Triumph จัดทริปลองขี่ 2 เน็กเก็ตไบค์ 2 สไตล์สายทางเรียบ
Speed 400 และสายลุย
Scrambler 400X ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ TR-Series สูบเดียว 4 จังหวะ 4 วาล์ว DOHC ความจุ 398.15 ซีซี กำลังสูงสุด 40 แรงม้า (PS) ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิด 37.5 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที
Triumph ทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นรถที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งโครงสร้างตัวรถและเครื่องยนต์ กับการทดสอบขับขี่ระยะรวม 130 กม. บอกเลยว่าขี่มัน แรงบิดดีมาก
Top Speed เกินต้าน รถผู้ดีอังกฤษที่ราคาคุ้มสุดในคลาส 400 ซีซี
Speed 400 ราคา 157,900 บาท และ
Scrambler 400X ราคา 179,900 บาท ในทริปนี้เป็นการขับขี่ทั้ง 2 รุ่น สลับรถและสื่อรอบเช้า-บ่าย จากจุดเริ่มต้น Ravidra beach resort & spa พัทยา ใช้เส้นทางสวนนงนุช-เขาชีจรรย์-พลูตาหลวง และวนเพื่อถ่ายรูปหลาบรอบ รวมระยะทางกว่า 130 กม.
มาพร้อมความทันสมัยมาตรวัดความเร็วอนาล็อก พร้อมจอ LCD มัลติฟังก์ชันในตัว ที่ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วโป้งซ้ายกดปุ่ม " i " เพื่อเลือกการแสดงหน้าจอต่าง ๆ เช่น ทริป A/B, อัตราสิ้นเปลืองรวม/เฉลี่ย, ระยะทางรวม, สั่งเปิด-ปิดระบบควบคุมรถ พร้อมแสดงความเร็วแบบเข็ม ไฟหน้าทรงกลม ถังน้ำมันดีไซน์แบบรุ่นใหญ่ ๆ เครื่องยนต์ระบบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ก็ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ "ครีบระบายอากาศ" และยังสามเหลี่ยมด้านข้างเครื่องยนต์พร้อมท่อไอเสียที่มองแล้วรู้ทันที่ว่าเป็นรถไทรอัมพ์ โดยรวมแล้วรูปลักษณ์ให้ความคลาสสิกจาก DNA Roadster แบบโมเดิร์นคลาสสิกและแบบ Triumph Scrambler ที่ไม่เหมือนใครของ Triumph
SPEED 400
ความแตกต่างที่ลงตัวกับรถทั้ง 2 รุ่น 2 คาแร็คเตอร์เริ่มที่
Speed 400 เน้นการขับขี่บนถนนเรียบแบบ
On Road ขับขี่สบายท่านั่งหลังเกือบตรงสไตล์แบบรถเน็กเก็ต ความสูงกำลังดี กระจกมองข้างปลายแฮนด์ติดตั้งจากโรงงาน มีการปรับจูนให้มีกำลงที่ดีด้วยการใช้สเตอร์โซ่หน้า (จากชุดเกียร์)
ขนาด 14 ฟัน เพื่อเน้นรอบและแรงบิดที่ไหล่ลื่นให้เหมาะกับการขับขี่แบบเรสซิ่ง พร้อมปลายท่อเสียแบบ 1 ช่องขนาดใหญ่ ได้ทั้งต้นจัดปลายไหล
โช้คหน้าสูบใหญ่หัวกลับขนาด 43 มม. ระยะยุบตัวล้อ 140 มม. โช้คหลังแก๊สแบบ Monoshock พร้อมกระปุกน้ำมันแยกและปรับตั้งค่าพรีโหลดได้ ระยะยุบตัวล้อ 130 มม. ระบบเบรกดิสก์หน้าจานเบรกแบบตายตัวขนาด 300 มม. คาลิปเปอร์แบบเรเดียลสี่สูบพร้อม ABS ล้อหลังดิสก์เบรกจานเบรกแบบตายตัวขนาด 230 มม. คาลิปเปอร์แบบลอยพร้อม ABS ล้อหน้าขนาด 110/70 R17 และล้อหลัง 150/60 R17 น้ำหนัก 170 กก.
SCRAMBLER 400X
รุ่น
Scrambler 400X ยกสูงสไตล์ Off-Road มีการปรับเพิ่มให้พร้อมลุยทุกสถานการณ์มากขึ้น เริ่มด้วยการตกแต่งกรอบไฟหน้า, แอนด์การ์ด, แฮนด์บาร์ที่สูงขึ้น การปรับสเตอร์หน้า (จากชุดเกียร์)
ขนาด 15 ฟัน เพื่อเน้นแรงบิดรอบต่ำและรอบกลางให้พร้อมใช้งานและยังให้กำลังต่อเนื่องจนถึงรอลสูง ๆ บวกกับปลายแบบ 2 ช่อง
พร้อมการปรับปรุงขนาดโช้คหน้าสูบใหญ่หัวกลับขนาด 43 มม. ระยะยุบตัวมากขึ้น 150 มม. ล้อหลังโช้คหลังแก๊สแบบ Monoshock พร้อมกระปุกน้ำมันแยกและปรับตั้งค่าพรีโหลดได้ ระยะยุบตัวล้อ 150 มม. ระบบเบรกดิสก์หน้าจานเบรกแบบตายตัวขนาด 320 มม. คาลิปเปอร์แบบเรเดียลสี่สูบพร้อม ABS ดิสก์หลังจานเบรกแบบตายตัวขนาด 230 มม. คาลิปเปอร์แบบลอยสูบเดี่ยวของ ByBreTM พร้อม ABS ล้อหน้า 100/90-19, ล้อหลัง 140/80-17 น้ำหนัก 179 กก.
สมรรถนะการขับขี่ แรงบิดดี ต้นจัดปลายไหลเกินคาด
สำหรับทรงคบาสสิก 1 สูบ 400 ซีซี ส่วนใหญ่จะเน้นแรงบิดดีที่รอบต่ำและกลาง แต่ในไทรอัมพ์ ทั้ง 2 รุ่นนี้กลับมีความเร็วปลายที่ดีไม่มีแผ่ว กำลังของเครื่องยนต์ที่บิดตามมือ แม้จะใช้ความต่ำ ๆ ราว 70 กม. / ชม. ในเกียร์ 6 แต่เมื่อเปิดคันเร่งกลับมีเรี่ยวแรงดี อาการรอรอบน้อยมากและเริ่มให้อัตราเร่งที่ดี
เครื่องยนต์รุ่นนี้มีแรงบิดมีใช้ตั้งแต่ช่วงรอบเครื่องยนต์ที่ 2-3,000 รอบ/นาที ตอบสนองทันที และเมื่อถึง 6,000 รอบ/นาที เหมือนมีแรง "ฮึด" อีกนิด ดึงต่อเนื่องเรื่อย ๆ จนไปตันที่ 8-9,000 รอบ/นาที (ประมาณเนื่องจากขับขี่จึงมองไม่ชัด) แต่ด้วยการปรับจูนระบบคันเร่ง ท่อไอเสีย ฟันเฟืองของสเตอร์โซ่ชุดหน้า ทำให้กำลังดีต้อเนื่องทั้งต้นและปลายที่ไหลได้เลย 120+++ กม./ชม. แม้จะขับขึ้นเนินหรือสะพานก็ไม่มีอาการหมดแรงแต่อย่างใด
2 สไตล์แตกต่างต่าง
Triumph ทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างตามสไตล์
Speed 400 ขับขี่สบาย นุ่ม เบาและควบคุมง่าย คันเร่งตอบสนองฉับไว การเข้าทางโค้งง่ายคล่องเคลว และแฮนด์ที่เลี้ยวง่าย ด้วยบางขนาด 17 นิ้ว และยางแบบทางเรียบ ทำให้ การขับขี่ไม่ต้องปรับตัวมากนัก และเมื่อเปิดคันเร่ง ให้ความกระฉับกระเฉง รถนิ่งกว่าเมื่อใช้ความสูง ๆ
Scrambler 400X ท่าขับขี่ที่หลังตั้งตรงกว่า แฮนด์ทรงกว้างและสูง สบายกว่า ความูงตัวรถที่เพิ่มขึ้น ทำให้ วางเท้าได้ไม่เต็มพื้น (ผู้ทดสอบสูง 176 ซม.) กับล้อหน้าที่ใหญ่ขึ้นเป็น 19 นิ้ว และยางเพื่อทางฝุ่นหรือ Off-Road ทำให้มีการขับขี่แตกต่างในเรื่องการควบคุมขณะเลี้ยวจะบังคับได้ยากกว่าเล็กน้อย และโช้คมีระยะยืด-ยุบที่มากขึ้น ทำให้ขับขี่ผ่านเส้นทางขรุขระได้สบายกว่า แต่เรื่องสมรรถนะทั้งคู่ขับมันไม่แพ้กันเลยครับ
สรุปความคุ้มค่า
Triumph Speed 400 และ
Scrambler 400X สำหรับผู้หลงไหลในความเป็นตำนานแบะ DNA บิ๊กไบค์ระดับโลก ภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ความมั่นใจและสมรรถนะที่ตอบสนองได้ดั่งใจ ขับขี่ไปไหนที่ต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ และที่สำคัญที่สุดคือ ราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นพร้อม รอบการเช็คระยะ 10,000 ไมล์ (16,000 กม.)/12 เดือน (ขึ้นอยู่กับว่าถึงเกณฑ์ใดก่อน) ยาวนานสุด ๆ