ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถมอเตอร์ไซค์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

หยิบกระเป๋า คว้ากล้อง ออกตะลอนญี่ปุ่นกับ A.P. Honda

icon 9 พ.ย. 60 icon 24,733
หยิบกระเป๋า คว้ากล้อง ออกตะลอนญี่ปุ่นกับ A.P. Honda

หยิบกระเป๋า คว้ากล้อง ออกตะลอนญี่ปุ่นกับ A.P. Honda

พอรู้ว่าจะต้องเดินทางไปร่วมทริปกับ A.P. Honda ที่จะพาสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ไปร่วมทำข่าวในงาน Tokyo Motor Show 2017 (TMS 2017) ก็ต้องขอบอกว่า "ขอบคุณมากๆ ครับ" ที่ทาง A.P. Honda ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Honda ในประเทศไทย ที่ให้เกียรติกับทีมงาน เช็คราคา.คอม ให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางครั้งนี้ จึงเป็นที่มาของการเดินทาง "หยิบกระเป๋า คว้ากล้อง ออกตะลอนญี่ปุ่นกับ A.P. Honda" ในส่วนของการเดินทางครั้งนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันดีกว่าครับ 
DAY 1 : โตเกียว- สวนฮิตาชิ ซีไซด์ - Honda Collection Hall - นิกโก้ 
หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่น ยกเลิกวีซ่าให้กับคนไทย ประกอบกับการเดินทางที่ไม่ลำบาก หลายร้านค้า สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ หลายร้านมีแม้กระทั่งคนพูดภาษาไทยได้ ทำให้ ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่คนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวกัน จนในบางสถานที่ท่องเที่ยวเรียกว่า "เดินชน..คนไทย" ง่ายกว่าเดินชนคนญี่ปุ่นซะอีก นั่นก็เพราะความน่าสนใจในศิลปะวัฒนธรรม, อาหาร, เทคโนโลยี และการเดินทางที่สะดวกสบาย ในช่วงที่ทีมงานเช็คราคา.คอมได้เดินทางไปนี้ นอกจากจะตรงกับช่วงงาน Tokyo Motor Show 2017 แล้วยังเป็นช่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งเป็นหนึ่งในความสวยงามของธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปชมกัน 

ก่อนการเดินทางจะเริ่มขึ้น แน่นอนสิ่งที่จะต้องทำคือ "การแลกเงิน" ถ้าแลกไม่มาก จะแลกที่เคาน์เตอร์บริการที่สนามบินก็ได้แต่เรทก็จะต่างจากร้านรับแลกเงินอยู่นิดหน่อย อย่างที่บอกถ้าแลกเงินไม่มากก็ต่างกันไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าใครจะแลกเยอะๆ ก็ต้องคอยติดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินเอาไว้ให้ดีๆ กับอีกอย่างที่ต้องทำคือ  "การตรวจเช็คสภาพอากาศ" โดยสามารถเช็คสภาพอากาศกับทาง weather.yahoo.co.jp ซึ่งการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมของญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างเชื่อถือได้ แต่ก่อนที่จะออกเดินทางไม่กี่วันก็มีข่าวพายุไต้ฝุ่นหมายเลข 21 หรือ พายุ Lan กำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศญีปุ่นในช่วงที่จะต้องเดินทางไปพอดี จากจะต้องเตรียมแค่เสื้อกันหนาว กลายเป็นต้องเตรียมเสื้อกันฝนไปด้วย แต่ยังไงซะ "เหลือดีกว่าขาด" ก็จัดไปแบบพร้อมๆ แทบไม่มีคำว่า "ไม่พอซื้อใหม่" ที่นั่นกันเลยทีเดียว 

การเดินทางในครั้งนี้เดินทางไปด้วยสายการบินไทย แม้ว่าจะเดินทางในช่วงกลางคืนให้ไปสว่างที่ญี่ปุ่นพอดี กลับกลายเป็นว่า หลับไม่ลงเพราะกังวลอยู่กับข่าวคราวของไต้ฝุ่นหมายเลข 21 หลังจากเครื่องบินลงถึงสนามบินฮาเนดะ เราก็ได้เจอกับอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นหมายเลข 21 กันทันที หลังจากผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ก็ออกเดินทางสู่จุดหมายแรกทันที โดยการนำของ คุณอรรณพ พรประภา ประธาน บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด พร้อมทีมงานฝ่ายสื่อสารการตลาดร่วมเดินทางมาด้วย 
สวนฮิตาชิ ซีไซด์ (Hitachi Seaside Park)


คุณอรรณพ พรประภา ประธาน บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กับ คุณมนสิชา สังข์สุวรรณ ผู้จัดการฝ่าย สื่อสารการตลาด


หากใครมาเยือนเมืองฮิตาชินากะ จังหวัดอิบารากิ ต้องไม่พลาดมาชมความสวยงามของสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่ครอบคลุม 1.9 ล้าน ตร.ม. ที่ภายในจะได้จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนต่างๆ ตามชนิดและสายพันธ์ุ ที่จะผลัดเปลี่ยนกันบานตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม จะเป็นฤดูของต้นโคเชีย (Kochia) หรือต้นไซปรัสฤดูร้อน ที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงตัดกับสีฟ้าอันสดใส (ตามที่ไกด์บอก) แต่ความจริงที่เราได้เจอก็คือท้องฟ้าไม่สดใส เพราะด้วยอิทธิพลของพายุ ทำให้ฟ้าในวันนี้ของสวยฮิตาชิ ซีไซต์ มีแต่เมฆฝน และลมกรรโชก เป็นช่วงๆ จากเดิมที่อากาศค่อนข้างเย็นๆ กลับกลายเป็นหนาวมากๆ หลังจากที่ร่มโดนแรงลมทำร้ายจนเสียหาย เรียกว่ากว่าจะเดินไป-กลับจุดชมวิวนั้นเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินไปชมบรรยากาศของต้นโคเชียจริงๆ 
ฮอนด้า คอลเลคชั่น ฮอลล์ (Honda Collection Hall)

ใครที่เป็นสาวกของ Honda ต้องไม่พลาดมาเยี่ยมชม Honda Collection Hall เพราะที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นในโอกาสครบรอบ 50 ปีของบริษัท Honda (พิพิธภัณฑ์ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1998) ตั้งอยู่บนเทือกเขาฮักโกะ ภายในบริเวณของสนามทวินริงโมเตกิ (Twin Ring Motegi) สนามที่สร้างมาเพื่อใช้ทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Honda และยังเป็นสนามที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก และยังเป็นหนึ่งในสนามที่ใช้แข่งขัน MotoGP อีกด้วย ห่างไปทางทิศเหนือของกรุงโตเกียวประมาณ 100 กิโลเมตร เปิดให้เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ภายในมีการจัดแบ่งโซนเพื่อแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี ทั้งที่เป็นรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ กว่า 300 คัน  ทันทีที่เดินเข้ามาภายในชั้นที่ 1 จะพบกับสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจาก มร. ฮอนด้า โซอิชิโร่ (Mr.Honda Soichiro) ผู้ก่อตั้ง Honda ที่ได้รับสมญานามให้เป็น “ชายผู้สร้างความฝันให้เป็นความจริง” ด้วยปณิธานการทำงาน มุ่งมั่นต้องการให้ทุกคนมีความสุขกับผลิตภัณฑ์ของเขา โดยเริ่มผลิตรถจักรยานติดเครื่องยนต์คันแรกของฮอนด้าเพื่อมอบให้กับภรรยาของเขาเองในปี ค.ศ. 1946 
ไฮไลต์ในชั้นนี้อยู่ที่ห้องจัดแสดงหุ่นยนต์ ASIMO ที่สามารถแสดงท่าทางต่างๆ เลียนแบบมนุษย์โดยเฉพาะในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้สามารถพัฒนาได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ผ่านภาษากาย ท่าวิ่ง ท่ากระโดด รวมถึงเตะฟุตบอล คาดว่าอีกไม่นานคงได้เห็นเวอร์ชั่นใช้งานช่วยเหลือมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ หรือตรงตามวัถตุประสงค์ที่ผู้ให้กำเนิดต้องการให้เกิดขึ้นจริงในอนาคต



ขยับมาชั้น 2 ชั้นนี้จะจัดแสดงวิวัฒนาการของผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย มีทั้งในส่วนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโฉมรุ่นคลาสสิกที่หาชมได้ยาก แต่ใน Honda Collection Hall แห่งนี้มีให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียว 




ปิดท้ายชั้นที่ 3 ที่ถูกเนรมิตรให้มีกลิ่นไอของความสำเร็จ ในวงการมอเตอร์สปอร์ตของ Honda ผ่านการจัดแสดงเกียรติประวัติต่างๆ ด้วยตัวแข่งสี่ล้อและสองล้อ ตลอดจนผลงานการคว้าถ้วยรางวัล สร้างชื่อเสียงบนเวทีมอเตอร์สปอร์ตระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์มาแล้วอย่างมากมาย





เสร็จจาก Honda Collection Hall ก็ออกเดินทางต่อไปยังเมืองนิกโก้ (Nikko) เมืองมรดกโลก ตั้งอยู่ในทิวเขาในจังหวัดโทะจิงิ เป็นหนึ่งในเมืองที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ภายในเมืองนิกโก้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นยุคโบราณ ซึ่งอยู่ในช่วงของโชกุน โทกุกาว่า อิเอยาสุ ซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองเอโดะให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ (โตเกียว) จนทำให้เมืองนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO

DAY 2 : นิกโก้ - Edo Wonderland - น้ำตกเคงอน (ทะเลสาบซูเซนจิ) - ศาลเจ้าโทโชกุ - โตเกียว 

กำหนดการเดินทางในวันที่ 2 นี้ต้องเลื่อนออกไปเล็กน้อยจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นหมายเลข 21 ที่เดินทางมาถึงช่วงที่กำลังนอนหลับ ตื่นเช้ามาก็พบกับลมแรง แต่ไร้ฝนถือว่าเป็นอะไรที่พอรับได้ หลังจากวันแรกต้องเปียกและหนาวไปพร้อมๆ กัน  ตื่นเช้ามาก็เจอกับบรรยากาศลมแรง น้ำเชี่ยวกันเลยทีเดียว 

สังเกตท้องฟ้าและแม่น้ำดูก็จะพอรู้ว่า ไต้ฝุ่นหมายเลข 21 ได้พัดผ่านไปแล้ว

ตรายางจะมีอยู่ตามจุดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นให้ได้สะสมลงในสมุดเวลาเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ 

ไหนๆ ก็มาแล้วลองดูว่าลายอะไร

ภาพถ่ายเก่าบนสะพานเดียวกันกับในภาพด้านบน
หมู่บ้านจำลองยุคสมัยเอโดะ (Edo Wonderland)
หมู่บ้านจำลองยุคสมัยเอโดะ (Edo Wonderland) ภายในจำลองสถานที่สำคัญในยุคสมัยเอโดะ ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน สะพาน ร้านค้า ร้านอาหาร โรงละคร วัฒนธรรม จนเหมือนได้ย้อนยุคไปสู่สมัยเอโดะ ภายในยังมีกิจกรรมให้ร่วมอีกมากมาย น่าเสียดายการแสดงนินจาโชว์ ไม่สามารถเก็บภาพมาฝากได้ เลยได้แต่เก็บบรรยากาศภายในหมู่บ้านจำลองมาฝากได้เพียงเล็กน้อย








น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall) 
เสร็จจาก Edo Wonderland ก็เดินทางต่อไปยังน้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของนิกโก้ เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากทะเลสาปซูเซนจิ  (Lake Chuzenji) ตัวทะเลสาบเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 20,000 ปีที่แล้ว โดยการชมน้ำตกแห่งนี้จะนำท่านลงลิฟต์ไปยังจุดชมวิวที่มีความสูงราว 90 เมตร เพื่อชมวิวจากด้านล่าง เพราะสายน้ำที่ไหลมาจะผ่านหน้าผาสูงชันลงไปยังแอ่งน้ำเบื้องล่างจนเกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม และในแต่ละปีจะมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่ซ้ำกันตามกระแสน้ำในทะเลสาบที่จะมีมากหรือน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งในครั้งนี้เราได้เห็นกระแสน้ำที่แรงจนเกิดเป็นความสวยงามที่ยากจะลืมเลยทีเดียว

ภูเขานันไต (Nantai) ต้นน้ำของทะเลสาปซูเซนจิ

จุดชมวิวแรกที่ได้มุมมองด้านบน

ลงลิฟต์มาถึงจุดชมวิวด้านล่าง ที่อยู่ต่ำลงมาราวๆ 90 เมตร ก็จะเห็นอีกภาพความงามของธรรมชาติสร้างสรรค์
ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)

เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโตของญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่โชกุน โทะกุงะวะ อิเอยะสุ โชกุนคนแรกของตระกูล โทะกุงะวะ เริ่มสร้างใน ค.ศ.1617 เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานวัฒนธรรม "ศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก้" ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ตั้งรูปเคารพและป้ายวิญญาณของ อิเอยะสุ รวมถึงอัฐิด้วย ภายในศาลเจ้ามีรูปสลักหินจำลองมากมายกว่า 5,000 รูป ส่วนศาลเจ้าที่เป็นที่่ตั้งของสุสานของ โทะกุงะวะ อิเอยะสุ จะต้องขึ้นบันไดหินกว่า 200 ขั้น ถึงจะได้ชมสุสานที่ฝั่งร่างของโชกุนท่านนี้พร้อมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม

ระหว่างเดินไปศาลเจ้าโทโชกุ ก็ได้เห็นว่า Super Cub ที่นี่เค้าฮิตกันจริงๆ 



ตรงจุดนี้ มีการสร้างปริศนาธรรมซ่อนอยู่ให้นักท่องเที่ยวได้ลองหาดู พอรู้มั้ยว่าคืออะไร

และนี่คือปริศนาธรรมที่ซ่อนอยู่ภายในศาลาหลังนี้

ระหว่างเดินกลับมาขึ้นรถบัสเจอกับเจ้า Super Cub อีกแล้ว 
ปิดท้ายการเดินทางในวันนี้ด้วยการเดินทางเข้าสู่กรุงโตเกียว ใกล้ๆ กับ ชินจูกุ เพื่อเข้าสู่ที่พัก แต่ไหนๆ ได้มาต่างแดนทั้งทีปล่อยเวลาให้ผ่านไปในห้องพักทำไม ออกไปเดินรับลม ชมบรรยากาศ พร้อมจับจ่ายใช้สอยตามประสานักท่องเที่ยวบ้างดีกว่า 

ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ...มองไกลๆ เห็นฟูจิซังได้เลยทีเดียว


แม้ว่ารถจะได้ไฟเขียวแต่ถ้ายังมีคนเดินอยู่บนทางม้าลายก็จะจอดให้คนข้ามไปจนหมด..อยากให้เป็นแบบนี้ที่บ้านเราจัง

DAY 3 : โตเกียว สกายทรี - วัดเซนโซจิ - ชินจูกุ

โตเกียว สกายทรี (Tokyo Skytree)
โตเกียว สกายทรี (Tokyo Skytree) เป็นสิ่งก่อสร้างในช่วงทศวรรษของการวางแผนก่อสร้างตึกระฟ้าในทั่วทุกมุมโลก โดดเด่นด้วยความสูง 634 เมตร ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า มุซาชิ (มุ=6,ซา=3,ชิ=4) ในภาษาญี่ปุ่น จนได้รับการบันทึกจาก Guinness World Record ว่าเป็น "หอคอยที่สูงที่สุดในโลก" โครงสร้างสามารถควบคุมแรงสั่นสะเทือนเมื่อเกิดแรงลมกระแทก และเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยจุดที่เราได้ขึ้นไปชมกันในครั้งนี้อยู่ที่ระดับความสูง  Tembo Deck (ชั้นระดับความสูง 350,345,340) สามารถชมวิวแบบพาโนรามาได้ทั้งจาก อิบารากิ, ชิบะ, คานากาวะ และ ไซตามะ โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8.00-22.00 น. ทุกวัน


วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple)
วัดใหญ่ในย่านอาซากุสะ นิยมเรียกกันว่า วัดอาซากุสะ หรือ วัดโคมแดง (Asakusa Kannon Temple) เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่และเป็นที่นิยมมากที่สุดวัดหนึ่งในเมืองโตเกียว ที่มีผู้คนเดินทางมาสักการะและเที่ยวชม โดยจะมีถนนนากามิเสะที่เป็นถนนยาวเข้าสู่พื้นที่ภายในวัดที่จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ตามตำนานเล่าว่าเมื่อประมาณปี ค.ศ. 628 สองพี่น้องได้ออกเดินเรือไปหาปลา และตกรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมได้ที่แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) และแม้ว่าจะพยายามทิ้งรูปปั้นลงแม่น้ำเท่าไหร่ก็ตาม รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมก็จะกลับมาหาพวกเขาอยู่เสมอ จึงได้มีการสร้างวัดเพื่อประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้ก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ.645 จึงถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว


โคมแดง สัญลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเก็บภาพกลับไป

ก่อนเข้าไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องทำความสะอาดร่างกายตามธรรมเนียมญี่ปุ่น


ถนนนากามิเสะ เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งขนม และของที่ระลึก
เสร็จจากเข้าวัดแล้วช่วงบ่ายก็เดินทางสู่แหล่งช้อปปิ้งย่าน ชินจูกุ เป็นการพักผ่อนทั้งร่างกาย และเงินในกระเป๋า ก่อนจะต้องเข้างาน Tokyo Motor Show ในวันถัดไป 






แม้จะอยู่ในเขตเมืองที่ระบบขนส่งสารธารณะใช้งานได้สะดวก แต่ก็ยังเห็นการใช้รถจักรยานยนต์ได้ตามท้องถนนทั่วไป


ความแตกต่างระหว่างกลางวัน (ภาพบน) กับกลางคืน (ภาพล่าง) 

DAY 4 : โตเกียว - Tokyo Motor Show 2017

Tokyo Motor Show 2017 จัดเป็นครั้งที่ 45 แล้วโดยในปีนี้ก็ยังใช้พื้นที่ของ "โตเกียว บิ๊กไซท์" ศูนย์จัดนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภายในงานก็มีการจัดแสดงยนตรกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่ง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงรถจักรยานยนต์ ฯลฯ เอาไว้เต็มพื้นที่ โดยแบ่งออกเป็นฝั่ง West Hall กับ East Hall สำหรับวันแรกนี้เราเดินทางมากับทาง A.P. Honda ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Honda ในประเทศไทย ก็เลยจะต้องอยู่ร่วมกิจกรรมที่บูธ Honda แทบจะทั้งวัน 

เริ่มต้นด้วยการแถลงข่าวเปิดบูธ Honda ที่จัดแสดงทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ รวมถึงแนะนำรถยนต์ต้นแบบ โดย 
มร.ทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด 



จากนั้นเข้าสู่ช่วงสัมภาษณ์พิเศษในช่วงบ่าย โดยเป็นการเปิดโอกาสให้สัมภาษณ์ มร. ทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด, มร. โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด และ มร. โนริอะ อาเบะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสายงานรถจักรยานยนต์ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ โดยมีคุณสาวิตรี แก้วพวงงาม ผู้จัดการทั่วไปส่วนงานสื่อสารการตลาด บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เป็นล่ามแปลภาษาให้  เนื้อหาโดยสรุปสั้นๆ ก็คือ "ทิศทางในอนาคตของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าก็คือการเดินหน้าสู่สังคมปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และภายในปี 2030 จะจัดจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 2 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์ของ Honda ทั้งหมดส่วนทิศทางในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในช่วงที่เติบโต และเป็นตลาดที่น่าจับตามอง"


(จากซ้ายไปขวา) มร. โนริอะ อาเบะ , มร. ทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ และ มร. โยอิจิ มิซึทานิ 

มร. ทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ  และ คุณ อรรณพ พระประภา
จบจากช่วง สัมภาษณ์พิเศษ ก็เดินทางมารับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์ในหมวดต่างๆ ของรถจักรยานยนต์ Honda กันต่อก่อนที่จะจบกิจกรรมในวันนี้ โดยคณะสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารการตลาด เอ.พี. ฮอนด้า นั้นได้ออกเดินทางกลับกรุงเทพในคืนนี้เลย แต่ทีมงานเช็คราคา.คอมยังอยู่ต่อเพื่อเก็บภาพบรรยากาศและข้อมูลภายในงานเพื่อมานำเสนอให้ผู้ที่ติดตามได้รับชมกัน





DAY 5 : Tokyo Motor Show 2017 - สนามบิน ฮาเนดะ - กรุงเทพฯ

วันสุดท้ายในการอยู่ที่ญี่ปุ่นกับงาน Tokyo Motor Show 2017 หลังจากคณะสื่อมวลชนที่เดินทางมากับ A.P. Honda เดินทางกลับกันไปหมดแล้วนั้น คราวนี้ก็ได้เวลาต้อง...อยู่เอง กินเอง เดินทางเอง เอาตัวให้รอดในเมืองโตเกียวให้ได้ แต่อย่างที่บอกแต่แรกแล้วว่า การเดินทางโดยรถไฟในญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างที่จะไม่ยาก สามารถเปิด Google Map ช่วยได้ หรือจะไปยืนเล็งแผนที่ที่หน้าสถานีก็พอจะได้ด้วย เลยค่อนข้างที่จะสบายหน่อย 

ภาพรถจักรยานยนต์ต่อท้ายรถยนต์ในบริเวณไฟแดงไม่แทรกไปตามช่องต่างๆ ที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในญี่ปุ่น
(ภาพถ่ายขณะกำลังเดินไปไปขึ้นรถไฟที่สถานี ชินจูกุ เพื่อเดินทางไปงาน TMS2017)
 
หน้าตาเครื่องซื้อตั๋วรถไฟของญี่ปุ่น ใช้งานง่ายไม่ยากนัก บ้างก็ซื้อตั๋ววัน แต่เราหยอดเอาเป็นครั้งๆ ไป ดูจะประหยัดกว่า

จากสถานีชินจูกุ ก็เดินทางมาลงที่สถานีชิมบาชิ เพื่อเปลี่ยนสายไปยังรถโมโนเรล
สังเกตสัญลักษณ์ภายในสถานีก็พอจะเดาทางได้ไม่ยาก

แค่ข้ามฝั่งจากสถานีชิมบาชิของรถไฟ JR ก็มาขึ้นโมโนเรลสายยูริกาโมเมะที่สถานีชิมบาชิ

นั่งสบายๆ ได้ชมวิวมุมสูงไปเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง 

ระหว่างทางผ่านเจ้าหุ่น Gundam ด้วย

U11 คือสถานีปลายทางที่โตเกียว บิ๊กไซท์ เบ็ดเสร็จค่ารถไฟจากสถานีชินจูกุ จนถึงที่โตเกียว บิ๊กไซท์
ก็ประมาณ ไม่เกิน 600 เยน ไปกลับก็ราวๆ 1,200 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 360 บาท

ลงจากสถานีมาจะเจอทางเชื่อมเข้าไปอาคาร โตเกียว บิ๊กไซท์ เห็นป้ายแบบนี้สบายใจ ไม่หลงแล้วล่ะ


ก่อนเข้างานสื่อมวลชนต้องห้อยบัตรเข้างานเพื่อให้เจ้าหน้าที่สแกน QR Code บนบัตร 
และในช่วงบ่ายของวันที่ 2 ของงานก็เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมงาน Tokyo Motor Show 2017 กันต่อ ซึ่งดูจากแถวของประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ต่อแถวเข้างานก็ต้องบอกว่าได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว 
แล้วก็ถึงเวลาที่ทีมงาน เช็คราคา.คอม ของเราจะต้องกลับเมืองไทยแล้ว โดยการนั่งรถไฟกลับไปยังสถานีชินจูกุ เพื่อเก็บสัมภาระ รอรถ ลิมูซีน บัส ที่ได้จองตั๋วไว้ (ราคาเพียง 1,230 เยน ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 369 บาท) ที่เป็นรถบัสตรงไปยัง สนามบินฮาเนดะ (International Terminal) เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย 

ลากกระเป๋าลงมารอ..เผื่อเวลาสักนิด เพราะรถที่นี่มาตรงเวลามาก

ตารางรถบัส ที่ออกเดินทางจากโรงแรมที่พักไปยังสนามบิน มีให้เลือกทั้งสนามบินนาริตะ และ สนามบินฮาเนดะ 

รถมาตามเวลาเตรียมกลับบ้าน


ลาก่อน...ชินจูกุ ไว้พบกันใหม่

ถึงสนามบินในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ทันเช็คอิน บอร์ดดิ้ง และช้อปปิ้งสบายๆ ก่อนขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทย
ถือเป็นการปิดทริปอย่างประทับใจ สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ที่ให้เกียรติทีมงาน เช็คราคา.คอม ได้ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจไม่ว่าจะเป็นที่ Honda Collection Hall หรือที่งาน Tokyo Motor Show 2017 ก็ตาม ขอบคุณครับ 
แท็กที่เกี่ยวข้อง ญี่ปุ่น japan เอ.พี. ฮอนด้า a.p. honda tokyo motor show โตเกียว มอเตอร์โชว์ 2017
Motorbike Guru
เขียนโดย เช็คราคา.คอม Motorbike Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)