รีวิว Honda CBR1000RR-R FIREBLADE ครั้งแรกในไทย กับซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล CBR
หลังจาก เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย เปิดตัวซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล CBR พร้อมกัน 2 รุ่น All New CBR1000RR-R FIREBLADE และ New CBR600RR ซูเปอร์สปอร์ตไบค์ระดับท็อปคลาส ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถแข่งแชมป์โลกโมโตจีพี พร้อมเปิดจองตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 ในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2020 และที่ศูนย์ Honda BigWing ทั่วประเทศ ก็ได้จัดการทดสอบขี่ในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อทดลองสมรรถนะความร้อนแรงของซูเปอร์สปอร์ตพี่ใหญ่สุด ใหม่สุดจากฮอนด้า
การทดสอบจัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ครั้งนี้มีเฉพาะรุ่น
CBR1000RR-R FIREBLADE SP ให้ได้ลอง โดยแบ่งการขี่เป็นกลุ่มตามจำนวนสื่อและ influencer ที่เข้าร่วม ซึ่งได้ขี่ 2 ช่วงคือ ภาคเช้าและบ่าย ให้เวลา 20 นาทีต่อช่วง มากพอต่อการสัมผัสสมรรถนะในการขี่แบบเซอร์กิตซึ่งเหมาะสมกับรถรุ่นนี้ นอกจากนี้ยังมี
ช่วงพิเศษเพิ่มเติมสำหรับสื่อที่ต้องการขี่ไปกับ ฟีม-รัฐภาค วิไลโรจน์ อดีตนักบิดโมโตทูคนแรกของไทย ปัจจุบันเป็นโค้ชทีมแข่ง ทีมเอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ และ แชมป์-ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ นักแข่งรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ทีมเอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ซึ่งจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม
ในช่วงเช้าเริ่มต้นกับการบรรยายรายละเอียดในหลายมุมของตัวรถ All New
CBR1000RR-R FIREBLADE SP เริ่มจาก
รถรุ่นนี้ได้รับการถ่ายทอด DNA จากสุดยอดรถแข่งระดับโลกอย่าง Honda RC213V ภายใต้แนวคิด Born to Race ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC ขนาด 999 ซีซี หัวฉีด PGM-DSFI ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมเซนเซอร์ IMU 6 แกน ช่วยควบคุมแรงบิดและการทรงตัว ติดตั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle by Wire เฟรมและสวิงอาร์มผลิตจากวัสดุอลูมินั่ม ก้านสูบผลิตจากวัสดุไทเทเนียม ให้ความแข็งแกร่ง แต่ทำให้ตัวรถเบาลง 20 เปอร์เซ็นต์ ใช้ระบบวาล์วแบบ Finger-Follower Rocker Arm ท่อไอเสียไทเทเนียมจาก Akrapovic ตอบสนองทุกย่านความเร็ว
All New
CBR1000RR-R FIREBLADE SP ออกแบบตามหลักแอโร่ไดนามิกส์ในแนวทางเดียวกับ RC213V รถแข่งโมโตจีพีที่คว้าแชมป์โลกมาแล้วมากมาย มิติตัวรถให้ความเท่โดดเด่นในทุกมุมมอง ท่านั่งดีไซน์ใหม่ออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นคงที่สุด โดยการกระจายน้ำหนักระหว่างล้อหน้าและหลังอย่างสมดุล ติดตั้ง
Winglet แบบ 3 ชั้น เพิ่มประสิทธิภาพขณะขี่ในช่วงความเร็วสูงหรือในระหว่างเพิ่มอัตราเร่ง สะดุดตาด้วยชุดไฟ LED รอบคันที่ให้ความดุดันในแบบซูเปอร์สปอร์ตพันธุ์แท้ หน้าจอแสดงผล Full Color TFT Meter ขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลครบถ้วนแบบเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่งขัน พร้อมสวิตซ์การควบคุมแบบ 4-way ช่วยให้การปรับตั้งค่าต่างๆ ทำได้สะดวกขึ้น
All New
CBR1000RR-R FIREBLADE ให้ความแม่นยำและปลอดภัยในทุกสภาพการขี่ ด้วยระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ควรคุมการหมุนของล้อให้มีความสัมพันธ์กัน ระบบไฟเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ระบบ HESD (Honda Electronics Steering Damper) โช๊คกันสะบัดแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการควบคุมที่เหนือชั้น เสมือนกำลังขับขี่รถแข่งในสนามแข่ง พร้อมระบบ Wheelie Control ป้องกันล้อหน้าลอยขณะเร่งกำลังเครื่องยนต์
สำหรับรุ่น All New Honda
CBR1000RR-R FIREBLADE SP ใช้ระบบช่วงล่างไฟฟ้า
Ohlins Electronic Control โช๊คหน้าหัวกลับรุ่น NPX ขนาด 43 มม. และโช๊คหลัง TTX36 Smart-EC ดิสก์เบรก Brembo Stylema คาลิปเปอร์ 4 สูบ เหมือนที่ใช้ใน RC213V-S และนอกจากนี้ยังติดตั้ง Quick Shifter (UP/DOWN) ปรับได้ 3 แบบตามสไตล์การขับขี่ที่แตกต่าง
จากนั้นเข้าสู่ช่วงการทดสอบตามกลุ่มที่แบ่ง ผู้เขียนจากเพจ
มอเตอร์ไบค์กูรู/เช็คราคา.คอม ได้ขี่ในกลุ่มสุดท้ายของภาคเช้า การขี่ทดสอบช่วงแรกเน้นความคุ้นเคยกับขุมพลังและมิติตัวรถ ด้วยเวลา 20 นาที ทำให้มีเวลาขี่จนเริ่มคุ้นชินและสนุกไปกับสมรรถนะตามจำนวนรอบที่มากขึ้น การขี่ซูเปอร์สปอร์ตไบค์คลาสสูงสุดระดับนี้ กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเพราะได้รับคำแนะนำเรื่องการใช้เกียร์ในโค้งต่างๆ จากโค้ชฟีม ที่ได้ลองตัวรถในสนามมาก่อน และระบบช่วยเหลือต่างๆ อันทันสมัยและฉลาดสุดๆ ทำให้การขี่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไม่ว่าในสนามหรือบนถนน อย่างไรก็ตามค่าต่างๆ ผู้ใช้ก็สามารถปรับตั้งเองได้ในกรณีที่ต้องการให้รถตอบสนองการขี่ตามที่ต้องการ ส่วนตัวของผู้เขียนพอสรุปจากการขี่ทั้งสองช่วงเช้าและบ่ายได้เบื้องต้นว่า Honda
CBR1000RR-R FIREBLADE SP เป็นบิ๊กไบค์ระดับซูเปอร์สปอร์ตที่ขี่และควบคุมง่ายเกินคาด ทำให้มั่นใจกับการเปิดคันเร่งและสนุกไปกับการทำความเร็ว ระบบเบรกที่ทำงานผสานกับวิงก์เลตใหม่ ตอบสนองได้ชัดเจนเมื่อต้องเบรกชะลอก่อนเข้าโค้ง หรือการทำความเร็วสูงในช่วงทางตรงยาวก็ให้ความมั่นคงในการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ที่ส่งผ่านท่อไอเสีย Akrapovic ไทเทเนียม เร้าใจมากจนทำให้การขี่สนุกอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการทำงานในรอบสูงที่ย่าน 10,500 - 11,000 รอบต่อนาที อันเป็นช่วงที่แตะกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์
ในรอบพิเศษผู้เขียนได้มีโอกาสขี่ร่วมกับโค้ชฟีมและแชมป์ นักแข่งทีมเอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นการขี่ตามเรซซิ่งไลน์โดยคันผู้เขียนอยู่ระหว่างกลาง เพื่อขี่ตามไลน์ของโค้ชฟีมและได้แชมป์ขี่ตามหลังเพื่อดูข้อปรับปรุงแก้ไขให้ รอบพิเศษขี่กัน 3 รอบสนาม มีการจับเวลาต่อรอบให้ในรอบที่สอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของการขี่รถในแทร็คทั้งไลน์ การเข้าโค้ง เดินคันเร่งและจุดเบรกของนักแข่งมืออาชีพ แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม สิ่งที่ประทับใจนอกจากรูปแบบกิจกรรมทดสอบในครั้งนี่ก็คือ ตัวรถฮอนด้า CBR1000RR-R FIREBLADE SP เป็นมิตรตั้งแต่จับครั้งแรก ขนาดผู้เขียนที่มีโอกาสขี่ในสนามแข่งเป็นครั้งคราวยังสามารถสนุกไปกับตัวรถได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากนัก สำหรับผู้ที่ต้องการหาสุดยอดรถไว้ขี่สนุกในแทร็คเดย์ ฮอนด้า CBR1000RR-R FIREBLADE คือ ตัวเลือกที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยและนอกจากตัวรถ ยังได้รับโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมภาคสนามกับทางฮอนด้าตลอดปีด้วย
มาสัมผัสตัวจริงและสนใจได้ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2020 และที่ Honda BigWing ทุกสาขาทั่วประเทศ โดย All New Honda
CBR1000RR-R FIREBLADE รุ่นธรรมดา ราคาแนะนำที่ 999,000 บาท และ
CBR1000RR-R FIREBLADE SP ราคาแนะนำที่ 1,119,000 บาท สำหรับลูกค้า 50 คันแรกในไทย จะได้รับนาฬิกาข้อมือ TISSOT รุ่น T-RACE MARC MARQUEZ 2020 LIMITED EDITION พิเศษสุดมีลายเซ็นต์ของ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัย ทีมเรปโซลฮอนด้า ด้านหลังเรือน(เลเซอร์) พร้อมสิทธิพิเศษสามารถเข้าร่วมกิจกรรม Honda Track Xperience จำนวน 4 ครั้ง ภายใน 2 ปี