การแข่งขันในสนามที่ 14 ของ MotoGP 2023 ในรายการ Motul Grand Prix Of Japan ที่สนาม Mobility Resort Motegi เป็นสนามที่ต้องตัดจบก่อนเวลาอันควรเนื่องมาจากโดนฝนเทกระหน่ำหลังแข่งไปได้ครึ่งทางจนฝ่ายจัดการแข่งขันต้องประกาศตัดจบไปในที่สุด แต่ก็ทำให้การต่อสู้ในอันดับคะแนนสะสมดูจะเข้มข้นขึ้นไปอีกเพราะ Jorge Martin จาก Prima Pramac Race คว้าชัยเหนือ Francesco Bagnaia จาก Ducati Lenovo Team ในขณะที่ Marc Marquez จาก Repsol Honda Team ก็กลับมาขึ้นโพเดี้ยม MotoGP ครั้งที่ 101 ของเจ้าตัวได้สำเร็จ
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยรอบ Tissot Sprint Race โดย Martin สามารถขึ้นนำจากการออกตัวที่ยอดเยี่ยมทำให้มีโอกาสที่จะโค้งที่ 1 ได้ แต่ก็มี Jack Miller และ Brad Binder จาก Red Bull KTM Factory Racing ที่แซง Bagnaia มาได้ โดย Binder ก็แซง Miller ขึ้นมาเป็นที่ 2 จากนั้้น Martin ก็เริ่มสร้างช่องว่างด้วยการนำห่าง 0.338 วินาที จาก Binder และที่สำคัญก็คือระยะห่างจาก Bagnaia ถึง 1.7 วินาที ที่ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่ 4 ด้าน Binder ถึงแม้จะพยายามไล่ตาม Martin แต่ก็ไม่อาจสู้จังหวะการขับขี่ของ The Martinator ได้
เมื่อถึงครึ่งทางของการแข่งขัน ดูเหมือนว่า Binder จะทำความเร็วได้ลดลงเนื่องจากสภาพยางใกล้ถึงขีดจำกัดเขาจึงพยายามรักษาเรซของตัวเองไปจนถึงเส้นชัย โดยถูก Martin ทิ้งห่างออกไปถึง 1.3 วินาที ส่วนการแย่งชิงอันดับที่ 3 เป็นการต่อสู้กันของ Bagnaia และ Miller แต่ผลสุดท้ายก็เป็น Bagnaia ที่โชว์ฟอร์มแชมป์โลกจนสามารถแย่งชิงอันดับ 3 มาได้สำเร็จในโค้งที่ 11
เมื่อเข้าสู่รอบสุดท้าย Martin ก็คว้าชัยใน Tissot Sprint Race ด้วยผลงานที่โดดเด่น และที่สำคัญ ยังทำให้ช่องว่างของคะแนนสะสมระหว่างเจ้าตัวกับ Bagnaia ลดลงจาก 13 แต้ม มาเหลือเพียง 8 แต้มเท่านั้น โดยที่ 2 เป็นของ Binder และ ที่ 3 ก็เป็น Bagnaia
ผลการแข่งขัน Sprint Race
ผลการแข่งขัน Sprint Race ในกลุ่มทีมอิสระ
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงการแข่งขันหลักของ Motul Grand Prix Of Japan โดยก่อนเริ่มการแข่งขันก็เริ่มจะมีเค้าลางของฝนทำให้ทีมงานและนักแข่งต้องเผชิญกับปัญหาในการเลือกยางเนื่องจากสภาวะอากาศที่ไม่แน่นอน ในขณะที่ผู้ชมก็เริ่มทยอยหยิบเสื้อกันฝนมาเตรียมพร้อม และเริ่มมีเม็ดฝนปรอยลงมาในจังหวะก่อนสตาร์ท ทันที่ไฟสตาร์ทดับลงการแข่งขันก็เริ่มขึ้น!
โดย Martin ออกสตาร์ทได้ดีจากตำแหน่งโพลและคว้าโฮลช็อต ในขณะที่ Miller ก็ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ด้านกลับกัน Bagnaia ดันออกสตาร์ทได้ไม่ดีเท่าที่ควรทำให้หล่นไปอยู่อันดับที่ 4 และในโค้งที่ 1 ก็เกิดดราม่าขึ้นเมื่อ Marco Bezzecchi จาก Mooney VR46 Racing Team เกิดไปกระแทก Maverick Viñales จาก Aprilia Racing ส่งผลต่อเนื่องไปถึง Johann Zarco จาก Prima Pramac Racing ทำให้ Viñales และ Zarco ออกนอกสนาม และ Viñales ก็ลงเอยบนพื้นกรวดหลังแต่ทั้งคู่ก็สามารถกลับเข้าร่วมการแข่งขันได้
เนื่องจากสภาพฝนที่หนักมากขึ้น Pit Lane จึงถูกเปิดทันทีเพื่อให้นักแข่งได้เข้ามาสลับรถ ซึ่งนักแข่งส่วนใหญ่ก็เลือกเข้ามาเปลี่ยนรถ แต่ก็มีนักแข่ง 5 คน เลือกที่จะวิ่งต่อ ซึ่งประกอบด้วย Fabio Quartararo และ Franco Morbidelli จาก Moneter Energy Yamaha MotoGP, Cal Crutchlow จาก Yamalube RS4GP Racing Team, Stefan Bradl จาก LCR Honda Castrol และ Michele Pirro จาก Ducati Lenovo Team
โดย Pirro ที่ขึ้นนำ ส่วนกลุ่ที่เข้าไปเปลี่ยนรถก็เป็น Martin ที่นำกลุ่มออกสู่สนาม โดยมี Aleix Espargaro จาก Aprilia Racing, M.Marquez, Bagnaia แต่ด้วยสภาพฝนที่หนักเกินกว่าจะสู้ไหว Quartararo และ Crutchlow ก็ได้เข้าไปเปลี่ยนรถ หลังจากนั้นการแข่งขันก็ดำเนินต่อไป
หลังจากผ่านไป 9 รอบ ดูเหมือนว่าการแข่งขันจะเริ่มสงบลง โดย Martin ขึ้นนำ Bagnaia อยู่วินาทีเดียว ส่วน M.Marquez ที่แซงผ่าน Bezzecchi ขึ้นมารั้งอันดับที่ 3 จากนั้นสภาพฝนก็แย่ลงจนธงแดงโบกสะบัด ทำให้นักแข่งทั้งหมดต้องกลับมาที่ Pit Lane ด้าน Zarco ที่พลาดไปครู่หนึ่งก่อนธงแดงทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน หลังจากนั้น กรรมการก็ให้มีการรีสตาร์ทแต่ก็ดูเหมือนว่าสภาพสนามจะไม่พร้อมจนต้องตีธงแดงอีกรอบและประกาศผลการแข่งขันไปในที่สุด
หลังจบการแข่งขันกลายเป็น Martin ที่คว้าชัยชนะ ทำให้คะแนนสะสมของเขาห่างจาก Bagnaia อยู่เพียง 3 แต้มเท่านั้น ก่อนที่การแข่งขันสนามต่อไปจะจัดขึ้นที่อินโดนีเซีย ในรายการ Pertamina Grand Prix ที่สนาม Mandalika เรามีเวลาสองสัปดาห์ก่อนที่การแข่งขัน Pertamina Grand Prix of Indonesia ที่สนาม Pertamina Mandalika International Circuit จะเริ่มขึ้น
ผลการแข่งขัน
ผลการแข่งขันในกลุ่มทีมอิสระ
ผลงานนักแข่งไทยที่ลงทำการแข่งขันใน Moto2
ด้านนักแข่งไทยใน Moto2 อย่าง ก้อง-สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทยจากโครงการ Honda Race To The Dream เจ้าของหมายเลข 35 จาก IDEMITSU Honda Team Asia เผยความพร้อมเต็มร้อยก่อนลุยศึก Moto2 เพราะเป็นสนามที่ชื่นชอบ หลังบินกลับบ้านเกิดในเมืองไทยเติมพลังใจอย่างเต็มเปี่ยม
สมเกียรติ กล่าวว่า "ผมมีความสุขมากเพราะเรซนี้มาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากฝันร้ายที่ อินเดีย ผมเดินทางกลับบ้านที่เมืองไทย 2 วัน พยายามพักและเติมพลังใจ ตอนนี้ความรู้สึกของผมดีขึ้น และรู้สึกว่าต้องเดินหน้าต่อในเรซนี้ ในสนามที่ผมรู้จักดีและชอบมากๆ"
ซึ่ง ก้อง-สมเกียรติ สร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยการกดเวลารั้งจ่าฝูงได้ตลอดการซ้อมทั้ง 3 ครั้ง ก่อนจะคว้าโพล ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 49.898 วินาที ทุบสถิติเดิมของสนามขณะที่ทีมเมทชาวญี่ปุ่นได้ออกตัวจากกริดที่ 2 ตามหลัง 0.120 วินาที
พอช่วงการแข่งขัน ก้อง-สมเกียรติ ชิงจังหวะออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยม ขยับขึ้นเป็นผู้นำได้ตั้งแต่โค้งแรกของการแข่งขัน จากนั้นสามารถยืดระยะห่างจากอันดับ 2 ออกไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสร้างสถิติ Best Race Lap ขึ้นใหม่ ก่อนที่จะรักษาความเร็วได้อย่างยอดเยี่ยม นำม้วนเดียวจบ 19 รอบสนาม คว้าชัยชนะครั้งที่ 2 ของเจ้าตัวได้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยเวลารวม 35 นาที 19.273 วินาที เหนือทีมเมทชาวญี่ปุ่นที่ตามมาในอันดับสอง 1.353 วินาที พาต้นสังกัดคว้าชัยแบบ วัน-ทู เป็นครั้งแรกของปีนี้
ก้อง-สมเกียรติ สร้างประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยได้อีกครั้ง พร้อมขยับอันดับโลกขึ้นรั้งอันดับ 6 บนตารางคะแนนสะสม หลังผ่านไป 14 สนาม เก็บไปทั้งสิ้น 114 คะแนน พร้อมกับพา IDEMITSU Honda Team Asia ขยับขึ้นมารั้งท็อป 3 บนตารางคะแนนสะสมประเภททีม มีทั้งสิ้น 209 คะแนน
นอกจากนี้ ก้อง-สมเกียรติ ยังทุบทุกสถิติที่เคยทำไว้ในรุ่น Moto2 ของการแข่งขันที่สนามนี้ ด้วยการสร้างสถิติ All Time Lap Record ด้วยเวลา 1 นาที 49.898 วินาที และ สร้างสถิติ Best Race Lap ด้วยเวลา 1 นาที 50.679 วินาที และยังถือเป็นการคว้าแกรนด์สแลมได้อีกด้วย ถือเป็น เพอร์เฟ็คต์ วีคเอนด์ ของเจ้าตัว
สำหรับการแข่งขันสนามถัดไปจะเกิดขึ้นที่อินโดนีเซีย แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เ