ขี่แล้วชอบของ MotorBike Guru of the year 2020
1 ปีที่ผ่านมากับการได้สัมผัสและทดสอบรถจักรยานยนต์ของทีมงานมอเตอร์ไบค์กูรู นับว่ามีรถใหม่หลากหลายประเภทและหลากหลายรุ่นให้ได้ทดสอบทั้งแบบกลุ่มและเดี่ยว ตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับใช้งานทั่วไป ขี่เที่ยว ขี่ลุย และบิ๊กไบค์แอดเวนเจอร์ ซูเปอร์สปอร์ต ทั้งการขี่ในสนามทดสอบ ถนนจริง และเซอร์กิต ล้วนแต่ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป แน่นอนว่ารถในแต่ละประเภทย่อมมีความโดดเด่นและเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ซื้อชอบต่างมุมกัน ในส่วนของทีมงานมอเตอร์ไบค์กูรู ก็ย่อมมีความชื่นชอบรถในแต่ละรุ่นแตกต่างกัน ด้วยเหตุผลส่วนตัวของกูรูแต่ละคน นี่คือ รถ 3 รุ่นที่พวกเขาชื่นชอบที่สุดในรอบปีนี้ ไม่ใช่ว่านอกเหนือจากนี้จะไม่ชอบหรือไม่ดี แต่ด้วยเหตุผลต่างๆ ผ่านมุมมองส่วนตัว คัดกรองตัดสินใจ จนเป็น 3 รุ่นรถจักรยานยนต์ในดวงใจของปีพ.ศ. 2563
1. กูรูหมิว
ขอยกให้เป็นรถพ่อบ้าน ขาร็อค ประจำปี สำหรับ GPX ROCK ที่เปิดตัวมาในตระกูลรถครอบครัวรุ่นที่ 2 (ต่อจาก GPX POPZ-125) รถมอเตอร์ไซค์แบบครอบครัวที่มีดีไซน์เท่ มีเอกลักษณ์ที่เน้นดีไซน์ไม่เหมือนใคร ด้วยทรวดทรง การผสมผสานในแบบไม่มีกักของของ GPX จึงทำให้ครองใจใครหลายๆ คน GPX ROCK เครื่องยนต์เป็นแบบ 110 ซีซี 2 วาวล์ 4 จังหวะ เกียร์วน 4 เกียร์ โช๊คอัพหลังให้แบบซับแทงค์แต่ง 2 รุ่น คือ รุ่น Elegance, Racing มีดิสก์เบรกหน้า แต่ Sport เป็นแค่โช๊คสปริง ตัววัสดุที่ประกอบถือว่าสมราคา แต่คิดว่าถ้าใครซื้อใช้งานจัดว่าคุ้ม โครงสร้างตัวถังเป็นแบบ Underbone ยางให้ Vee Rubber VRM-159 ซึ่ง GPX ROCK ปล่อยออกมาให้ลูกค้าได้เลือกตามความชอบถึง 3 สไตล์ คือรุ่น Elegance, Racing และ Sport ในราคาเริ่มต้น 35,500 บาท
สำหรับเวสป้า SPRINT 150 i-Get ABS รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่มีขายเฉพาะในประเทศไทย ทั้งสีตัวถังสีเงินสุดคลาสสิก (Grigio Seta) มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก พร้อมเบาะหนังสีเทาลวดลายแบบ Diamond Shape ทำให้ดูเรียบหรู เหมือนของรักที่น่าสะสม ในเรื่องสมรรถนะ ออกตัวดีไม่อืด ไหลลื่น ขี่ง่าย หน้าไว คล่องตัว บาลาชดี รอบไม่ตกเกินไปในขณะที่ใช้ความเร็วต่ำ ซอกแซกช่วงรถติดได้สบาย โช๊คแข็งไปนิด แต่ไม่ย้วย เบรกดีเพราะมี ABS เอาอยู่ ตอนขี่ความเร็ว 80-100 มีอาการสั่นนิดๆ เบาะนั่งกว้างขี่สบาย ขาตั้งคู่เบาขึ้นง่าย ดีไซน์ตัวรถเรียบหรู เหมาะขี่ได้ทั้งหญิงและชาย หรือออกทริป ใต้เบาะเก็บของได้เยอะ แต่ใต้เบาะร้อนไม่เหมาะกับวางโทรศัพท์ หรือพาวเวอร์แบงค์ไว้นานๆ หรือขณะขี่ไกล วิสัยทัศน์ขณะขี่มองง่ายชัดเจน VESPA SPRINT 150 i-Get ABS 10TH ANNIVERSARY THAILAND LIMITED EDITION" ที่ผลิตจำกัด 1,010 คัน มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก พิเศษเฉพาะประเทศไทย ราคา 149,900 บาท
อีก 1 รุ่นที่ประทับใจคือ เจ้ามินิไบค์ ไซส์เล็ก แต่จี๊ดเกินเบอร์นั่นก็คือ เจ้า Honda GROM หรือเจ้า MSX ที่วางจำหน่ายในบ้านเรามาในสไตล์ มินิไบค์ขนาด 125 ซีซี ซึ่งความพิเศษของ GROM นอกจากรูปลักษณ์หน้าตาที่เปลี่ยนไปแล้ว รถคันนี้ยังสามารถ D.I.Y เพิ่มชุดแต่งได้ตามสไตล์ผู้ขี่ได้เองอีกด้วย สำหรับ Honda GROM ตัวใหม่นี้ไม่ธรรมดา ปรับให้ดีกว่าหลายจุด ทั้งเครื่องยนต์ 125 เกียร์ 5 สปีด เปลี่ยนเกียร์ไว สมูทกว่าเดิม ตัวเบาะยาวขึ้นเพื่อให้คนซ้อนนั่งสบายกว่าเดิม คลัชบีบออกตัวดีกว่าเก่า รอบต่ำสับมัน มุดง่าย ช่วงล่างแน่น เล็กแต่จี๊ดเว่อ เบรกดีหนึบเพราะมีดิสก์เบรกหน้า-หลัง (ABS รุ่นท๊อป) ปลอดภัยสบายใจได้ กับฮอนด้าไม่ผิดหวัง หน้าจอเพิ่มไฟบอกเปลี่ยนเกียร์ นอกนั้นมีครบ New Honda GROM ราคาเริ่มต้น 69,900 บาท... แบบ (ABS) ราคา : 77,400 บาท
2. กูรูช้าง
All new Honda CRF 300L รถมอเตอร์ไซค์วิบากใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น น้ำหนักเบา ขี่ง่ายลุยได้ทุกที่ที่ไม่มีทาง! มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 300 ซีซี กำลังแรงบิดดีในรอบต่ำ พร้อม Assisted Slipper Clutch ช่วงล่างนุ่มพร้อมปะทะกับหลุมบ่อต่างๆ ได้สบาย และราคายังไม่แรงมากนักราคาเปิดตัวที่ 145,800 บาท
รถบิ๊กไบค์แดนภารตะ ที่ให้สมรรถนะดีไม่แพ้รถเจ้าตลาด โดดเด่นด้วยการเป็นรถเนกเก็ตสปอร์ตเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี. รายเดียวราคา 115,000 บาท เรียกว่าไม่ถึงแสนกลางๆ ก็ได้รถบิ๊กไบค์ไปขี่เล่น นอกจากนี้ยังการรันตีคุณภาพความทนทานจากประเทศต้นกำเนิดอีกด้วย เมื่อได้ลองขับจริงก้ให้ความนุ่มนวล ราบรื่น การตอบสนองของกำลังเครื่องยนต์ 1 สูบ 400 ซีซี. ดีเกินคาด และขนาดกับน้ำหนักที่ไม่มากเกินไป จึงขี่ง่ายและใช้ได้ทุกวันแบบไม่เหนื่อยนัก
F 900 XR นับเป็นรถแอดเวนเจอร์ที่มีสมรรถนะเร้าใจ ขุมพลัง 900 ซีซี. แรงสะใจ และมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่เกือบจะเทียบเท่ารถยนต์ชั้นนำ โดยเจ้า F 900 XR มีท่าขับขี่ที่สบาย ท่านั่ง ตำแหน่งวางเท้าและแฮนด์สอดคล้ายอย่างลงตัว และช่วยควบคุมง่าย ซึ่งระบบช่วยเหลือต่างๆ ที่ให้มาก็ตอบสนองการใช้งานได้อย่างดี แม้ราคาจะสูงตามชาติตระกูลเยอรมัน แต่ได้ฟังก์ชันที่เกินคุ้มไปเยอะ แค่ระบบ Dynamic ตรวจจับทั้งแนวตั้งแนวเอียงเป็นองศา โดยคำนวณทั้งความเร็วล้อหน้า-หลัง ความเอียงและคันเร่ง ให้ขับผ่านทางโค้งได้อย่างปลอดภัย หรือ Dynamic Brake Control (DBC) ที่ช่วยตัดกำลังขับและแรงดึงแปรผันจากเครื่องยนต์ในจังหวะที่ผู้ขับขี่ใช้เบรกแบบฉับพลัน ก็น่าจะคุ้มสุดๆ แล้วครับ แถมระบบหน้าจอ BMW MOTORRAD CONNECTED ที่แสดงผลการขับขี่ได้มากมาย ราคาเริ่มต้นที่ 535,000 บาท และถ้าอยากระบบ ABS Pro ก็ขยับไปที่ 50,000 บาทเท่านั้น"
3. กูรูบอม
นับเป็นความอยากในการเลือกมาแค่ 3 รุ่น เพราะรถจักรยานยนต์ที่ขี่แล้วชอบในปีนี้มีมากจริงๆ แต่ขอเอาแพสชั่นความชอบเป็นที่ตั้งประกอบการเหตุผลอื่นๆ จึงได้ 3 รุ่นที่ชอบในปีนี้มาดังนี้
บิ๊กไบค์ตัวแรงพลัง 208 แรงม้า รูปทรงสไตล์ Naked แต่เท่ด้วยวิงก์เลท และรูปลักษณ์อันโดดเด่นน่าเกรงขาม เสมือนเป็นการนำ Panigale V4 มาถอดแฟริ่ง น้ำหนักตัวพร้อมขี่อยู่ 199 กิโลกรัม (เวอร์ชั่น S) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale 1,103 ซีซี พร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ยางที่ใช้เป็นพีเรลลี่รุ่น Pirelli Diablo Rosso Corsa II ขนาดหน้า 120/70 ZR17 หลัง 200/60 ZR 17 ไม่เหมือนกับใน Panigale V4 ที่ใช้ Supercorsa SP ซึ่งจริงๆ คาแรคเตอร์การทำงานของยางแทบไม่ต่างกัน แต่ Corsa II ทำงานที่อุณหภูมิต่ำกว่าเพื่อการขี่บนถนนส่วนหนึ่ง ในส่วนของการทดสอบขี่ ด้วยท่านั่งที่สบายแบบ Upright ทำให้รู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่แรก แม้เบาะสูง 845 มม. CG อาจไม่ได้ต่ำมาก แต่ทำให้พลิกเข้าโค้งง่ายและสนุก ทันทีที่ไหลรถพ้นจากเขตสปีดลิมิต พร้อมเปิดคันเร่งแรงบิดขนาด 123 นิวตันเมตร ที่ 11,500 รอบต่อนาที ก็พารถทะยานพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แรงลมที่ปะทะตัวเข้ามาทำให้สัมผัสได้ถึงขุมพลังอันเร้าใจ อัตราเร่งและระบบช่วยเหลือตอนออกจากโค้งที่ปรับไว้ในโหมด Race ทำงานผสานกันได้อย่างดี ให้ความมั่นใจมากขึ้นในทุกรอบการขี่ ส่วนเกียร์ควิกชิฟท์ต่อกันได้เนียนแทบไม่รู้สึก ในช่วงทางตรงรถให้ความมั่นคง ชอบเพราะเป็นเน็กเก็ตไบค์ระดับหัวแถวที่มีรูปลักษณ์เฉพาะตัวและสวยงามที่สุด นอกจากนี้ยังขี่ในสนามสนุก ขี่ถนนก็น่าจะเป็นความหล่อที่สะกดทุกสายตา ให้อารมณ์เหมือนมองลัมบอร์กีนีบนถนน ตอบแทนราคาที่จ่ายตัวรถระดับนี้ !
ออกแบบตามหลักแอโร่ไดนามิกส์ในแนวทางเดียวกับ RC213V เป็นบิ๊กไบค์ระดับซูเปอร์สปอร์ตที่สวยตั้งแต่แรกเห็น มีสเปคที่ล้ำสมัยสุดๆ เมื่อขี่แล้วให้ความรู้สึกควบคุมง่ายเกินคาด (ในช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต) ทำให้มั่นใจกับการเปิดคันเร่งและสนุกไปกับการทำความเร็ว ระบบเบรกที่ทำงานผสานกับวิงก์เลตใหม่ ตอบสนองได้ชัดเจนเมื่อต้องเบรกชะลอก่อนเข้าโค้ง หรือการทำความเร็วสูงในช่วงทางตรงยาวก็ให้ความมั่นคงในการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ที่ส่งผ่านท่อไอเสีย Akrapovic ไทเทเนียม เร้าใจมากจนทำให้การขี่สนุกอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการทำงานในรอบสูงที่ย่าน 10,500 - 11,000 รอบต่อนาที อันเป็นช่วงที่แตะกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ ชอบเพราะเป็นรถที่ตอบสนองการขี่แบบมอเตอร์สปอร์ตได้ดีแบบไม่ต้องร้องขออะไรมาก โดยเฉพาะมือสมัครเล่นที่ชื่นชอบการขี่แทร็คเดย์ รถรุ่นนี้ทำให้ผู้ขี่หล่อและแรงขึ้นตามราคาที่จ่าย !
Yamaha WR155 & Triumph ROCKET3R (ชอบทั้งสองรุ่นให้ติดสามอันดับมาด้วยกัน)
All New WR155R ขี่ง่ายและให้ความมั่นใจมาก การควบคุมตัวรถทำได้ดี ไม่ว่าจังหวะลีนเอ้าท์เข้าโค้ง ไต่แบงค์ หรือขึ้นเนิน ลงพื้น โดยเฉพาะกำลังจากเครื่องยนต์ที่ให้กำลังดีอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ขี่ได้อย่างสนุก แม้เป็นรถโปรดักชั่นขนาด 155 ซีซี ก็ตาม แต่ตัวรถกลับตอบสนองการขี่ในสนามวิบากได้อย่างน่าพอใจมากๆ นับเป็นมอเตอร์ไซค์ออฟโรดรุ่นเริ่มต้นที่น่าเป็นเจ้าของอย่างยิ่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่สวย ลงตัวในหลายๆ มุม พาร์ตคุณภาพในหลายจุด ส่วนตัวที่ชอบคือ การปรับเปลี่ยนให้เป็นสไตล์ซูเปอร์โมโต เพื่อใช้งานบนถนนดำ ซึ่งดูเหมาะกับถนนเมืองไทยที่ต้องรูดและลุย (น้ำรอระบาย) บ่อยๆ การจับเอาคลาส 155 ซีซี ที่ราคาจับต้องได้ง่ายมาทำแบบนี้ทำให้ WR155R ดูเป็นรถที่ควรมีติดบ้านอีกรุ่นจริงๆ
Rocket 3R ใหม่ คือ บิ๊กไบค์ที่มีทั้งขนาดและขุมพลังใหญ่สมความเป็นบิ๊กไบค์อย่างแท้จริง มีอัตราเร่งที่โหดสุดๆ โดยสเปคสามารถทะยานแหวกอากาศจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่เกิน 3 วินาที นับเป็นตัวเลขระดับซูเปอร์คาร์ ด้วยขุมพลัง ช่วงล่าง และเบรก ผสานการทำงานให้ Rocket 3R ใหม่ พริ้วไหวโดดเด่นอยู่บนถนนได้อย่างสมศักดิ์ศรีไทรอัมพ์ ส่วนรุ่น Rocket 3GT น่าจะขี่สบายขึ้นด้วยองศาแฮนด์และชิลด์หน้าที่เอื้อต่อการขี่ทางไกล ที่ชอบ Rocket 3R ใหม่ ก็เพราะด้วยราคา 955,000 บาท แต่ได้ 2,500 ซีซี และจอดที่ไหนใครก็ถาม และนี่ไม่ใช่แค่บิ๊กไบค์ราคาแตะล้านที่มีไว้แค่ขี่ไปกินกาแฟจอดโชว์ หรือขี่ไปสังสรรค์กลุ่มพูดคุยแล้วแยกย้าย มันให้มากกว่าแค่อิมเมจ ชอบความเร้าใจทุกวินาทีที่เปิดคันเร่งต่างหาก ที่มอบความสุขให้สมราคาความเป็นบิ๊กไบค์เจ้าถนน
สุดท้ายเชื่อว่าในปีหน้า 2021 น่าจะมีจักรยานยนต์รุ่นใหม่ทั้งขนาดเล็กและบิ๊กไบค์ เปิดตัวมาให้เราได้ลองสัมผัสและทดสอบกันอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าติดตามก็คือ การได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามาในรถแต่ละคลาส การพัฒนาทั้งด้านการออกแบบ ขุมพลัง และเทคโนโลยีย่อมเดินหน้ากันต่อจากนี้ และนั่นทำให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของรถที่ดีกว่าเดิมในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น