Bagnaia พลิกกลับมาเอาชนะได้ ส่วน Binder หลุดโพเดี้ยมเพราะหลุด Track limits ก่อนเข้าเส้นชัยใน DutchGP

การแข่งขันในสนามที่ 8 ในรายการ Motul TT Assen หรือ DutchGP โดย Francesco Bagnaia จาก Ducati Lenovo Team คว้าชัยชนะอีกครั้งเพื่อตำแหน่งแชมป์ในปี 2023 โดยแซงหน้า Marco Bezzecchi จาก Mooney VR46 Racing Team ซึ่งเป็นผู้ชนะ Tissot Sprint Race ส่วน Brad Binder จาก Red Bull KTM Factory Racing เข้าเส้นชัยในอันดับที่  3 อีกครั้ง แต่ถูกปรับลดอันดับเนื่องจากเกินขีดจำกัดของสนา เลยเป็นส้มหล่นให้กับ Aleix Espargaro จาก Aprilia Racing 

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วย Tissot Sprint Race ทันทีที่ไฟดับลง Bagnaia ก็อาศัยจังหวะออกตัวที่ดีแซงผ่าน Bezzecchi ในโค้งแรก ด้าน Binder ตามมาเป็นที่ 3 แล้วก็พยายามหาทางที่จะผ่าน Bezzecchi ไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ในรอบถัดมาก็ Bezzecchi ก็เบียดแซง Binder และใช้เวลาไม่นานนักที่จะเข้าใกล้ตำแหน่งผู้นำของ Bagnaia โดยมี Quartararo ตามมาเป็นอันดับที่ 4 โดย

จากนั้น Bezzecchi ก็สามารถแซง Bagnaia และทำความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงเส้ยชัย ทำให้อันดับ 1 เป็นของ Bezzecchi ส่วน อันดับ 2 ตกเป็นของ Bagnaia และอันดับ 3 กลายเป็น Fabio Quartararo จาก Monster Energy Yamaha MotoGP ที่ได้ขึ้นโพเดี้ยมเนื่องจาก Binder โดนบทลงโทษจากการหลุด Track limits ทำให้ถูกลงโทษ 3 วินาที ทำให้ตำแหน่งตกไปถึงอันดับที่ 5 ตามหลัง Aleix Espargaro จาก Aprilia Racing

จากผลการแข่งขัน Tissot Sprint Race ทำให้ตารางคะแนนยังคงมีโอกาสพลิกผันเพราะ Bezzecchi สามารถคว้าชัยชนะเพื่อเข้าใกล้คู่แข่งอย่าง Bagnaia และ Jorge Martin จาก Prima Pramac Racing 

 

ก่อนการแข่งขันในเรซหลัก Marc Marquez จาก Repsol Honda Team ก็ได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากการแข่งขันในรายการนี้ ด้วยเหตุผลด้านอาการบาดเจ็บ (กระดูกซี่โครงหัก) ต่อเนื่องมาจากสนามที่แล้ว

โดย Marc Marquez ได้กล่าวถึงเอาไว้ว่า "มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของคุณ" นอกจากนี้ในช่วง Q1 Marc Marquez ก็ได้ชนเข้ากับรถของ Enea Bastianini จาก Ducati Lenovo Team ในโค้งที่ 4 เลยทำให้เจ้าตัวมีอาการเจ็บซี่โครงมากขึ้น และได้ออกมาประกาศเรื่องนี้ในที่สุด 

การแข่งขันในเรซหลักเริ่มต้นขึ้นทันทีที่ไฟสตาร์ทดับลง โดยในสนามนี้เป็นสนามนึงที่ใครๆ ก็ต้องการคว้าคะแนนเก็บให้ได้ก่อนช่วงหยุดฤดูร้อน ความกดดันจึงเกิดขึ้นกับนักบิดสามคนที่ต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่ง นั่นคือ Bagnaia, Bezzecchi และ Martin แต่ทันที่ที่การสตาร์ทเริ่มขึ้นเป็น Binder ที่ออกสตาร์ทจากกริดที่ 5 เพื่อฉวยจังหวะโฮลช็อตในโค้ง 1 ทำให้เจ้าตัวขึ้นมาเป็นผู้นำในการวิ่งรอบหนึ่งก่อน Bagnaia และ Bezzecchi โดยมี Aleix Espargaro และ Luca Marini จาก Mooney VR46 Racing Team อยู่ในการแข่งขันในอันดับที่ 4 และ 5

ในขณะเดียวกัน Maverick Vinales จาก Aprilia Racing ก็ออกสตาร์ทได้ดีในการแข่งขันในสนามนี้ ตรงกันข้ามกับ Jack Miller จาก Red Bull KTM Factory Racing ที่กลับต้องออกจาการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย 

ส่วน Quartararo ก็ประสบกับดราม่าในช่วงแรกเช่นกัน ถึงแม้จะได้ที่ 3 ในการแข่ง Tissot Sprint Race แต่กลับออกสตาร์ทได้แย่มากในรอบแข่งขันจริง โดยหล่นลงมาอยู่ที่อันดับ 12 จากอันดับสตาร์ทที่ 4 จากนั้นก็ล้มลงไป พร้อมกับ Johann Zarco จาก Prima Pramac Racing ถือเป็นการออกจากการแข่งขันของ 2 นักแข่งฝรั่งเศส 

ในขณะที่กลุ่มผู้นำ Bagnaia ดูเหมือนว่าจะควบคุมจังหวะและยืดระยะออกไปเรื่อยๆ แต่ Binder และ Bezzecchi ยังคงต้องไล่ตามกันต่อไป แล้วก็ถึงเวลาของ Bezzecchi ที่แซงผ่าน เพื่อไล่ตามผู้นำ แต่ Bezzecchi ก็ไม่สามารถแซงผ่านไปได้ เห็นได้ชัดว่า Bagnaia นั้นใกล้จะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน 

ในรอบสุดท้าย Binder นำ Aleix Espargaro แต่ก็พลาดหลุด Track limits ทำให้ต้องมีการลงโทษ ทำให้หล่นมาอยู่ที่ 4 เป็นอีกครั้งที่เหตุการณ์นี้กลับมาเป็นปัญหาให้กับเค้าและทีม ส่วน Aleix Espargaro ก็ถือว่าโชคช่วยสุดๆ ได้ขึ้นโพเดี้ยมไปในที่สุด 

นับเป็นสุดสัปดาห์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ในปี 2023 ของ Bagnaia หลังจากนี้จะเข้าสู่ช่วงพักร้อนของ MotoGP ก่อนที่จะกลับมาแข่งขันกันต่อกับรายการ Monster Energy British Grand Prix ในวันที่ 4 ถึง 6 สิงหาคม 

 

 

ด้านนักแข่งไทยใน Moto2 อย่าง ก้อง-สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทยจากโครงการ Honda Race To The Dream เจ้าของหมายเลข 35 จาก IDEMITSU Honda Team Asia ในสนามนี้

โดย ก้อง-สมเกียรติ รักษาฟอร์มดีต่อเนื่อง ผลการซ้อมรวมในวันแรก หลังผ่านรอบ FP1 และ FP2 ปรากฏว่า สมเกียรติ ยกระดับการทำงานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการหาเซ็ตติ้งที่ดีที่สุดสำหรับการแข่งขัน ก่อนจะขยับขึ้นมารั้งอันดับ 8 บนตารางเวลารวม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 36.994 วินาที เร็วขึ้นจากการซ้อมครั้งแรกถึง 0.6 วินาที 

ผลการควอลิฟาย ก้อง-สมเกียรติ คว้ากริดที่ 7 มาครองได้สำเร็จ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 36.564 วินาที ตามหลังเจ้าของโพลเพียง 0.371 วินาทีเท่านั้น แต่ในรอบการแข่งขันกลับพลาดล้มไปอย่างน่าเสียดาย