สิงห์นักบิดหลายคนต้องมีโอกาสได้ขับขี่ผ่านเส้นทางทั้งดีและไม่ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางท่องเที่ยวย่อมต้องเจอกับสภาพถนนไม่เป็นใจหรือว่าทางในแบบ "ออฟโร้ด" อยู่บ้าง แต่ก่อนอื่นเลย ไม่ว่าเราจะเป็นใช้รถมอเตอร์ไซค์แบบ Adventure รถมอเตอร์ไซค์แบบสปอร์ต หรือ
รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิก จะต้องใส่ชุดขับขี่ให้ครบและปลอดภัย เช่น หมวกกันน็อก ถุงมือ รองเท้า เสื้อสำหรับขับขี่ยิ่งที่มีการ์ดป้องกันกระแทกยิ่งดีครับ มาดูกันว่าการขับขี่เส้นทางแบบนี้มีข้อควรที่ต้องระวังอะไรบ้าง
1. ประเมินเส้นทางก่อนที่จะขับผ่านไป
ก่อนจะขับผ่านไปนั้นเราต้อง คิด วิเคราะห์ แล้วเตรียมความพร้อมทั้งรถและคนขับให้พร้อม จะต้องประเมินว่าอุปสรรคที่จะผ่านไปนั้น สภาพทางฝุ่นที่มีโค้ง ทราย บ่อน้ำ หญ้า และ หินกรวด หรือ ทางตรงยาว และมีต้นไม้หรือกิ่งไม้ อยู่ในทางที่จะผ่านหรือไม่ แต่บางสถานการณ์ที่ขับความเร็วคงที่อยู่แล้วและกำลังจะผ่านเส้นทางที่คาดว่ามีความเสี่ยง ก้ต้องลดความเร็วลงให้ปลอดภัยที่สุด และจับแฮนด์และวางเท้าบนที่วางให้แน่นและกระชับ นอกจากนี้หากเป็นทางโค้งที่ผิวทางเปียกลื่นหรือเป็นฝุ่น ก็ให้ลดความเร็วและค่อย ๆ ขับขี่ไปอย่างระมัดระวังโดยใช้การหักเลี้ยวให้น้อยที่สุด
2. ค่อย ๆ ผ่านอุปสรรคไปอย่างระมัดระวัง
เมื่อประเมินสถานการณ์เรียบร้อยต่อมาคือ มองไปข้างหน้าให้ไกลเผื่อระยะเอาไว้เพื่อให้เห็นถึงสภาพถนนพร้อมกับการสลับการมองดูระยะใกล้ล้อหน้า และรอบ ๆ ข้าง เพื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้น การปรับตำแหน่งเกียร์เช่นใช้เกียร์ 2 เมื่อขับช้า ๆ ผ่านเส้นทางที่เป็ยหลุมบ่อ หรือการใช้ความเร็วรถ ความเร็วรอบเครื่องยนต์รวมถึงตำแหน่งให้เหมาะสมกับความเร็วหรือกำลังของเครื่องยนต์ที่จะต้องบิดข้ามไป และใช้ความเร็วให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะประคองรถไปได้ตามต้องการ
3. ยืนขับถ้าจำเป็น
ในการขับขี่ผ่านเส้นทางออฟโร้ดบางครั้งก็อาจจำเป็นต้องขับในท่ายืนเพื่อให้คล่วงตัวในการโยกตัวรถหลบหลีกหรือเอียงองศาตัวรถให้สามารถขับผ่านไปได้ หรือบางครั้งอาจต้องใช้ทักษะเล็กน้อยในการเลี้ยวทางโค้ง เช่นการเอียงตัวตรงข้ามกับตัวรถหรือโค้งที่จะเลี้ยวเป็นต้น เพื่อรักษาสมดุลให้ขับไปได้อย่างปลอดภัย โดยท่ายืนขับจะใช้ขาหนีบเบาะหรือลำตัวรถเพื่อให้โยกไปมาได้ตามต้องการ ทำให้บังคับรถง่ายขึ้น
4. จับอาการรถ
ในระหว่างที่กำลังขับขี่ผ่านเส้นทางออฟโร้ดหรืออุปสรรคต่าง ๆ เหล่านั้น ให้จับอาการของรถทั้งกำลังเครื่องยนต์ ตำแหน่งเกียร์ ท่านั่งหรือยืน ตำแหน่งมือจับแฮนด์บาร์ ว่าพร้อมรักสถานการณ์ที่อาจไม่คาดคิดได้ เช่น รถลื่นไถล หรือ ต้องใช้เบรกและสำรวจพื้นถนนเมื่อจำเป็นต้องเอาเท้าลงเพื่อยันพื้นช่วยการทรงตัวของรถ
5. ใช้เบรกอย่างเหมาะสม
ในการขับขี่ผ่านถนนฝุ่นหรือโคลนที่ลื่น ๆ การใช้เบรกให้ถูกต้องค่อนข้างสำคัญ ส่วนมากมักใช้เครื่องยนต์ชุดหรือ "Engine Brake" เพื่อลดคามเร็วเข้าทางลื่นหรือทางโค้ง ทำงานรวมกันกับเบรกล้อหลัง และแนะนำว่าควรเบรกในขณะทิศทางรถตรงอยู่และตัวรถเอียงน้อยที่สุดก่อนถึงทางโค้ง และใช้ความเร็วที่คิดว่า "เอาอยู่" ค่อย ๆ ผ่านไป แต่ถ้าใครที่ได้ทักษะการเข้าโค้งในทางฝุ่นก็ใช้ท่าทางที่ถูกต้องไปเลยครับ
6. หมั่นเรียนรู้อยู่เสมอ
การขับขี่ไม่ว่าจะทางเรียบ ถนนหลาง ทางฝุ่น ควรจะต้องมีการฝึกฝนเรียนรู้วิธีขับขี่ เทคนิคต่าง ๆ โดยเฉพาะเทคนิคในการขับขี่รถแนววิบากแบบ ออฟโร้ด ซึ่งอาจจะจำเป็นต้องนำมาใช้ในบางสถานการณ์ และไม่ว่าว่าจะขับขี่ในเส้นทางแบบไหน ก็จำเป็นต้องปรับตัว เรียนรู้ และฝึกฝนตลอดเวลาอย่างสม่ำเสมอ
ทริคเล็กน้อยน้อยที่นำมาเล่าสู่กันฟังถึงการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ทางฝุ่นในสไตล์วิบากหรือว่าจะเป็นแอดแวนเจอร์ หรือแม้กระทั่งสาย
มอเตอร์ไซค์คลาสสิกก็สามารถนำมาใช้งานร่วมกันได้ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ความไม่ประมาท การวางแผนการเดินทางให้สะดวกสบายประหยัดและปลอดภัย คำนึงถึงเพื่อร่วมทางและผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้น ๆ เพราะหากเจอทางฝุ่นหนา ๆ แม้เราจะเป็นนักบิดที่เก่ง ก็ต้องขับผ่านไปด้วยความระวังและไม่ให้คนพื้นที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะการขับขี่ที่อันตรายครับ