รูดบัตรเครดิต...บางห้างฯ ไม่ต้องเซ็นสลิปกันแล้ว ดีหรือไม่? ปลอดภัยหรือเปล่า?
เคยมั๊ย? ที่เมื่อก่อนเวลาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า แล้วต้องยืนรอคิวจ่ายเงินนานๆ ไหนจะซื้อของเยอะ ไหนจะต้องรอเซ็นสลิปบัตรเครดิตอีก...แต่ยุคนี้ ! ไม่ต้องแล้วค่า เพราะห้างสรรพสินค้า และผู้ให้บริการบัตรเครดิต บัตรเดบิต ต่างก็อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ให้จับจ่ายใช้สอยกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น เพียงแค่รูดบัตรเพื่อชำระเงิน เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ ว่าแต่...ถ้าการชำระเงินจะง่ายแบบนี้ จะมีข้อจำกัดอะไรบ้าง? แล้วจะปลอดภัยหรือไม่? เราลองมาหาคำตอบกันค่ะ
การเซ็นชื่อในสลิปบัตรเครดิต จำเป็นหรือไม่?
จากความเห็นของผู้เขียนเอง ที่ใช้บัตรเครดิตในการซื้อของตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน หรือร้านอาหาร แทบจะไม่มีที่ไหนที่พนักงานจะเทียบลายเซ็นที่เราเซ็นกับลายเซ็นที่ด้านหลังบัตรเลยค่ะ หรือต่อให้ยกขึ้นมาดูเราเซ็นแค่คล้ายๆ พนักงานก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ซึ่งการเซ็นชื่อก็ไม่ได้เป็นการการันตี 100% ว่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน และก็ไม่สามารถป้องกัน และรักษาความปลอดภัยของการใช้บัตรเครดิตได้จริง
หรือจากที่มีข่าวว่าพนักงานในปั๊มน้ำมันแอบจดเลขที่บัตร เลขหลังบัตรของลูกค้า แล้วนำไปใช้ซื้อเกมส์ออนไลน์ หรืออีกสารพัดข่าวที่เคยได้ยินกันมา แม้จะมีการเซ็นชื่อในสลิปบัตรเครดิตก็ไม่ได้ปลอดภัย 100% ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการเซ็นชื่อในสลิปบัตรเครดิตอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป หากสถาบันการเงินและบริษัทบัตรเครดิตมีระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ที่ดีกว่า และสามารถเข้ามาทดแทนกันได้ คนใช้บัตรเครดิตก็น่าจะอุ่นใจขึ้น
ข้อดี และข้อพึงระวังในการซื้อสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิต แล้วไม่ต้องเซ็นสลิป
ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นในห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ต เริ่มมีการรูดซื้อสินค้าหรือบริการผ่านบัตรเครดิต และไม่ต้องเซ็นสลิปให้เห็นกันบ้างแล้ว เช่น Big C, Central เรามาดูกันค่ะว่าวิธีการแบบนี้มีข้อดี และข้อพึงระวังอะไรบ้าง...
ข้อดี
1. ช่วยลดขั้นตอนในการซื้อสินค้า เวลาที่ลูกค้าชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยบัตรเครดิต โดยเฉพาะช่วงที่มีคนซื้อสินค้าจำนวนมาก เช่น วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ หรือช่วงที่ห้างสรรพสินค้าจัดโปรโมชั่นต่างๆ แทนที่ลูกค้าจะต้องรอคิวยาวๆ การลดขั้นตอนการเซ็นสลิปบัตรเครดิตลงก็จะทำให้สะดวก และประหยัดเวลาได้มากขึ้น
2. มีการจำกัดยอดเงินขั้นต่ำสำหรับกรณีที่ซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิต และไม่ต้องเซ็นสลิป เพื่อช่วยรักษาระดับความปลอดภัยให้กับลูกค้าไว้อีกระดับหนึ่งค่ะ โดยภายใต้เงื่อนไขของ VISA และ Mastercard มีการกำหนดยอดเงินในการซื้อสินค้าที่ไม่ต้องเซ็นชื่อในสลิป ซึ่งแต่ละค่ายก็มียอดกำหนดไว้แตกต่างกัน ดังนี้
| VISA Easy Payment Service (VEPS) | กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำกรณีที่รูดซื้อสินค้า แล้วไม่ต้องเซ็นชื่อในสลิปบัตรเครดิต ในวงเงินไม่เกิน 700 บาท |
| Mastercard Quick Payment Service Program (QPS) | กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำกรณีที่รูดซื้อสินค้า แล้วไม่ต้องเซ็นชื่อในสลิปบัตรเครดิต ในวงเงินไม่เกิน 1,500 บาท |
| VISA payWave | กำหนดจำนวนเงินไว้ไม่เกิน 1,500 บาท โดยใช้วิธีแตะบัตรที่เครื่องในร้านที่มีเครื่องหมาย payWave
แต่หากยอดที่จะชำระเกิน 1,500 บาท/รายการ ยังคงต้องใช้วิธีรูดบัตร/เสียบบัตร ซึ่งผู้ถือบัตรยังคงต้องเซ็นชื่อบนเซลล์สลิปตามปกติ |
ข้อพึงระวัง
1.ควรขอรับบริการแจ้งเตือนการใช้จ่ายบัตรเครดิต แบบ SMS แจ้งเตือน หรือจะเป็นบริการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน ที่แจ้งเตือนทันทีที่มีรายการใช้จ่ายผ่านบัตร
2.ต้องเก็บบัตรเครดิตไว้ให้ดี ระมัดระวังอย่าให้บัตรสูญหาย
3.หมั่นตรวจสอบรายการที่ทำธุรกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากเกิดรายการซ้ำซ้อน หรือรายการที่ผิดปกติ เราจะได้สามารถแจ้งสถาบันการเงิน หรือบริษัทผู้ออกบัตรเพื่อแก้ไข หรือปรับปรุงรายการได้ทันที
4.หวังว่าในเมืองไทยเราจะมีระบบกดรหัส, CODE หรือ PIN (เหมือนการกดรหัส ATM) แทนการเซ็นชื่อซึ่งจะช่วยให้มีความปลอดภัยขึ้นในระดับหนึ่ง หากบัตรเราเกิดการสูญหาย
แม้การยกเลิกไม่ต้องเซ็นชื่อในสลิปบัตรเครดิต จะเพิ่มความสะดวกทั้งกับร้านค้า และลูกค้า แต่ก็ยังคงมีเรื่องที่เราต้องพึงระวังอยู่เสมอค่ะ โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย สิ่งที่เราสามารถทำได้ และควรทำ คือ หมั่นตรวจสอบรายการบัตรเครดิตที่เราใช้อย่างสม่ำเสมอ เพราะปัจจุบันธนาคารก็มีการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปเช็กรายการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งหากพบรายการไหนผิดปกติ เราก็จะได้สามารถแจ้งธนาคารเพื่อตรวจสอบได้ทันทีนะคะ :D