ลองขี่ดู๊!!.. Royal enfield Meteor 350 รถครุซเซอร์เครื่องใหม่ไม่สั่น จริงหรือ?..
โรยัล เอ็นฟีลด์ เมทธีออร์ 350 รถมอเตอร์ไซค์ครุซเซอร์ 80 สไตล์ มาพร้อม 3 รุ่น เริ่มต้น
Fireball แฮนด์ โลโก้สติ๊กเกอร์ ท่อสีดำขอบล้อสีเดียวกับรถ ราคา 150,000 บาท มีให้เลือก 2 สีคือ Fireball RED และ Fireball Yellow สำหรับรุ่น
Stellar 155,000 บาท เพิ่มชิ้นส่วนโครเมี่ยม เช่น แฮนด์ ท่อ เบาะสีน้ำตาล พิงหลังและโลโก้ที่หนาขึ้น มี 3 สี คือ Stellar Black, Blue และ RED และ
Supernova 159,500 บาท มี 2 สีทูโทน Brown และ Blue เพิ่มชิวหน้า พิงหลังและสีแบบทูโทน
Royal enfield Meteor 350 Fireball - แอนด์บาร์+ท่อสีดำ+ขอบล้อเดียวกันรถ
Royal enfield Meteor 350 Stellar - แฮนด์บาร์+ท่อโครเมี่ยม+โลโก้ถังน้ำมันตัวหน้า+พิงหลัง
Royal enfield Meteor 350 Supernova - แฮนด์บาร์+ท่อโครเมี่ยม+โลโก้ถังน้ำมันตัวหน้า+สีทูโทน+พิงหลัง+ชิวหน้า
เครื่องยนต์ใหม่ทั้งตัว ผ่านยูโร 4
Royal enfield Meteor 350 ขุมพลังเครื่องยนต์แบบใหม่ล่าสุด 1 สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 349 ซีซี เครื่อง SOHC ที่มีช่วงชักยาว 72 มม. X 85.8 มม. (Long Stroke)
กำลังอัด 9.5: 1 กำลังสูงสุด 20.2 แรงม้า (BHP) ที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 27 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ใช้น้ำมันเครื่อง SAE 15 W 50 API, SL grade, JASO MA 2 Semi Synthetic
ที่ถูกออกแบบพิเศษเพื่อให้พละกำลังที่ต่อเนื่องและราบลื่น ให้แรงบิดที่พอเพียงในทุกช่วงของรอบเครื่องยนต์ หัวฉีดควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า (EFI) แชสซีและระบบช่วงล่างแบบเฟรมเปลคู่ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเทเลสโคปิก 41 มม. ระยะยุบ 130 มม. ด้านหลังโช๊คคู่ปรับระดับได้ 6 ระดับ ปรับพรีโหลดได้ ระยะห่างระหว่างฐานล้อ 1,400 มม. ความสูงจากพื้น 170 มม. ความยาว 2,140 มม. ความกว้าง 845 มม. (ไม่รวมกระจกมองข้าง) ความสูง 1,140 มม. (ไม่รวมกระจกมองข้าง) 1,310 มม. (รวมแผ่นบังลมหน้า) น้ำหนัก 191 กก. (รวมของเหลวทั้งหมดประมาณ 90%) ความจุถังน้ำมัน 15 ลิตร
ล้อและยางด้านหน้า ล้อแม็กขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 100/90 - 19" (แบบทูปเลส) ด้านหลังล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 140/70 - 17" (แบบทูปเลส)
เบรกด้านหน้าลูกสูบคู่ พร้อมจานเบรกขนาด 300 มม. พร้อมระบบ ABS สองทิศทาง ด้านหลัง ลูกสูบเดี่ยว พร้อมจานเบรกขนาด 270 มม.พร้อมระบบ ABS สองทิศทาง
โรยัล เอ็นฟีลด์ เมทธีออร์ 350 มาพร้อมกับ
Tripper ซึ่งเป็นนวัตกรรมการนำทางที่พัฒนาใหม่ โดยจะประสานการทำงานระหว่าง Google Maps และแอปพลิเคชันของโรยัล เอ็นฟีลด์ ด้วยการเชื่อมต่อกับมอเตอร์ไซค์ด้วยสัญญาณบลูทูธ สามารถระบุทิศทางในการเดินทางด้วยการแสดงผลบนจอของตัวเองที่แยกออกมา เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานในรูปแบบต่างๆในแอปพลิเคชันของโรยัล เอ็นฟีลด์ และพิเศษกับช่องชาร์จ USB ตรงแฮนด์ฝั่งซ้าย
ขับดีกว่ารุ่นที่ผ่านมา...ไม่สั่นแล้ว
การทดสอบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ค่ายยักษ์ใหญ่จากอินเดีย โรยัล เอ็นฟีลด์ เมทธีออร์ 350 ครั้งนี้ใช้เส้นทางจาก โชว์รูม Royal Enfield พุทธมณฑลสาย 5 ขับไปตามเส้นทางนครปฐม - ราชบุรี แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันปตท. ก่อนเลี้ยวเข้าทางเข้าสวนผึ้ง เพื่อพักทานอาหารกลางวันที่ The Scenery Vintage Farm หลังจากนั้นเดินทางต่อเพื่อหาจุดแวะถ่ายภาพสวย ๆ และแวะพัก Nowhere Coffee Camp ก่อนยิงยาวกลับกทม. สู่โชว์รูม Royal Enfield พุทธมณฑลสาย 5 รวมระยะทางประมาณ 317 กิโลเมตร ภายในวันเดียว ด้วยรถทั้งหมด 7 คัน พร้อมทีมงานจากโรยัล เอ็นฟีลด์ ช่างภาพ นำขบวนและปิดท้ายอีก 3 คัน
รถทดสอบมีทั้ง 3 รุ่นคละกันไปตามแต่สะดวก ซึ่งพื้นฐานเหมือนกันหมด แตกต่างกัยเพียงสี อุปกรณ์และชุดตกตแ่งเท่านั้น จึงให้ความรู้สึกการขับขี่ไม่แตกต่างกันนัก โดยทีมงานเช็คราคาได้ขับรุ่น Stellar 155,000 บาท
ฟิวลิ่งการขับขี่เครื่องยนต์ใหม่สุดพัฒนาทั้งตัวทำให้ลดการการสั่นอย่างเกินคาดผิดจากในรุ่นเครื่องยนต์ 500 เป็นอย่างมาก อาการสั่นนั้นยังพอมีแต่อยู่ในระดับปกติรับได้ ไม่แตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ค่ายเจ้าตลาดที่เป็นเครื่องยนต์แบบ 1 สูบทั่วไป และสามารถมองกระจกมองข้างได้ไม่สั่นเหมือนกับในรุ่นอื่น ๆ พิกัด 500 ซีซี ของโรยัล เอ็นฟีลด์
กำลังตอบสนองดีมากในรอบต่ำ ๆ ทั้งการออกตัว แรงแซงที่ความเร็วช่วง 60 กม./ชม.ขึ้นไปทำได้ดี แต่หากเกินความเร็วที่ 100 กม./ชม.ไปอาจจะช้าหน่อย จากคาร์เร็กเตอร์สไตล์ครุซเซอร์เน้นขับขี่ช่วงความเร็วต่ำถึงกลาง ขับขี่ในแบบชิว ๆ ไม่เน้นความเร็วรับรองว่า Meteor ถือว่าขับท่องเที่ยวได้สบายเลยครับ
ช่วงล่างเน้นแข็งแต่ก็ยังให้ความนุ่มที่ความเร็วต่ำ ท่านั่งเหมาะกับการเดินทางไกล น้ำหนักตัวรถราว 190 กก.แต่ไม่รู้สึกหนักเนื่องจากเบาะนั่งทรงต่ำจุดศูนย์ถ่วงดีทำให้ควบคุมรถได้ง่าย
ระบบเบรคไว้ใจได้ ด้วยดิสก์เบรกหน้าหลังและ ABS นุ่มนวลและไม่ต้องออกแรงเยอะ นอกจากนี้ฝั่งของก้านคลัตช์ก็น้ำหนักเบา ขับขี่ไม่เมื่อยมือแม้รถติดหรือต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ คันเกียร์เตะง่ายและสมูทมากขึ้นกว่ารุ่นในเครื่องยนต์ 500 ซีซี ไม่ค่อยเจออาการ "เกียร์วืด" นัก คันเร่งตอบสนองได้พอ ๆ ไม่เร็วหรือช้าเกินไป แต่มีบางจังหวะที่เร่งแบบคารอบเอาไว้แล้วเมื่อปล่อยคันเร่ง เครื่องยนต์กลับยังเร่งต่อเองอยู่สักพักหนึ่ง อาจเป็นอาการเออเรอของระบบลิ้นคันเร่งในบางช่วง
ข้อเสนอแนะหลังจากได้สัมผัสกันเต็ม ๆ 300 กิโลเมตร
กอ่นอื่นต้องบอกว่าสำหรับ
Royal enfield Meteor 350 พัฒนามาไกลมาก ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชันเจนทั้งเรื่องความนุ่มนวล เครื่องยนต์ที่มีบาลานซ์ชาร์ฟ ลดอาการตัวสั่นไปได้เยอะ จนเรียกว่าเป็นปกติไม่แตกต่างจากรถสูบเดียวของค่ายเจ้าตลาด แต่ก็ยังมีจุดที่ค้างคาใจ เช่น สวิตช์สั่งงานบนแฮนด์ทั้งสองของ มีความหลวมและดูไม่ค่อนแข็งแรงนัก มาตรวัดฝั่งที่เป็นจอ LCD ต้องใช้เพื่อต่อเนวิเกเตอร์เท่านั้น หากไม่ต่อไว้ก็โชว์แค่นาฬิกาเฉย ๆ ควรจะมีการแสดงข้อมูลต่าง ๆ ของรถ เช่น วัดความร้อนเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ ฯลฯ เป็นต้น และกำลังเครื่องยนต์ที่ดีในรอบต่ำถึงกลาง แต่เมื่อเลยความเร็ว 110 กม./ชม. ไปแล้ว จะไหลขึ้นแบบช้าจนไปแตะตัน 120 กม./ชม. เนื่องจากกล่องตัด (เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดด้านการผลิต) และสุดท้ายถ้าได้ไฟหน้า LED ก็ยิ่งดี แม้จะขัดกับความเรโทรแต่ก็เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ประหยัดพลังงานได้ด้วย
อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจคาร์แร็กเตอร์ของ "โรยัล เอ็นฟีลด์ เมทธีออร์ 350" ที่เป็นรถแนวเรโทรคลาสสิก ไม่เน้นซิ่งเน้นขับขี่แบบโฉบเฉี่ยว เฉิดฉาย ตามสไตล์ชิว ๆ เป็นหลักครับ
คุ้มค่าราคา 150,000 ได้รถคลาสสิกทันสมัย สายชิว...
Royal enfield Meteor 350 เรื่องความคุ้มค่าต้องเน้นว่ารถสไตล์ขี่เที่ยวแบบชิว ไม่ใช้ความเร็วสูง พิกัด 350 ซีซี ในราคาเริ่มเพียง 150,000 บาท นับว่าไม่แพงหากเทียบกับรุ่นและพิกัดเดียวกันในตลาด คุ้มค่า สำหรับคนที่ชื่นชอบรถคลาสสิคย้อนยุค แต่มีความทันสมัยและขับขี่ง่ายไม่หนักมาก เพราะตัวรถไม่สูงเกินไปจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้น้ำหนัก 191 กก.ไม่ใช่ปัญหา และ
Royol enfield ยังได้เรื่องความทนทานบทพิสูจน์จากหลายเส้นและที่สำคัญรถรุ่นนี้ปรับใหม่หมดทุกจุดเพื่อให้รถที่ขี่ดีที่สุด สำหรับผมแค่รุ่น้เริ่มต้นก็นับว่าน่าใช้แล้วครับ ต้องไปลองแล้วจะสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนครับ