DUCATI Diavel มีอะไรดีมาดูกัน
Ducati Diavel สร้างปรากฎการณ์รูปแบบใหม่ในตลาดรถกลุ่ม Sport Cruiser ทั้งทางด้านดีไซน์ ด้านวิศวกรรม หลังจากเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกเมื่อปี 2011 ก็สามารถทำยอดขายทั่วโลกกว่า 20,000 คัน ความลงตัวของเทคโนโลยีและศิลป์ ถ่ายทอดความเร้าใจในประสิทธิภาพด้านการขับขี่ และพลังเครื่องยนต์อันมหาศาล
Ducati Diavel ถูกออกแบบและผลิตขึ้นตามแนวคิดความลงตัวของน้ำหนักที่เบา ให้พลังสูง ควบคุมง่าย พร้อมความสะดวกสบาย ด้วยเทคโนโลยี่เต็มคัน ทั้งเบรก ABS, DTC (Ducati Traction Control) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการถ่ายทอดกำลังผ่านล้อหลังได้อย่างมั่นใจ มั่นคงด้วยดีไซน์ ให้พลังเหลือเฟือจากเครื่องยนต์ 162 แรงม้า กับน้ำหนักตัว 207 กก. ยางหลังขนาด 240 มม. ซีรี่ส์ใหม่สำหรับเติมเต็มให้การขับขี่ในทางโค้งทำได้อย่างง่ายดาย เสริมบุคลิกความทันสมัย ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอิเล็กทรอนิกส์มากมาย
ภาพจาก 15pictures.com จุดเด่นของเจ้า Diavel ที่ชัดเจนก็คือ ไฟหน้าแบบ LED สว่างทันสมัยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไฟท้าย LED ทรงยาวแบบแนวตั้งคู่ ซึ่งเห็นชัดในระยะไกล ทางด้านข้างโดดเด่นด้วยโครงตัวถังแบบเปลือย และฝั่งที่ติดตั้งชุดท่อไอเสียในรูปแบบเฉพาะตัว โค้งงอออกจากเสื้อสูบและรวมออกมาที่ส่วนปลายท่อแบบคู่ทางด้านขวาในแบบ 2-1-2 ช่วยให้ถ่ายเทอากาศได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น
ภาพจาก hdwpapers.com แผงหน้าปัดเพิ่มสีสันและเทคโนโลยีในรูปแบบดิจิทัล พร้อมจอ LCD Display บอกสถานะการทำงานต่างๆ เช่น ไฟเตือนสถานะต่างๆ, แรงดันน้ำมันเครื่อง, ระดับความร้อนหม้อน้ำ, ความเร็วรอบเครื่องยนต์, มาตรวัดความเร็ว, นาฬิกา, ระบบ ABS ส่วนจอ TFT บอกตำแหน่งเกียร์, อุณหภูมิอากาศ, มีระบบตั้งระยะทางได้ 2 ทริป, ระดับไฟของแบตเตอรี่, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน, ตารางบำรุงรักษา, และสถานะของโหมดการขับขี่ รวมทั้งไฟแสดงสถานะของระบบความปลอดภัยต่างๆ เป็นต้น
Ducati Diavel ปัจจุบันมีรุ่นย่อยให้เลือก 2 รุ่นคือ Ducati Diavel และ Ducati Diavel CaRbon ซึ่งมีความแตกต่างตรงที่ล้อแม็กรุ่น Diavel จะใช้แบบอัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 14 ก้าน ส่วนรุ่น Diavel Carbon เป็นล้อปั๊มขึ้นรูปเทคโนโลยี Marchesini forged and machined 9 ก้านสีเงินรมดำ ส่วนขนาดของยางและขอบล้อเท่ากันคือ ล้อหน้าขนาด 120/70 ZR 17 ยางของ Pirelli Diablo Rosso II และหลัง 240/45 ZR17 ยางของ Pirelli Diablo Rosso II นอกนั้นส่วนอื่นๆ ยังคงใช้พื้นฐานเดียวกัน
Elliptical throttle bodies เครื่องยนต์ทันสมัยแบบ Testastretta Dual Spark (DS) (หัวเทียนคู่ต่อ 1 สูบ) L-Twin 2 สูบ 8 วาล์ว ทำมุม 11 องศา อัตราส่วนการอัด 12.5:1 ความจุ 1,198.4 ซีซี ระบายความร้อนด้วยระบบหม้อน้ำคู่ที่ติดตั้งทั้ง 2 ข้างตัวรถ กำลังสูงสุด 162 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ/นาที แรงบิด 130.5 นิวตันเมตร ที่ 8,000 รอบ/นาที หัวฉีดอีเล็กทรอนิกส์ ลิ้นปีกผีเสื้อรูปไข่และควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (fully ride-by-wire controlled) ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะระบบคลัตช์แบบ Slipper ที่น้ำหนักเบาแม่นยำและนุ่มนวล ให้ความสะดวกสบายเมื่อใช้งานในเมืองที่การจราจรติดขัด พร้อมความจุถังน้ำมัน 17 ลิตร และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากสื่อต่างประเทศได้ทดสอบเอาไว้ในเวลาเพียง 2.9 วินาทีเท่านั้น!
ระบบเบรกของเดียแวล ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์คู่ขนาด 320 มม.พร้อมคาลิปเปอร์ข้างละ 4 ลูกสูบจาก Brembo และเบรกหลังจานเดี่ยวขนาด 265 มม. แบบ 2 ลูกสูบเบรกสแตนดาร์ด และระบบ ABS
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ Marzocchi fully adjustable 50 mm usd fork with DLC-treatment - เทคโนโลยี Diamond-like carbon และด้านหลังใช้ของ Sachs แบบ Fully adjustable rear shock with progressive linkage. Remote spring preload adjustment. Single-sided aluminium swingarm ปรับระดับได้ตามโหมดที่ตั้งค่าเอาไว้
เทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่ ดูคาติ เดียแวล ติดตั้งเป็นพิเศษนั่นคือ Ride-By-wire โหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ตามความต้องการ ได้แก่ Sport, Touring และ Urban หรือเรียกว่า "Riding Mode" ที่จะแสดงบนจอ LED เหนือถังน้ำมันนั่นเอง ในแต่ละโหมดจะคำนวนสภาพการขับขี่ให้เหมาะสมทั้งเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง การทรงตัวให้สอดคล้องตามที่ผู้ขับขี่เลือกเอาไว้ เช่น โหมด Sport ใช้ให้กำลังเต็มที่สูงสุด 162 แรงม้า เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งอัตราเร่งและความเร็ว, โหมด Touring ยังให้กำลัง 162 แรงม้า เพื่อการเดินทางที่พร้อมทุกสถานการณ์ และโหมดใช้งานในเมืองถูกปรับลดระดับความแรงลงเหลือ 100 แรงม้า เพื่อการใช้งานที่ประหยัดคุ้มค่า
ดูคาติ เดียแวล ออกแบบให้ใช้งานได้คุ้มค่าด้วยช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษาที่ 15,000 กม. หรือ 12 เดือน และการตรวจเช็คระบบปรับตั้งวาล์วทุก 30,000 กม.
เป็นอย่างไรบ้างครับกับรถจักรยานยนต์ ดูคาติ เดียแวล สุดยอดรถบิ๊กไบค์ในฝันของใครหลายคน ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ และกลิ่นอายของความสปอร์ตจากอิตาลี นับว่าเป็นรถจักรยานยนต์อีกหนึ่งค่ายที่โดดเด่นมาตั้งแต่แรกเริ่ม และมีกระแสที่แรงระดับต้นๆ ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก