึกคักด้วยขบวน ชัตเทิ่ล แต๋น นับร้อยคัน อีกหนึ่งความภูมิใจของ ฅนบุรีรัมย์ ที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยแฟนคลับที่เดินทางมาถึงก่อน ได้พบกับการเซอร์วิสแฟนๆของเหล่าซูเปอร์สตาร์นักบิดที่เป็นกันเอง ทั้งการถ่ายภาพ แจกลายเซ็น การรับมอบของที่ระลึกจากแฟนๆ ในอิริยาบถสบายๆ หลัง Paddock ก่อนเข้าสู่โปรแกรมแข่งขันที่เข้มข้น
ส่วนซูเปอร์ตาร์ 4 ขาแก้มอมชมพู
หมูเด้ง ก็อาละวาดทั่วพิตนักบิด โดยทีมโมโตจีพีได้นำเสื้อ
ThaiGP x MOODENG แจกจ่ายให้นักบิดได้สวมใส่ ซึ่งเสื้อนี้จะเป็น Limited Edition
สำหรับแฟนโมโตจีพีสนามประเทศไทย เพียง 20 ตัว ในโลก โดยจะสุ่มผู้โชคดีจากเลขหลังบัตรในระบบ Allticket (จะมีการประกาศผลวันที่ 4 พ.ย. 67 ทางเพจ Chang Circuit Buriram โดยมอบสิทธิ์เด้งที่ 2 ในการนำบัตรชม MotoGP ไปเป็นส่วนลด 50% เยี่ยมบ้านที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว หมดเขตวันที่ 30 พ.ย. 67)
ในรอบซ้อมทัพนักบิดลงสนามต่อหน้าแฟนๆ โดยทัพนักบิดทุกรุ่นพร้อมทุบสถิติสนามช้างฯ โดยการซ้อมในมีความหมายอย่างยิ่งต่อการตัดตัวท็อป 10 เพื่อแบ่งกลุ่มการควอลิฟายในรอบ Q1 และ Q2 โดยผลปรากฏว่า
มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัย จาก เกรซินี เรซซิ่ง ทะยานรั้งจ่าฝูงวันแรก หลังทุบสถิติสนามช้างฯ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.165 วินาที เหนือ ฮอร์เก มาร์ติน จาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง อันดับ 2 เพียง 0.110 วินาทีเท่านั้น แถมยังทำความเร็วทางตรงได้ถึง 338.5 กม./ชม. ส่วนอันดับ 3 เป็นของ เอเนีย บาสเตียนินี จาก ดูคาติ เลอโนโว ทีม ตามหลัง 0.162 วินาที ด้านแชมป์โลกคนปัจจุบัน ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า รั้งอันดับ 4 ตามหลัง 0.195 วินาที ตามด้วย มาเวริค บีญาเลส จาก อพริเลีย เรซซิ่ง ตามหลัง 0.341 วินาที นอกจากนี้ยังมีผลงานที่น่าสนใจของ โยฮันน์ ซาร์โก จาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า ที่สามารถผ่านเข้าสู่ Q2 ได้ด้วยอันดับ 10 ตามหลังจ่าฝูง 0.517 วินาที
ขณะที่รุ่นโมโตทู แอรอน คาเน็ต จาก ฟานติค เรซซิ่ง สร้างสถิติใหม่ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 35.192 วินาที เหนือ โทนี อาร์โบลิโน จาก มาร์ค วีดีเอส เรซซิ่ง อันดับ 2 อยู่ 0.218 วินาที ตามด้วย มาร์กอส รามิเรซ จาก อเมริกันส์ เรซซิ่ง ตามหลัง 0.250 วินาที ด้าน ไอ โอกูระ จาก เอ็มที เฮลเม็ต - เอ็มเอสไอ ผู้นำบนตารางแชมเปียนชิพ จบวันแรกด้วยอันดับ 6 ตามจ่าฝูง 0.452 วินาที สำหรับสถานการณ์ของนักบิดขวัญใจชาวไทยอย่าง ก้อง-สมเกียรติ จันทรา จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ผ่านความฟิตได้รับอนุญาตจากแพทย์สนามให้ลงแข่งขันได้ ถึงแม้จะยังไม่ฟิตเต็มร้อยแต่ก็สามารถประคองทำผลงานได้ในวันแรก รั้งอันดับ 14 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 35.916 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.724 วินาที
สำหรับรุ่นโมโตทรี ปรากฏว่า ดาวิด อลอนโซ แชมป์โลกจาก ซีเอฟ โมโต กาวิโอต้า อัสพาร์ ทีม รั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.703 วินาที โดยเจ้าตัวก็ได้ทุบสถิติสนามไปเรียบร้อยในช่วงเช้าด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.544 วินาที ขณะที่ ก๊องส์-ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งชาวไทยจาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย จบวันแรกในอันดับ 24 ด้วยเวลา 1 นาที 42.315 วินาที ตามหลังหัวแถว 1.612 วินาที
ฝ่ายจัดการแข่งขันเผยข้อมูล ภาพรวมการแข่งขันในวันแรกซึ่งเป็นรอบซ้อมว่า เหล่านักบิดสามารถทำลายสถิติสนามฯ ในทุกรุ่น เรียกว่า โชว์ความเร็วและแรง ต่อหน้าแฟนมอเตอร์สปอร์ตที่ยกทัพเข้ามาชมเนืองแน่น โดยสนามประเทศไทยได้ถูกเผยแพร่ภาพและเรื่องราวผ่านสื่อมวลชนทั่วโลก
ทั้งบรรยากาศการแข่งขันในสนาม การจัดเตรียมการต้อนรับที่พร้อมสมบูรณ์ ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึกดื่นเปรียบเสมือน เฟสติวัล ขนาดใหญ่ที่ครบวงจร ถูกใจแฟนโมโตจีพีทั่วโลก ทั้งคอนเสิร์ต, มวยและ PT Grand Prix Expo ที่มีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกช้อป ชิม
รวมถึงพาวิลเลียนขนาดยักษ์ของแบรนด์สินค้าและหน่วยงานราชการให้ร่วมสนุกร่วมชมมากมาย อาทิ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด, น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง, ฮอนด้า, ยามาฮ่า, โตโยต้า, ดูคาติ , กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ฯลฯ พิเศษสุดสำหรับในปีนี้ ยังมี ไทไทย พาวิลเลียน ที่นำเสนอแนวคิด รากฐานภูมิปัญญาภายใต้แนวคิดใหม่ สวยงามอลังการน่าเยี่ยมชมอย่างมาก
กลับมาที่เกมการแข่งขัน สปรินต์เรซ ตำแหน่ง โพล ในเรซนี้หลังผ่านการควอลิฟายตกเป็นของ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า โดยมีทีมเมทอย่าง เอเนีย บาสเตียนินี ขนาบข้างในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ฮอร์เก มาร์ติน ขณะที่ มาร์ค มาร์เกซ พลาดล้มในรอบควอลิฟาย ได้ออกตัวจากกริดที่ 5
เริ่มเกมรอบ สปรินต์เรซ ดวลกันทั้งสิ้น 13 รอบสนาม ทันทีที่เปิดเกมมาก็มีจุดเปลี่ยนตั้งแต่โค้งแรก เมื่อ ฮอร์เก มาร์ติน และ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า พลาดเสียตำแหน่ง ส่งผลให้ เอเนีย บาสเตียนินี ขยับขึ้นมาเป็นจ่าฝูงได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าตัวจะหนีออกไปและบิดเข้าป้ายเป็นอันดับ 1 คว้าชัยชนะไปครองอย่างสุดมันส์ ด้วยเวลา 19 นาที 31.131 วินาที ถึงแม้ ฮอร์เก มาร์ติน จะตกไปถึงอันดับ 5 ในรอบแรก แต่ก็ไล่แซงอย่างดุเดือดขึ้นมาคว้าอันดับ 2 ตามหลังผู้ชนะ 1.357 วินาที ตามด้วย ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า ในอันดับ 3 ตามหลัง 2.372 วินาที ส่วน มาร์ค มาร์เกซ บิดเข้าป้ายในอันดับ 4 ตามหลัง 5.402 วินาที ตามด้วยน้องชายอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ ในอันดับ 5 ตามหลัง 10.140 วินาที
จบการแข่งขันรอบ สปรินต์เรซ ตารางคะแนนสะสมเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดย ฮอร์เก มาร์ติน ยังรั้งจ่าฝูงมีทั้งสิ้น 424 คะแนน หนี ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า อันดับ 2 ออกไปเป็น 22 คะแนน ส่งผลให้การลุ้นแชมป์โลกยังคงเข้มข้นในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้
ด้านสถานการณ์ในรุ่นโมโตทูที่มีการควอลิฟาย ปรากฏว่า ไอ โอกูระ จ่าฝูงบนแชมเปี้ยนชิพ สร้างโอกาสคว้าแชมป์โลกในเมืองไทย โดยคว้าโพลไปครองด้วยเวลา 1 นาที 34.728 วินาที เฉือน แอรอน คาเน็ต” เพียง 0.051 วินาที ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ดิโอโก โมเรร่า ดาวรุ่งชาวบราซิเลียนจาก อิตัลทรานส์ เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.074 วินาที
ส่วน ก้อง-สมเกียรติ จันทรา จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ฝืนอาการบาดเจ็บบิดคว้ากริดที่ 13 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 35.189 วินาที ตามหลังหัวแถว 0.461 วินาทีเท่านั้น โดยทางทีมต้องโยกเบรกหลังมาไว้ที่แฮนด์ฝั่งซ้าย แทนที่ของเดิม ซึ่งปกติจะอยู่ที่เท้าขวา เพื่อให้สามารถใช้เบรกหลังได้ โดยไม่กระทบกับอาการบาดเจ็บ
ส่วนรุ่นเล็กอย่างโมโตทรี ปรากฏว่าตำแหน่งโพลตกเป็นของ โจล เคลโซ จาก โบเอ มอเตอร์สปอร์ต ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.603 วินาที เฉือน คอลลิน วายเยอร์ จาก ลิควิ โมลี ฮัสควาน่า อินแท็ค จีพี อันดับ 2 เพียง 0.073 วินาทีเท่านั้น ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ อังเกล ปิเกราส จาก เลพเพิร์ด เรซซิ่ง ตามหลัง 0.124 วินาที ขณะที่ ก๊องส์-ธัชกร บัวศรี ได้ออกตัวจากกริดที่ 25 ด้วยเวลา 1 นาที 42.547 วินาที
ภายในงานนี้ยังมีกิจกรรม Pit Lane Walk ที่จะมี อัมเบรล่า เกิร์ล สาวสาวยที่กางร่มให้กับนักบิดระดับซูเปอร์สตาร์ของโลก คอยต้อนรับแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตทุกท่าน นอกจากนี้ยังมีพาวิลเลียน, บูธกิจกรรมต่างๆโดยรอบงานในโซน PT Grand Prix Expo” ที่มีกิจกรรมจากร้านค้าจากผู้สนับสนุนให้ร่วมสนุกมากมาย เลือกช็อปสินค้าราคาพิเศษ ของที่ระลึกโมโตจีพี สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับมอเตอร์ไซค์, สินค้าของตกแต่ง, สินค้ามอเตอร์สปอร์ต ,พิเศษสุดกับไทไทย พาวิลเลียน ที่ผสานการเรียนรู้เรื่องราวรากเหง้าวัฒนธรรรม รูปแบบใหม่, กิจกรรมที่น่าสนใจจากภาครัฐและเอกชน, Meet & Greet นักบิดระดับโลกจากค่ายรถจักรยานยนต์ต่างๆ เร้าใจทุกจุด จัดเต็มเพื่อแฟนโมโตจีพีโดยเฉพาะ
การแข่งขัน PT Grand Prix of Thailand 2024 เข้าสู่เมนเรซ ท่ามกลางแฟนความเร็วตลอด 3 วันมากถึง 205,343 คน ไฮไลต์อยู่ที่การขับเคี่ยวเพื่อลุ้นแชมป์โลกพรีเมียร์คลาส โดยก่อนแข่ง ฮอร์เก มาร์ติน มีคะแนนนำ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า อยู่ทั้งสิ้น 22 คะแนน แต่ดันมีฝนตกลงมาส่งผลให้ต้องประกาศเป็น Wet Race แข่งขันท่ามกลางผิวแทร็กเปียก ชิงชัยทั้งสิ้น 26 รอบสนาม
กริดสตาร์ตในเรซนี้ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า ขนาบข้างด้วยทีมเมท เอเนีย บาสเตียนินี ในกริดที่ 2 ที่เพิ่งคว้าชัยชนะในรอบสปรินต์เรซ ส่วน ฮอร์เก มาร์ติน เริ่มเกมจากกริดที่ 3 ในแถวหน้าเช่นกัน อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญคือ มาร์ค มาร์เกซ ที่ออกสตาร์ตในกริดที่ 5
เริ่มเกมเป็น ฮอร์เก มาร์ติน ที่ออกนำได้ก่อนหลังผ่านโค้งแรก ตามด้วย มาร์ค มาร์เกซ และ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า ที่แม้จะพลาดในช่วงออกตัวแต่ก็สามารถกลับสู่ความเร็วที่ดีได้ ก่อนจะขยับขึ้นเป็นหัวแถวได้ในรอบที่ 4 และปิดจ็อบคว้าชัยชนะไปครองได้สำเร็จด้วยเวลา 43 นาที 38.108 วินาที เหนือ ฮอร์เก มาร์ติน ในอันดับ 2 อยู่ 2.905 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ เปโดร อคอสต้า นักบิดสแปนิชจาก เรดบูล แกสแกส เทคทรี ที่มาไล่แซงช่วงท้ายอย่างสุดมันส์ ตามหลัง 3.8 วินาที
ขณะที่อันดับ 4 และ 5 ตกเป็นของ ฟาบิโอ ดิ จิอันนันโตนิโอ จาก เปอร์ตามิน่า เอ็นดูโร วีอาร์46 ตามด้วย แจ็ค มิลเลอร์ จาก เรดบูล เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี เรซซิ่ง ในอันดับ 5 ด้าน มาร์ค มาร์เกซ หลังจากที่พลาดล้มที่โค้ง 8 นำรถเข้าเส้นชัยในอันดับ 11 ทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์โลกของรุ่นใหญ่ ยังคงดำเนินอย่างเข้มข้น โดยชัยชนะของ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า ทำให้สามารถบีบระยะเข้าเหลือเพียง 17 คะแนน โดยคะแนนสะสมฮยู่ที่ 436 คะแนนตามหลังผู้นำที่มีคะแนนอยู่ที่ 453 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันทั้งสิ้น 2 กรังด์ปรีซ์ และ 2 สปรินต์
ด้านผลการแข่งขันในรุ่นโมโตทู เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่แฟนชาวไทยได้ลุ้นอย่างหนัก เมื่อ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา สร้างผลงานสุดประทับใจ ด้วยการออกตัวจากกริดที่ 13 ไล่แซงคว้าอันดับ 4 หลังมีธงแถงช่วง 2 รอบสุดท้าย หลังจากที่มีฝนตกลงมา
ส่วนผู้ชนะได้แก่ แอรอน คาเน็ต ด้วยเวลา 32 นาที 2.751 วินาที ตามด้วย ไอ โอกูระ ในอันดับ 2 ตามหลัง 3.684 วินาที เพียงพอให้เขาคว้าแชมป์โลก โมโตทู ในฤดูกาลนี้ไปครอง ได้ฉลองอย่างยิ่งใหญ่กับแฟนชาวไทยที่ บุรีรัมย์ ขณะที่อันดับ 3 เรซนี้ ได้แก่ มาร์กอส รามิเรซ จาก อเมริกันส์ เรซซิ่ง ตามหลัง 4.683 วินาที
ปิดท้ายกันที่ผลการแข่งขันในรุ่นเล็กอย่างโมโตทรี ต้องมาตัดสินกันถึงโค้งสุดท้าย ชัยชนะตกเป็นของ ดาวิด อลอนโซ ด้วยเวลา 20 นาที 29.345 วินาที เฉือน ลูก้า ลูเน็ตต้า จาก ซิค58 สควอดร้า คอร์เซ อันดับ 2 เพียง 0.353 วินาที ตามด้วย คอลลิน วายเยอร์ ที่ตามหลัง 0.522 วินาที ส่วน ก๊องส์-ธัชกร บัวศรี สร้างฟอร์มเยี่ยมในดฮมเรซด้วยการสตาร์ตจากกริดที่ 25 บิดคว้าอันดับ 17 ตามหลังผู้ชนะ 17.262 วินาที
สำหรับ PT Grand Prix of Thailand 2024 ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับความสนใจจากแฟนความเร็วทั่วโลก ด้วยยอดผู้ชมในสนามตลอดทั้งสุดสัปดาห์มากถึง 205,343 คน โดยฤดูกาลหน้า สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ได้รับการยืนยันให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันสนามแรกของปี ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2025 รวมถึงการเป็นสนามทดสอบ พรี-ซีซั่น เทสต์ ในวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย