เงินฝากในบัญชีไม่เคลื่อนไหว 10 ปีขึ้นไป จะถูกยึดเป็นเงินแผ่นดินจริงหรือ?
จากกระแสข่าวต่างๆ ที่เราคงพอจะได้ยินกันมาบ้างนะคะว่า "เงินฝากในบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว 10 ปีขึ้นไป จะถูกยึดเป็นเงินของแผ่นดิน" คงจะทำให้หลายๆคนตกใจไม่น้อย ว่าแต่...ข่าวนี้จะจริงเท็จแค่ไหน อย่างไร เราคงต้องรอประกาศที่ชัดเจนกันอีกครั้งนะคะ
สำหรับตอนนี้ เรามาทำความเข้าใจ "ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. ..... (ร่าง พ.ร.บ. Dormant Account)" กันก่อนนะคะ
สรุปร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. ....
เหตุผล และความจำเป็น
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการบริหารจัดการเพื่อนำเงินในบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีปริมาณเงินจำนวนมากค้างอยู่ในระบบสถาบันการเงิน โดยไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างแท้จริง ดังนั้น การกำหนดให้รัฐบาลสามารถบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินได้จะก่อให้เกิดประโยชน์ เนื่องจากจะเป็นแหล่งเงินเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลในการเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ
สาระสำคัญของร่างกฎหมาย
ระบบกฎหมายในปัจจุบันยังมิได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวสำหรับธุรกรรมการเงินระยะยาวของสถาบันการเงิน อันได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ทำให้ไม่มีการบริหารจัดการเงินจากบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพ จึงสมควรจัดตั้งบัญชีอันเป็นช่องทางในการบริหารจัดการเงินจากบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน โดยจะนำเงินดังกล่าวฝากไว้ที่บัญชีเงินคงคลัง ซึ่งเป็นแหล่งรับฝากเงินที่มีความปลอดภัยเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเงินต้นของประชาชน เนื่องจากประชาชนมีสิทธิขอคืนได้ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องยกร่าง พ.ร.บ.Dormant Account ซึ่งแบ่งเป็น 4 หมวดรวมทั้งสิ้น 13 มาตรา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. การกำหนดนิยาม
- ประเภทของเงินฝาก เงินบาท และเงินตราต่างประเทศในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ทั้งของบุคคลที่มีถิ่นฐานในประเทศ และต่างประเทศ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงเงินฝากประจำทุกประเภท เงินฝากที่ประชาชนนำมาใช้เพื่อประกันหนี้กับสถาบันการเงินผุ้รับฝาก เงินฝากที่ถูกยึดหรืออายัดซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
- บัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว หมายถึง บัญชีที่ไม่มีการฝาก ถอน หรือโอน เป็นระยะเวลาเกินกว่า 10 ปี
- การเริ่มนับวันที่บัญชีไม่เคลื่อนไหว ให้เริ่มนับจากวันที่ 1 มกราคมของปีถัดจากวันสุดท้ายที่บัญชีมีการเคลื่อนไหว
- หลักการติดตาม ทุกบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ทั้งนี้ แม้ว่าบุคคลดังกล่าวจะมีบัญชีเงินฝากอื่นที่เคลื่อนไหวก็ตาม
- สถาบันการเงิน หมายถึง ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่รับเงินฝาก
2. กำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินในบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวให้กับกรมบัญชีกลาง เพื่อให้กรมบัญชีกลางนำเงินดังกล่าวฝากไว้ที่บัญชีเงินคงคลัง ซึ่งเป็นแหล่งรับเงินฝากที่มีความปลอดภัยเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเงินต้นของประชาชน เนื่องจากประชาชนมีสิทธิขอคืนได้ตลอดเวลา
3. กำหนดให้เจ้าของบัญชีเงินฝาก หรือทายาทสามารถขอรับเงินคืนได้ที่กรมบัญชีกลาง โดยจะมีการตรวจสอบความถูกต้องผ่านกระบวนการที่กรมบัญชีกลางกำหนด และคืนเงินต้น โดยไม่มีดอกเบี้ยให้กับเจ้าของบัญชีเงินฝาก หรือทายาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ประชาชนจะมีฐานข้อมูลออนไลน์ในการสืบค้นเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของตนเองหรือของบุคคลอื่นในฐานะทายาทเพื่อขอเงินคืนได้ ทั้งนี้ หากไม่มีการจัดทำระบบการค้นหาข้อมูลข้างต้น ประชาชนอาจจะลืมหรือไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ และหากประชาชนต้องการสืบค้นข้อมูลก็ไม่สามารถทำได้ในทันที จำเป็นต้องติดต่อสอบถามสถาบันการเงินเป็นรายๆ ไป
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปร่วมแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่อร่างกฎหมายดังกล่าว ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 โดยแสดงความคิดเห็นได้ทาง Fax.02-618-3366 หรือ Email : fpo.hearing@gmail.com