รีวิว The Ultimate X-Venture Press Trip EP.3 พิชิตภูตาจอกับฮอนด้า X-ADV
ภารกิจตอน 3 ของ
The Ultimate X-venture Press Trip ครั้งนี้คือ หุบเขาภูตาจอ ในจังหวัดพังงา หลังจากที่เก็บประสบการณ์สุดขีดกับ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 500X ที่จังหวัดจันทบุรีมาในตอน 2 ครั้งนี้ขอเปลี่ยนจักรยานยนต์คู่กายใหม่ เพื่อหาความแตกต่าง และท้าทายด้วยเส้นทางที่โหดกว่าเดิม กับ
ฮอนด้า X-ADV บิ๊กสกู๊ตเตอร์สไตล์ดูอัลสปอร์ต ขุมพลังเครื่องยนต์ 750 ซีซี พร้อมเกียร์ DCT ที่มีให้สื่อมวลชนเลือกเพียงคันเดียวท่ามกลางรุ่น 500X กับ CRF1000L โจทย์จึงท้าทายสุดๆ เราจึงขออาสาพาไปบุกตะลุยหุบเขาภูตาจอ ท้าความโหดของเส้นทางธรรมชาติให้มันรู้กันไป
ทริปอัลติเมทเอ็กซ์เวนเจอร์ ตอน 3 สื่อมวลชน 10 กว่าชีวิตเดินทางจากกรุงเทพฯ บินกันไปลงที่ภูเก็ตในช่วงสาย และเดินทางเข้าฮอนด้าบิ๊กวิงก์ภูเก็ต เพื่อเตรียมความพร้อมในการผจญภัยทริปนี้กันทันที อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นรถจักรยานยนต์ทั้งหมดเป็นฮอนด้า บิ๊กไบค์สไตล์แอดเวนเจอร์คละรุ่น ส่วนมากเป็น
CB500X ใหม่ ปี 2019 กับ
CRF1000L Africa Twin แอฟริกาทวิน มี
ฮอนด้า X-ADV จอดอยู่ 2 คัน สำหรับทีมงานและสื่อมวลชน ซึ่งครั้งนี้ทางเราได้เลือกที่จะลองสกู๊ตเตอร์อย่าง X-ADV หลังจากเคยนำมาทดสอบขี่บนทางดำและออฟโรดนิดหน่อย
เราออกเดินทางขี่บนทางดำถนนเรียบเกาะกลุ่มสบายกันไปเรื่อยๆ จนเข้าเขตจังหวัดพังงา วิ่งทางหลวงหมายเลข 4 ไปสักพักตัดเข้าสู่ทางสายรองจนมาถึงทางหมายเลข 4175 พร้อมแวะ 7/11 เพื่อพักเตรียมความพร้อมน้ำและของกินเผื่อไว้ จากนั้นขี่กันต่อจนมาเข้าทางลัดที่เป็นเส้นทางออฟโรดเตรียมลุยขึ้นภูตาจอ
ช่วงบ่าย อากาศดี ท้องฟ้าสดใส การเดินทางมาขี่ภาคใต้ช่วงนี้ย่อมกลัวกับการเจอฝน ซึ่งนั่นจะทำให้การเดินทางออฟโรดเต็มไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น ช่วงแรกๆ เส้นทางยังเป็นกรวดลอยขนาดเล็กขี่สนุกเพลิน ตัวรถ X-ADV มีอาการสไลด์บ้างในบางจังหวะที่เป็นโค้งหรือเปิดคันเร่งหนักไป แต่ก็ควบคุมแก้อาการไม่ยาก ขบวนฯ ขี่มาเจอทางคอนกรีตสลับไปสักพัก ชวนให้คิดว่าน่าจะขี่แบบสบายๆ ได้ไม่นาน
ขี่เพลินมาจนหัวเข้าขบวนเลี้ยวเข้าซอยข้างทาง ป้ายตรงนั้นบอกว่า ซอยภูตาจอ น่าจะเป็นทางขึ้นที่สมกับเป็นทริป The Ultimate X-venture สภาพแวดล้อมเริ่มปรับเปลี่ยนไปตามความลึกของเส้นทาง หินก้อนใหญ่ หินคลุกทราย แอ่งน้ำ ป่าไผ่ ทางชันขึ้น ลาดลงโค้ง เราดันกันไปถึงที่ทำการอุทยานฯ ได้พักดื่มน้ำ คลายกล้ามเนื้อ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเอ่ยปากเตือนว่าทางข้างหน้ามีต้นไม้ใหญ่ล้ม ตอนนั้นผู้เขียนมีอาการปวดข้อมือจนหมุนแขนไม่ได้ ผลจากการกระแทกตลอดเส้นทางออฟโรดที่เต็มไปด้วยหินลอยน้อยใหญ่
ฮอนด้า X-ADV ด้วยรูปแบบตัวรถแบบสกู๊ตเตอร์ทำให้ผู้เขียนต้องนั่งขี่เกือบตลอดเวลา นับเป็นข้อจำกัดจุดหนึ่ง ก้นเริ่มปวดบ้างจากการโดนกระแทกตลอดทาง อย่างไรก็ดีด้วยยางเดิม X-ADV ที่ลุยมาได้ขนาดนี้ก็นับว่าเกินความคาดหมาย และด้วยแรงบิดที่ดีทำให้ผ่านทุกอุปสรรคมาได้อย่างสบาย แต่ก็ต้องเลือกไลน์ขี่อย่างระมัดระวัง เพราะระยะห่างใต้ท้องรถมีไม่มาก จริงๆ ก็มีกระแทกหลายจังหวะจนกลัวรถพัง! ส่วนอาการสไลด์ที่ล้อหลังเวลาเจอทางลื่นมาก ก็เป็นเรื่องปกติของยางเดิมกับเส้นทางแบบนี้
เราก็มาถึงอุปสรรคใหญ่ของทริป ต้นไม้ล้มขวางทางแบบหมดสิทธิ์ไป จะว่าไปเหมือนเจ้าป่าเจ้าเขาไม่อยากให้เราไปต่อ แต่ What Stops You? มาถึงตรงนี้แล้ว ทีมสนับสนุนที่ติดตามมาด้วยพกมีดพร้ามาด้วย ก็ใช้ที่มีนั่นล่ะฟันหมายให้ขาด ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้นไม้ยังสดเกินไป มีดก็เล็กเกินไป แต่ก็ไม่มีทางเลือก ช่วยกันฟันอยู่นานทั้งหาหินมาลอง ขย่มช่วย เราถูกท้าทายเพิ่มขึ้นด้วยสายฝนที่กระหน่ำลงมา เป็นช่วงเวลาสำคัญของทริปจริงๆ แต่ไม่นานฝนก็หยุด เรายังคงฟันต้นไม้กันต่อสลับกันไปตามความอ่อนล้า สุดท้ายต้นไม้ก็ขาด ท่ามกลางความดีใจแต่เราก็ไม่สามารถดึงท่อนไม้หลีกออกจากทางได้ ! เพราะรากที่ยังยึดติดอีกฝั่ง เช่นเดียวกับช่วงบนที่ติดอยู่กับฝั่งป่าอีกด้าน สุดท้ายยังพอหาทางออกกันได้ ด้วยการช่วยกันดันถ่างให้มีช่องพอขี่ผ่านกันได้ แต่
ฮอนด้า X-ADV ที่ตัวถังกว้างกว่าใครก็เกือบจะไม่หลุดถ้าไม่อาศัยแรงบิดดันเบียดออกมา ตัวถังด้านล่างก็ต้องเจ็บช้ำกันไปบ้าง
หลังจากตรงนี้เส้นทางที่ควรเหมือนก่อนหน้า แต่กลับกลายเป็นเส้นทางอุปสรรคที่รอเสริมกระหน่ำให้เราหยุดการเดินทาง สมาชิกหลายคนพากันล้มลุกคลุกคลานกันเป็นว่าเล่น ต่างจากช่วงก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ก้อนหินใหญ่ปนทรายเป็นตัวแปรสำคัญ เรามาถึงจุดทางราบจอดพักกันแบบสะบักสะบอม เริ่มถามกันว่าจะไปต่ออีกไหม บ้างบอกอีกไม่ไกล ผู้นำทางโค้ชพี่เล่จาก Bikelane ควบ CRF1000L คู่ใจขึ้นไปสำรวจก่อน พร้อมบันทึกภาพจากโทรศัพท์ลงมาด้วยสีหน้าที่เป็นคำตอบ "ผมไปล้มอยู่ข้างบนด้วย ไม่ควรขึ้นไปน่ะ ยาก!" สมาชิกในทีมคนหนึ่งที่เพิ่งตามสวนขึ้นไป ก็ตามกลับลงมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หลังไปได้ไม่เท่าไหร่และเจออะไรที่บอกไม่ได้ แต่เราต้องการภาพ เลยยอมตกลงแบ่งกลุ่มที่มั่นใจว่าสู้ไหว รับผิดชอบตัวเองได้ขึ้นไป ส่วนที่เหลือทยอยขี่ลงไปรอก่อนฟ้ามืด จริงๆ ตอนนั้นเวลาราว 17.30 ลงไปยังไงก็มืดกลางทางอยู่ดี เมื่อตกลงกันได้แบบนี้พวกเราถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย มี 5 คันอาสาขี่ขึ้นไป ที่เหลือลงไปรอข้างล่าง และต่อจากนี้ก็นับเป็นช่วงไฮไลท์ที่เหมือนโดนกดปุ่มเร่งไปข้างหน้า
ฮอนด้า X-ADV ที่ต้องลงและเบรกด้วยมือทั้งหน้าและหลังสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก และการกระแทกจากโขดหิน ดินลื่น ร่องน้ำ สารพัด ทำให้ผู้เขียนค่อนข้างตรึงเครียด เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ สายตาสอดตามแสงไฟท้ายคันหน้า ความมืดเริ่มสยายปีกปกคลุมทั้งป่า สมองสั่งการว่าควรเผ่นให้เร็วที่สุดและห้ามล้ม!
การขี่ลงท่ามกลางความมืดมิด ต่างกับขาขึ้นที่สว่างและยังฮึกเหิมโดยสิ้นเชิง และการโดนทิ้งห่างจากกลุ่มหน้าออกไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ทำให้สายตาต้องมองทางตามไฟหน้าได้แค่นั้น และมีเวลาเลือกไลน์ดีๆ เผื่อไว้ไม่มาก การลงด้วยแรงโน้มถ่วงพร้อมใช้มือกดก้านเบรกเป็นหลัก อาการเจ็บที่ข้อมือหายไปชั่วขณะ ผู้เขียนขี่ลงผ่านโค้งนับไม่ถ้วน เหมือนเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน บางโค้งสายตาเหลือบไปเห็นศาลไม้เพียงตาเก่าๆ ได้แต่คิดเร็วๆ ขอให้ผ่านไปด้วยดีเถอะ จนมาถึงที่ทำการของเจ้าหน้าที่ กลุ่มที่ลงมาก่อนจอดรออยู่ เราพักกันไม่นาน เสียงแปลกๆ สารพัดดังออกมาจากป่า กระตุ้นเตือนให้ต้องรีบไปต่อ ซึ่งอีกนานพอสมควรกว่าจะถึงถนนดำข้างล่าง เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ ทุกอย่างในร่างกายทำงานเหมือนอัตโนมัติ ขี่ไปนานพอจนเริ่มเห็นแสงไฟไกลๆ เรามาถึงถนนดำจนได้ แต่ก็ไม่นานถนนดำก็ขาดหายไปเหลือแต่เส้นทางธรรมชาติไว้ให้ไปต่อท่ามกลางความมึดมิดอีกครั้ง เราได้รับคำยืนยันจากชาวบ้านแถวนั้นว่าเป็นทางเดียวที่ออกถนนได้ใกล้ที่สุดคือ ต้องลุยออกไปอีกราว 3 กม. ผ่านป่าออกไป !
ผู้เขียนรู้สึกมือเริ่มล้าคุมรถไม่ค่อยได้เหมือนเดิม ท้ายปัดไปมาหลายช่วงจนเกือบล้ม ความมืดยังเป็นอุปสรรคตลอดทาง ขี่ไปสักพักเหลือบไปเห็นแสงไฟส่องผ่านประตูโล่งๆ ของเพิงไม้ที่พักข้างทาง สะท้อนเงาดำคนนั่งอยู่ตรงกรอบประตูที่มองมา ในใจคิดจะจอดถามหรือขี่ต่อ ผู้เขียนตัดสินใจดึงสายตากลับมองทางข้างหน้าพร้อมตะบึงต่อไป ไปอีกพักใหญ่ก็เริ่มเห็นแสงไฟไกลๆ ไฟของรถกลุ่มเราที่จอดรอบนถนน เวลาที่ออกมาตรงนั้นประมาณสองทุ่ม
เราขี่ออกไปพร้อมกันจนเจอชุมชนและ 7/11 พร้อมจอดพักรอกลุ่มที่ขึ้นไปเขา ซึ่งไม่นานก็ตามออกมาอย่างปลอดภัย พร้อมเรื่องเล่ามากมาย ทำให้กลุ่มที่ลงมาก่อนแอบคาใจอยู่บ้าง ยิ่งได้รู้ว่าเส้นทางที่เหลือจากตรงนั้นไปอีกไม่ถึง 1 กม. หลังจากพักกินน้ำเติมอาหารพูดคุยกันพักใหญ่ ก็ต้องออกเดินทางกันต่อ เหลือระยะทางอีกร้อยกว่ากิโลเมตรเข้าภูเก็ต แต่ตราบใดที่เป็นทางดำก็เบาใจได้ นับเป็นทริปที่สนุก มัน และตื่นเต้นตามสไตล์ The Ultimate X-venture แต่ก็จบกันโดยสวัสดิภาพ สะบักสะบอม สนุกสนาน พร้อมเรื่องกลับไปเล่ามากมาย
นี่เป็นบทพิสูจน์ที่เยี่ยมยอดอีกครั้งสำหรับ ฮอนด้า บิ๊กไบค์ โดยเฉพาะ ฮอนด้า X-ADV ที่ครั้งนี้ขยับเลเวลขึ้นไปผจญภัยบุกตะลุยภูตาจอได้แบบไร้ปัญหา พร้อมกลับลงมาปิดทริป The Ultimate X-venture Press Trip ตอน 3 เก็บกุญแจที่ ฮอนด้า บิ๊กวิงก์ ภูเก็ตอย่างปลอดภัย สร้างความประทับใจในพละกำลัง ความทรหดของตัวรถที่ต้องยกนิ้วโป้งให้เลย