คุณอยู่ทีมไหนในการสมัครบัตรเครดิต?

icon 23 พ.ค. 66 icon 4,355
คุณอยู่ทีมไหนในการสมัครบัตรเครดิต?
จะสมัครบัตรเครดิตซักใบ แน่นอนว่าก่อนสมัครก็ต้องเปรียบเทียบบัตรเครดิตจากหลายๆ ธนาคารอยู่แล้ว และอย่าลืมคิดว่านี่คือการยืมเงินในอนาคตมาใช้ก่อน โดยจะเป็นการยืมจากธนาคารผู้อนุมัติบัตรเครดิตให้กับเรา ดังนั้น ในส่วนของธนาคารก็จะต้องค่อนข้างแน่ใจว่าจะได้รับชำระเงินคืนตามระยะเวลาที่กำหนด และในส่วนของผู้ใช้บัตรเครดิต หากไม่ชำระตามกำหนดก็จะเกิดดอกเบี้ย หรือหากเกินกำหนดไปนานๆ เข้า ก็จะเกิดเป็นหนี้สินที่พอกพูนขึ้นมาเลยค่ะ ซึ่งก่อนที่ธนาคารจะอนุมัติบัตรเครดิตสักใบ เรื่องหลักๆ ที่ธนาคารจะพิจารณาก็คือ ความสม่ำเสมอของรายได้ของผู้สมัครบัตรเครดิต เพื่อพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ของเราเป็นสำคัญ
 
และถึงแม้ว่าการพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิต จะพิจารณาจากรายได้เป็นหลัก แต่วันนี้…ไม่ว่าคุณจะมีรายได้มาก หรือน้อย รายได้สม่ำเสมอ หรือไม่ หรือแม้แต่คุณจะไม่มีรายได้ คุณก็สามารถสมัครบัตรเครดิตได้ โดยเลือกวิธีการสมัครที่แตกต่างกันค่ะ แต่จะมีวิธีไหนบ้าง มาดูกันค่ะว่าถ้าแบ่งการสมัครบัตรเครดิตออกเป็น 4 ทีมนี้ คุณจะอยู่ทีมไหนในการสมัครบัตรเครดิตในครั้งนี้นะคะ smiley
 
#ทีมพนักงานเงินเดือน หรือเจ้าของกิจการ
เริ่มกันที่ #ทีมพนักงานเงินเดือน หรือเจ้าของกิจการ กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ประจำสม่ำเสมอ และค่อนข้างแน่นอน สำหรับพนักงานเงินเดือนหลักฐานแสดงรายได้ก็จะใช้เป็น "สลิปเงินเดือน" ส่วนเจ้าของกิจการ ก็จะต้องแสดงหลักฐานรายได้ เช่น สำเนาบัญชีธนาคารที่ใช้ในธุรกิจ หรือสำเนาบัญชีเงินฝากส่วนตัว เพื่อแสดงรายรับ-รายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน ประกอบการสมัครบัตรเครดิต เป็นต้น ซึ่งเอกสารเหล่านี้ก็จะเป็นเหมือนใบเบิกทางในการทำธุรกรรมสินเชื่อต่างๆ รวมถึงช่วยให้สมัครบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้น เพราะจะแสดงให้เห็นได้ในระดับหนึ่งว่า คุณมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ 
 
แต่ทั้งนี้ วงเงินที่ได้รับอนุมัติของแต่ละคนก็จะแตกต่างกัน เพราะนอกจากที่ธนาคารจะพิจารณาเรื่องรายได้แล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ใช้พิจารณาประกอบเพิ่มเติมด้วยนะคะ
 
#ทีมเงินฝากค้ำ
สำหรับ #ทีมเงินฝากค้ำ จะเป็นกลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำแบบพนักงานเงินเดือน หรือเจ้าของกิจการ เช่น ฟรีแลนซ์ หรือนักศึกษา ซึ่งกลุ่มนี้ก็สามารถสมัครบัตรเครดิตได้ง่ายๆ โดยการใช้บัญชีเงินฝากมาค้ำประกันเพื่อขอสมัครบัตรเครดิต 
 
ซึ่งวิธีการก็คือ เลือกธนาคารที่จะสมัครบัตรเครดิต และนำเงินไปฝากกับธนาคารนั้นๆ โดยสามารถเลือกฝากเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือฝากประจำ 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี ไปจนถึงสูงสุด 3 ปี เพื่อเป็นการค้ำประกันวงเงินในบัตรเครดิต ในส่วนของการอนุมัติวงเงินธนาคารก็จะอนุมัติให้เท่ากับจำนวนเงินที่ฝากไว้ และในบัญชีเงินฝากก็ยังได้รับดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของประเภทบัญชีที่เปิดตามปกติอีกด้วย 
 
แต่การสมัครบัตรเครดิตด้วยวิธีนี้จะมีข้อเสียคือ ไม่สามารถขอเพิ่มวงเงินชั่วคราวได้ และไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้จนกว่าจะทำการยกเลิกบัตรเครดิต

#ทีมบัตรเสริม
#ทีมบัตรเสริม เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ไม่เข้าเกณฑ์ของการสมัครบัตรเครดิตทั่วไป เช่น นักเรียน นักศึกษา หรือผู้สูงวัย เป็นต้น การสมัครบัตรเครดิตของทีมบัตรเสริม จะได้รับเป็นบัตรประเภทเดียวกับบัตรหลัก สามารถใช้จ่ายได้เหมือนกัน โดยใช้เป็นวงเงินเดียวกันกับบัตรหลัก ซึ่งเจ้าของบัตรหลักสามารถกำหนดวงเงินใช้จ่ายของบัตรเสริมได้ด้วย เช่น กรณีที่คุณพ่อสมัครบัตรเสริมให้คุณลูกนักศึกษา เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย แต่ก็ยังสามารถกำหนดวงเงินของบัตรเสริม เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินตัวได้ เป็นต้น 
 
ในการสมัครบัตรเครดิตก็ง่ายกว่าการสมัครบัตรเครดิตของทีมอื่นๆ เพียงแค่ผู้สมัครบัตรหลักยินยอมให้มีการสมัครบัตรเสริม ก็ใช้เอกสารแค่สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของบัตรหลัก และผู้ที่สมัครบัตรเสริมเท่านั้น โดยไม่ต้องมีเอกสารแสดงรายได้ใดๆ 
 
#ทีมinvite อยากให้ใช้ต้องเชิญ
สำหรับ #ทีมinvite อยากให้ใช้ต้องเชิญ เป็นทีมสำหรับผู้มีรายได้ค่อนข้างสูง เช่น มีรายได้ต่อปี เกิน 7 หลักขึ้นไปต่อปี หรือมียอดเงินฝาก หรือเงินลงทุนจำนวนหนึ่งกับธนาคาร เมื่อธนาคารพิจารณาแล้วเห็นว่ามีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การสมัคร ก็จะเรียนเชิญให้สมัครบัตรเครดิต ซึ่งบัตรเครดิต Invitation Only จะเป็นบัตรที่ยกระดับ และสร้างความ Exclusive ให้เจ้าของบัตร แต่ก็จะพ่วงมากับค่าธรรมเนียมบัตรที่ค่อนข้างสูง และไม่สามารถขอยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีได้ ซึ่งหากมีการใช้จ่าย เพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ เป็นประจำ เช่น การได้สิทธิใช้ห้องรับรองพิเศษที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือที่สนามบิน การอัพเกรดบัตรโดยสารจากชั้นประหยัดเป็นชั้นธุรกิจ การสะสมคะแนนที่รวดเร็วกว่า เป็นต้น ก็ลองตัดสินใจถึงความคุ้มค่าของการถือบัตรประเภทนี้ไว้ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีได้นะคะ 
 
แต่ไม่ว่าจะเป็นทีมไหนในการสมัครบัตรเครดิต ก็ควรศึกษาทั้งประโยชน์ และข้อพึงระวังในการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ไว้ด้วยนะคะ 
ประโยชน์ของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
  • มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ประมาณ 45 - 55 วัน ช่วยทำให้เรามีเวลาในการจัดการสภาพคล่องทางการเงินได้เป็นอย่างดี
  • สามารถชำระคืนขั้นต่ำ (เพียงบางส่วน) ได้ เหมาะสำหรับคนที่เกิดเรื่องฉุกเฉินทางการเงินที่ทำให้ไม่สามารถชำระยอดเต็มได้ในคราวเดียว แต่ส่วนที่ค้างชำระก็จะต้องเสียดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของธนาคาร
  • ได้รับส่วนลด หรือสิทธิพิเศษในการใช้บริการ จากร้านค้าที่เข้าร่วม หรือเป็นสมาชิกบัตร
  • สามารถผ่อนสินค้าด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% กับร้านค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ได้
  • มีคะแนนสะสมจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต สามารถนำไปแลกเป็นของรางวัล สะสมไมล์การเดินทาง ใช้คะแนนแทนส่วนลด หรือรับเครดิตเงินคืน จากร้านค้าที่ร่วมรายการได้
  • หากเกิดกรณีฉุกเฉินเราสามารถนำบัตรเครดิตไปกดเงินสดจากตู้ ATM ได้ (แต่จะมีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด และต้องเสียดอกเบี้ย)
  • สามารถนำไปใช้จ่ายที่ต่างประเทศได้ และมีสิทธิประโยชน์เรื่องวงเงินคุ้มครองจากประกันการเดินทางควบคู่มาให้ด้วย 
ข้อพึงระวังของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
  • เนื่องจากความสะดวกสบายในการใช้จ่าย อาจทำให้เราเพลิดเพลิน ใช้จ่ายเกินตัวจนเกิดหนี้สินพอกพูนได้ 
  • หากชำระคืนขั้นต่ำ หรือชำระคืนไม่ตรงตามกำหนดเวลา จะต้องเสียดอกเบี้ย และอาจมีค่าปรับจากการติดตามทวงถามหนี้ได้ 
  • หากไม่ชำระค่าบัตรเครดิต จนกลายเป็นหนี้เสีย ติดเครดิตบูโร ก็จะส่งผลให้ไม่สามารถขอสินเชื่ออื่นๆ เพิ่มเติมได้ จนกว่าจะเคลียร์ภาระหนี้ก้อนนี้ให้เรียบร้อยก่อน 

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าเราจะสมัครบัตรเครดิตด้วยวิธีไหนๆ สิ่งที่เราพึงกระทำคือ "เราควรมีวินัย ทั้งเรื่องการใช้จ่าย และการชำระคืน" เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแล้ว เราควรชำระคืนให้ครบตามกำหนดทุกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาหนี้สินล้นพ้น ทั้งจากดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่อาจจะเกิดตามมา จนไม่สามารถจ่ายคืนได้นะคะ  wink
แท็กที่เกี่ยวข้อง สมัครบัตรเครดิต by invitation only เงื่อนไขการสมัครบัตรเครดิต สมัครบัตรเครดิตแบบเงินฝากค้ำ สมัครบัตรเสริม
Money Guru
เขียนโดย ชนานาถ จินตกสิกรรม Money Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)