รีวิว บัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์
มาถึงบัตรใบที่สาม ที่ทางทีมงาน CheckRaka.com จับมาทำรีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกันค่ะ สำหรับบัตรเครดิตใบนี้ เป็นบัตรระดับสูงสุดที่ธนาคารยูโอบี ได้ร่วมมือกับ Visa ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตแบบเหนือระดับ ที่มีชื่อว่า
"บัตรเครดิต พรีวิไมลส์ (UOB-PRIVIMILES)" ตามสโลแกนที่ว่า
"เร็วกว่า เหนือกว่า และมากกว่า" จะเหนือกว่ายังไง? อย่ารอช้า รีบแกะกล่องบัตรใบนี้แล้วดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
แกะกล่องรีวิวความสวยงามของตัวบัตรฯ
หน้าตาของแพคเกจบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ โชว์คีย์เวิร์ดที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ให้ความรู้สึกถึงความสุขุม นุ่มลึก เรียบหรูและมีระดับสมกับเป็นบัตรเทพมากๆ ค่ะ
และยังซีลแบบรอยปะอย่างแน่นหนาตรงด้านล่างของโลโก้ธนาคารอีกด้วย
ด้านหลังของแพคเกจบัตรเครดิตซึ่งเป็นสีเดียวกันกับด้านหน้าบัตร มีโลโก้ธนาคารอยู่ตรงกลาง
ส่วนตรงด้านล่างของแพคเกจมีเบอร์ติดต่อของศูนย์บริการลูกค้าบัตรยูโอบี พรีวิไมล์โดยตรงค่ะ
เมื่อเปิดซีลด้านหน้าออกมา เราก็จะเห็นตัวกล่องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนบนจะมีรอยปะซีลอีกทีเพื่อเก็บตัวบัตรเครดิต
และข้อมูลสำคัญเช่น วงเงินบัตร แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจในความปลอดภัยของบัตรของลูกค้าคนพิเศษมากๆ ค่ะ
ส่วนด้านล่างจะบรรจุเอกสารคู่มือและวิธีใช้บัตรฯ รวมไปถึงโปรโมชั่นต่างๆ ของบัตรฯ ค่ะ
แกะกล่องออกมาแล้วว.. จะเจอเอกสารคู่มือสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์
และตัวบัตรฯ รวมถึงโบรชัวร์โปรโมชั่นต่างๆ มากมาย
และนี่คือหน้าตาของบัตรค่ะ เป็นบัตรสีดำอมเทานิดๆ แอบแฝงไปด้วยความเท่ห์ น่าค้นหา...
ด้านหน้าของบัตรมีชื่อและโลโก้ของธนาคารยูโอบี มีชิพการ์ดเพื่อความปลอดภัย
และตามด้วยระดับบัตรอย่าง "Signature" ภายใต้สัญลักษณ์ VISA ค่ะ
ด้านหลังของบัตรซึ่งเป็นสีเดียวกันกับด้านหน้า มีแถบขาวไว้สำหรับลายมือชื่อของผู้ถือบัตร
พร้อมทั้งเบอร์ติดต่อของศูนย์บริการบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ ตลอด 24 ชม. ค่ะ
และนี่ก็คือหนังสือที่รวบรวมสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของบัตรเครดิตใบนี้
และสิทธิประโยชน์เด่นในด้านต่างๆ นั้นจะมีอะไรบ้าง? ตามไปดูด้านล่างกันเลย!
สิทธิประโยชน์เด่นของบัตรฯ
มาดูในส่วนของสิทธิประโยชน์เด่นของบัตรใบนี้กันค่ะ ว่าจะเด่น และเหนือระดับสมคำล่ำลือจริงหรือไม่?
สิทธิพิเศษเหนือระดับ กับบริการห้องรับรองพิเศษ Royal Silk Lounge ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
เป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายก่อนการเดินทาง ด้วยการเข้าใช้บริการที่ห้องรับรองพิเศษ Royal Silk Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิสูงสุดถึง 2 ครั้งต่อปี เมื่อเดินทางกับสายการบินไทย สามารถใช้บริการได้ทั้งบัตรหลัก บัตรเสริม และผู้ติดตาม ส่วนบริเวณห้องพักรับรองนั้นจะตั้งอยู่บริเวณของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โซน C และโซน E ชั้น 3 (ตามรูปที่แสดงด้านล่างค่ะ) โดยก่อนเข้าใช้บริการต้องแสดงสิทธิ์ในการเข้าใช้ห้องรับรองพิเศษคู่กับบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ และบัตรโดยสารการบินไทยทุกครั้ง
เงื่อนไขการเข้าใช้บริการ: สิทธิพิเศษนี้เฉพาะผู้ถือบัตรฯ ที่ออกในประเทศไทย และเดินทางไปต่างประเทศกับสายการบินไทยเท่านั้น โดยที่ผู้ถือบัตรจะต้องแสดงเอกสารรับสิทธิ์ของการบินไทยจากธนาคารฯ พร้อมกับ Boarding Pass ของการบินไทย และบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ ก่อนเข้าใช้บริการ (ไม่งั้นอาจจะถูกปฏิเสธการเข้ารับบริการได้ หากหลักฐานไม่ครบ)
สำหรับสมาชิกใหม่จะได้รับ 1 สิทธิ์ในการเข้าใช้บริการ Royal Silk Lounge โดยต้องมีการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ อย่างน้อย 1 รายการ และจะได้รับอีก 1 สิทธิ์การใช้บริการเพิ่มก็ต่อเมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมครบ 200,000 บาทขึ้นไป ในรอบปีปฏิทิน ในส่วนของผู้ติดตามนั้นต้องชำระค่าธรรมเนียมบริการเป็นเงินสดเพิ่ม จึงจะสามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองพิเศษด้วยได้ ห้องรับรองพิเศษนี้มีเวลาจำกัดให้แค่ 2.5 ชม. เท่านั้นนะคะ หากใช้บริการนานกว่านี้ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มตามที่ทางการบินไทยกำหนดค่ะ
สิทธิพิเศษในด้านไลฟ์สไตล์: รับส่วนลดที่พัก หรือโรงแรมชั้นนำ
โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต (Sripanwa Phuket Hotel) - รับส่วนลด 18% สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ที่ร้านอาหารบาบา พูลคลับ และร้านอาหารบาบา โซลฟู้ด
- รับส่วนลด 20% สำหรับการบริการสปา แต่ไม่รวมแพคเกจที่คูลสปา
- รับโปรโมชั่นแพคเกจ 3 วัน 2 คืน
- Pool Suite 1 ห้องนอน Ocean View ช่วง High 40,000 บาท และช่วง Low 30,000 บาท
- Pool Villa 1 ห้องนอน Ocean View ช่วง High 61,000 บาท และช่วง Low 45,600 บาท
- Luxury Pool Villa 1 ห้องนอน Ocean View ช่วง High 66,600 บาท และช่วง Low 50,000 บาท
โดยระยะเวลาโปรโมชั่นใช้ได้ถึงวันที่ 19 ธ.ค. 58 นี้นะคะ เดอะ บาลาย วิลล่า ภูเก็ต (The Baray Villa Phuket) รับโปรโมชั่นเมื่อเข้าพักที่ห้อง Triple Pool Access ในราคาพิเศษเพียง 8,999 บาท/ห้อง/คืน จากราคาปกติ 12,250 บาท (ประหยัดได้ถึง 3,251 บาทเชียวค่ะ) ซึ่งโปรโมชั่นนี้จะรวมอาหารเช้าให้สำหรับ 2 ท่าน แถมยังมี Welcome Drink และ Wi-Fi ฟรี ให้อีกด้วย
ระยะเวลาโปรโมชั่น: วันนี้ - 31 ธ.ค. 58
เคป ดารา รีสอร์ท พัทยา (Cape Dara Resort Pattaya) - รับส่วนลด 20% สำหรับห้องพักทุกประเภทจาก Best Flexible Rate รวมอาหารเช้าด้วยค่ะ
- รับส่วนลด 50% สำหรับคืนที่ 2 ที่พูลวิลล่า Top Star Compound
- ยกระดับห้องพักฟรี
- รับส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ Radius, Ming Xing, Mellow, Twinkle Pool Bar และ Walala Beach Bar
- รับส่วนลด 10% สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการทำสวย กับสปาที่ลูมินัส สปา
ระยะเวลาโปรโมชั่น: วันนี้ - 20 ธ.ค. 58
มหาสมุทร คันทรี่ คลับ (MahaSamutr Country Club) รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% สำหรับท่านที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกมหาสมุทร คันทรี่ คลับ และจะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 10% เมื่อจ่ายค่าสมัครสมาชิกเต็มจำนวน แต่ก่อนสมัครก็ต้องสอบถามราคาสมาชิกทุกครั้งนะคะ เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งมหาสมุทร คันทรี่ คลับนี้ เป็นคลับที่สามารถตอบสนองความต้องการทั้งส่วนบุคคลและธุรกิจได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว ซึ่งสมาชิกจะได้เพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมต่างๆ มากมายที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีเพื่อทุกคนในครอบครัวของท่านโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นกีฬากลางแจ้ง กีฬาในร่ม หรือกีฬาทางน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องจัดเลี้ยง บีชคาเฟ่ และห้องประชุมค่ะ
ระยะเวลาโปรโมชั่น: วันนี้ - 30 มิ.ย. 59
เราลองมาเปรียบเทียบกับบัตรในระดับใกล้เคียงกันบ้างค่ะ
- บัตรกรุงศรี ซิกเนเจอร์ มีสิทธิพิเศษในการอัพเกรดห้องพักหรือโรงแรมระดับ 5 ดาวมากกว่า เช่น โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานี, โรงแรมในเครืออนันตรา, โรงแรมในเครือสตาร์วูด ที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ
- บัตรกรุงเทพ อินฟินิท รับสิทธิพิเศษพักฟรีคืนที่สองจากโรงแรมในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล และสิทธิพิเศษอัพเกรดห้องพักจากโรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ และเอ็มโพเรียม สวีท บาย ชาเทรียม
สำหรับสิทธิประโยชน์ด้านนี้ของบัตรฯ ยูโอบี อาจจะแพ้บัตรกรุงศรีฯ นิดหน่อยตรงที่ความหลากหลายของจำนวนโรงแรม แต่ก็พอจะสู้กับบัตรระดับสูงกว่าอย่าง บัตรกรุงเทพ อินฟินิทได้สบายๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะมีที่พักให้เลือกเยอะกว่าแล้ว ยังมีสิทธิพิเศษในการรับส่วนลดที่พักสูงสุดถึง 50% ซึ่งถือว่ามากพอสมควรค่ะ
สิทธิพิเศษในด้านไลฟ์สไตล์: รับส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ (Dusit Thani Bangkok) รับส่วนลด 15% สำหรับห้องอาหารเบญจรงค์, Hamilton's Steak House และ The Pavillion สิทธิพิเศษนี้ใช้ได้ถึงวันที่ 31 พ.ค. 59
โรงแรมเวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท (The Westin Grande Sukhumvit, Bangkok) รับฟรี อาหารเรียกน้ำย่อย หรือไวน์ หรือเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ที่ห้องอาหาร KISSO สิทธิ์นี้ใช้ได้เฉพาะบัตรหลักเท่านั้น และต้องสั่งอาหารเรียกอย่างน้อย 1 อย่าง พร้อมทั้งชำระเงินผ่านบัตรเครดิต Visa Signature สามารถใช้บริการได้เดือนละครั้ง/บัตร และต้องมีการจองสิทธิ์ล่วงหน้าก่อนเข้าใช้บริการอย่างน้อย 2 วัน
ระยะเวลาโปรโมชั่น: วันนี้ - 31 ธ.ค. 58
โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Siam Kempinski Bangkok) รับฟรี อาหารเรียกน้ำย่อย หรือไวน์ หรือเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ที่ห้องอาหาร Srabua โดยสิทธิพิเศษนี้ใช้ได้เฉพาะผู้ถือบัตรหลักเท่านั้น และต้องสั่งอาหารอย่างน้อย 1 อย่าง พร้อมทั้งชำระเงินผ่านบัตรเครดิต Visa Signature สามารถใช้บริการได้เดือนละครั้ง/บัตร และต้องสำรองสิทธิ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน
ระยะเวลาโปรโมชั่น: วันนี้ - 31 ธ.ค. 58
โรงแรมเรอเนสซองซ์ กรุงเทพฯ (Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel) รับฟรี อาหารเรียกน้ำย่อย หรือไวน์ หรือเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ที่ห้องอาหาร La Tavola สิทธิพิเศษนี้ใช้ได้เฉพาะผู้ถือบัตรหลักเท่านั้น และต้องสั่งอาหารอย่างน้อย 1 อย่าง พร้อมทั้งชำระผ่านบัตรเครดิต Visa Signature สามารถใช้บริการได้เดือนละครั้ง/บัตร และต้องจองสิทธิ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน
ระยะเวลาโปรโมชั่น: วันนี้ - 31 ธ.ค. 58
สิทธิพิเศษในด้านไลฟ์สไตล์: การออกกำลังกายและสุขภาพ
สำหรับใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกายอย่างฟิตเนส ไม่ควรพลาดกับบริการสถานที่ออกกำลังกายชั้นนำระดับมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น Virgin Active Fitness Club Thailand, DFit Fitness Centre และ WE Fitness Society ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง และสามารถเข้าไปใช้บริการได้เวลาไหนบ้าง ลองไปดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
- Virgin Active Fitness ClubThailand
สามารถเข้าใช้บริการฟิตเนสได้ที่ Virgin Active Fitness ClubThailand สาขา ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สูงสุด 30 ท่านต่อวัน
- วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. - 17.00 น.
- วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 8.00 น. - 21.00 น.
- วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 8.00 น. - 20.00 น. - DFiT Fitness Centre at Dusit Thani Bangkok
สามารถเข้าใช้บริการฟิตเนส DFiT Fitness Centre at Dusit Thani Bangkok โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ สูงสุด 25 ท่านต่อวัน
- ได้ทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 6.00 น. - 22.00 น.
- วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 6.00 น. - 22.00 น. - WE Fitness Society Club
สามารถเข้าใช้บริการฟิตเนสได้ที่ WE Fitness Society Club ทั้ง 6 สาขา รวมสูงสุด 40 ท่านต่อวัน ต่อ 6 สาขา (บัตรกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ ให้บริการเพียง 4 สาขา)
- วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. - 17.00 น.
- วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 8.00 น. - 22.00 น.
เงื่อนไขในการเข้าใช้บริการ: ต้องทำการสำรองจองสิทธิ์ก่อนล่วงหน้า ผ่านทาง SMS, สิทธิพิเศษนี้ ถึงวันที่ 31 พ.ค. 59 เท่านั้น ลองมาดูตัวอย่างของบัตรในระดับใกล้เคียงกับบัตรนี้กันค่ะ
- บัตรเครดิต กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ จะมีให้บริการฟิตเนสเพิ่มเติมในส่วนของโรงแรมที่อยู่ต่างจังหวัดด้วย เช่น โรงแรมเซ็นทารา มิราจ แกรนด์ พัทยา, โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่,โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส โคราช, โรงแรมแชงกรีลา เชียงใหม่, โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น เป็นต้น แต่ของ UOB ไม่มีบริการฟิตเนสต่างจังหวัด
- บัตรกรุงเทพ อินฟินิท สิทธิพิเศษการใช้บริการฟิตเนสได้ที่ DFiT ณ โรงแรมในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล 4 แห่ง ที่ร่วมรายการ แต่ของ UOB นี้ได้แค่ DFit ในกรุงเทพฯ
โดยรวมแล้ว สิทธิพิเศษของ UOB ตรงนี้ ถือว่าเป็นบัตรที่ให้บริการฟิตเนสเกาะกลุ่มเฉพาะในกรุงเทพฯ จนเกินไป และค่อนข้างจำกัดจำนวนคนเล่นต่อวัน ซึ่งลองมองในแง่ของผู้ถือบัตรที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด หรือในกรณีที่ผู้ถือบัตรต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดนานๆ ก็อาจเสียสิทธิ์ตรงนี้ไปได้ แต่ถึงแม้ว่าบัตรนี้จะมีสาขาให้บริการฟิตเนสไม่ค่อยหลากหลายและครอบคลุมเท่าบัตรกรุงศรีฯ แต่ก็ถือว่าสอบผ่านในระดับหนึ่งที่สามารถเอาชนะบัตรในระดับอินฟินิทของธนาคารกรุงเทพได้อย่างขาดลอยเลยทีเดียวค่ะ
สิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์: ณ สนามกอล์ฟชั้นนำ
สำหรับคนที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟไม่ควรพลาดกับสิทธิประโยชน์ดีๆ จากบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ ตามไลฟ์สไตล์หรูๆ มีระดับ ที่จะได้รับส่วนลดค่ากรีนฟรีถึง 50% ของราคาเต็ม แต่จำกัดเฉพาะ 2 ท่านต่อก๊วนเท่านั้น ในวันธรรมดา ส่วนวันหยุดหลังเวลาเที่ยงตรง (12.00 น.) เป็นต้นไป จำกัดสิทธิ์เพียง 1 ครั้งต่อเดือนต่อสนามกอล์ฟ ส่วนรายชื่อสนามกอล์ฟที่ร่วมรายการ มีดังนี้ค่ะ
- สนามกอล์ฟ เดอะวินเทจคลับ
- สนามกอล์ฟเพรสซิเด้นท์ คันทรีคลับ
- สนามกอล์ฟวินเซอร์ ปาร์ค แอนด์ กอล์ฟ คลับ
- ธนาซิตี้ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ
- กรีนวัลเล่ย์คันทรีคลับ
- ซัมมิทวินมิลล์ กอล์ฟ คลับ
- เดอะ รอยัล เจมส์ กอล์ฟ
- ปัญญา อินทรา กอล์ฟคลับ
ระยะเวลาและเงื่อนไขการใช้บริการ: สิทธิพิเศษนี้ ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 58 โดยผู้ที่ต้องการเข้าใช้บริการต้องสำรองสิทธิ์อย่างน้อย 4 วันทำการก่อนเข้าใช้บริการ ในเวลา 9.00 น. - 17.00 น.
เมื่อเปรียบเทียบในส่วนของกอล์ฟ ของบัตรระดับใกล้เคียงกับบัตรฯ นี้ ก็ขอยกตัวอย่าง เช่น
- บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ ซีเล็คท์ ที่สามารถใช้สิทธิออกรอบฟรีที่สนามกอล์ฟ Suwan Golf & Country Club รวมสูงสุด 4 ครั้งต่อปี
- บัตรเดอะวิสดอม กสิกรไทย มีสิทธิพิเศษรับส่วนลดค่ากรีนฟี 50% ที่สนามกอล์ฟชั้นนำที่ร่วมรายการ
สิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์: โปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับผู้บริหาร (Executive Check - Up)
โรงพยาบาลพญาไท 2 อินเตอร์เนชั่นแนล
พิเศษสุด ๆ กับโปรแกรมดูแลสุขภาพสำหรับผู้บริหาร (Executive Check-Up) โดยสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้ที่ห้องรับรองระดับ VIP ที่ รพ. พญาไท 2 อินเตอร์ฯ ชั้น 7 อาคาร 2 ค่ะ ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น ลองดูที่ตารางด้านล่างเลยค่ะ
แพคเกจตรวจสุขภาพ | ราคาสำหรับผู้ถือบัตรยูโอบี พรีวิไมล์ |
Executive Check-Up 37 รายการ สำหรับท่านสุภาพบุรุษ | 13,200 บาท (จากราคาปกติ 29,000 บาท) |
Executive Check-Up 41 รายการ สำหรับท่านสุภาพสตรี | 17,000 บาท (จากราคาปกติ 35,930 บาท) |
จะเห็นว่าผู้ถือบัตรสามารถประหยัดค่าตรวจสุขภาพไปได้หลายหมื่นเลยทีเดียว (สุภาพบุรุษ ส่วนต่างเท่ากับ 15,800 บาท และสุภาพสตรี ส่วนต่างเท่ากับ 18,930 บาท) ถือว่าคุ้มสุดๆ ค่ะ กับแพคเกจโปรแกรมตรวจสุขภาพของบัตรฯ ใบนี้ แต่สิทธิพิเศษนี้สามารถใช้ได้ถึง 31 ธ.ค. 58 เท่านั้นนะคะ
รับเงินเครดิตคืนสูงสุด 12%
ส่วนสิทธิพิเศษการรับเครดิตเงินคืนจะให้ในส่วนของค่าน้ำมันค่ะ โดยได้รับเงินคืนสูงสุดถึง 12% เมื่อเติมน้ำมันทุกๆ 800 บาทต่อเซลส์สลิปที่ปั๊ม ปตท. ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ซึ่งมีเงื่อนไขในการรับเงินคืนตามตารางด้านล่างนี้ค่ะ
รับเครดิตเงินคืน | + | รับเพิ่มสำหรับสมาชิก PTT Blue Card | เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมผ่านบัตรเครดิตยูโอบีในหมวดอื่นๆ ครบ |
8% | + | 4% | 30,000 บาทขึ้นไป/บัตร/เดือน |
3% | + | 2% | 15,000 บาทขึ้นไป/บัตร/เดือน |
2% | + | 1% | 5,000 บาทขึ้นไป/บัตร/เดือน |
หากดูจากเปอร์เซ็นต์ของการคืนเงินก็ถือว่าบัตรฯ UOB นั้นให้เปอร์เซ็นต์การคืนค่าน้ำมันที่สูงมากเลยทีเดียว สำหรับตัวเลข 12% นี้ เมื่อเทียบกับบัตรในระดับเดียวกัน แต่เดี๋ยวเราจะลองมาเปรียบเทียบกับบัตรของเจ้าอื่นดูนะคะว่าบัตรนี้จะให้เงินคืนสูงเหมือนตัวเปอร์เซ็นต์ที่บอกหรือไม่
- บัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ ต้องใช้บริการที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่ร่วมรายการ ใช้ได้ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม ให้เงินคืนสูงสุด 12% แต่จำกัดยอดการใช้จ่ายสูงสุดในหมวดค่าน้ำมัน 3,200 บาท/บัตร/เดือน นั่นเท่ากับว่าจะได้รับเงินคืนทั้งหมดรวม 384 บาท และการได้รับเงินคืนด้วยเปอร์เซ็นต์สูงสุดนั้นก็มีเงื่อนไขที่ต้องใช้จ่ายสะสมในหมวดอื่นๆ ด้วย ถ้าดูจากตารางแล้ว
- ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินคืน 8% ต้องมียอดใช้จ่ายในหมวดอื่นตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป
- ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินคืน 3% ต้องมียอดใช้จ่ายในหมวดอื่นตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป
- ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินคืน 2% ต้องมียอดใช้จ่ายในหมวดอื่นตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
แต่ยอดใช้จ่ายอื่นๆ ในที่นี้ ไม่รวมยอดใช้จ่ายในหมวดน้ำมัน ประกัน กองทุนต่างๆ รายการผ่อนชำระของยอดที่ยังไม่เรียกเก็บ ยอดเบิกเงินสดล่วงหน้า Fund Transfer รายการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ ดอกเบี้ย ค่าปรับ และค่าธรรมเนียมทุกประเภท และที่สำคัญผู้ที่จะได้รับเงินคืนเพิ่มอีก 4% 2% หรือ 1% จะต้องเป็นสมาชิกปัจจุบันของ PTT Blue Card เท่านั้นอีกด้วยค่ะ - บัตรเครดิตอินฟินิท จากธนาคารกรุงเทพ ต้องใช้บริการที่ปั๊มน้ำมันบางจาก และคาลเท็กซ์ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ยอดการใช้จ่าย 800 บาทต่อเซลส์สลิป จำกัดการใช้ 6 ครั้ง/เดือน คืนเงินสูงสุด 480 บาท โดยไม่มีเงื่อนไขบังคับให้ใช้จ่ายในหมวดอื่นเพิ่มเติม
- บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะแบล็ค สามารถใช้ได้กับทุกสถานีบริการน้ำมัน แต่ต้องมียอดใช้จ่ายสะสมในหมวดน้ำมันและร้านอาหารต่อเดือน 20,000 บาทขึ้นไป คืนเงินสูงสุด 480 บาท
ระยะเวลาโปรโมชั่นนี้ถึง 31 ธ.ค. 58
คะแนนสะสม และการแลกไมล์เดินทางจากสายการบิน
สิทธิประโยชน์ตรงนี้ถือเป็นจุดที่บัตรฯ UOB ค่อนข้างให้ความสำคัญทีเดียวค่ะ เพื่อให้สมกับสโลแกนที่ว่า "เร็วกว่า เหนือกว่า และมากกว่า" เพราะโดยหลักการแล้ว การรับคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด 1 คะแนน นั้นต้องมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเพียง 15 บาท เท่านั้น (ซึ่งบัตรสะสมคะแนนปกติทั่วไปต้องใช้จ่าย 20 - 25 บาท จึงจะได้รับ 1 คะแนน) เพราะฉะนั้นบัตรนี้จะสามารถตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบการท่องเที่ยว ช้อปปิ้งหรือใช้จ่ายอื่นๆ ได้ดีทีเดียวค่ะ
โดยเราสามารถเลือกรับเป็นของกำนัลได้อย่างหลากหลาย โดยดูจาก ยูโอบี รีวอร์ด พลัส แคตตาล็อก เช่น แลกเป็นส่วนลดร้านค้า หรือแลกเป็นไมล์สะสม กับโปรแกรมสะสมไมล์ รอยัล ออร์คิด พลัส และ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ คริสฟลายเออร์ส
โดยที่
ทุกๆ 2 คะแนน เท่ากับ 1 ไมล์ (2 คะแนน = 1 ไมล์) แต่ถ้ามียอดใช้จ่ายผ่านบัตรครบ 300,000 บาท ต่อไตรมาสตามปีปฏิทิน จะสามารถแลก 1 ไมล์สะสมได้ด้วยเพียงแค่ 1 คะแนนสะสม
ด้วยอัตรา 1:1 และจำนวนคะแนนสะสมขั้นต่ำในการแลก 10,000 คะแนน สูงสุดไม่เกิน 15,000 คะแนนต่อบัตร ต่อการแลกแต่ละครั้ง
สรุปง่ายๆ คือ
- ถ้าใช้จ่ายครบ 300,000 บาทขึ้นไป ต่อไตรมาส อัตราแลกไมล์จะเป็น 15 บาท = 1 คะแนน = 1 ไมล์
- แต่ถ้าไม่ได้ใช้จ่ายตามเงื่อนไขนั้น ทุก 2 คะแนนจึงจะเป็น 1 ไมล์ เพราะฉะนั้นอัตราแลกไมล์จะเป็น 30 บาท = 2 คะแนน = 1 ไมล์
นอกจากจะสามารถสะสมคะแนนเพื่อไปแลกรับเป็นของกำนัลหรือแลกเป็นไมล์สะสมกันแล้ว บัตรนี้ยังให้สิทธิพิเศษในการรับเงินคืน 1% เมื่อไปใช้จ่ายที่ต่างประเทศ หรือเมื่อช้อปผ่านออนไลน์อีกด้วย โดยจะได้รับเงินคืน 1% ตั้งแต่บาทแรกที่จ่าย แต่ไม่รวมยอดใช้จ่ายที่ยกเลิกภายหลัง รายการผ่อนชำระสินค้า รายการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ รายการกดเงินสด และค่าธรรมเนียมทุกประเภท และจำกัดจำนวนเงินคืนสะสมสูงสุด 10,000 บาท ต่อบัตร ต่อรอบปีปฏิทิน ซึ่งเราสามารถเช็ครายการคืนเงินเข้าบัญชีได้ในใบแจ้งยอดของรอบเดือนถัดไปค่ะ
เงื่อนไข: - คะแนนสะสมมีอายุ 2 ปี นับจากวันที่บันทึกรายการ และไม่รวมค่าใช้จ่ายผ่านบัตรที่เกิดจากการซื้อกองทุนต่างๆ รายการกดเงินสดหรือเบิกเงินสดล่วงหน้า (Cash-Advance) รายการแลกเงินตราต่างประเทศ รายการผ่อนชำระสำหรับยอดที่ยังไม่เรียกเก็บ ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมทุกประเภท รายการที่ถูกยกเลิกในภายหลัง และค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน
- ในการใช้สิทธิพิเศษแลกคะแนนสะสมเป็นไมล์อัตรา 1:1 นั้น ต้องใช้สิทธิ์แลกภายในไตรมาส หรือ 1 เดือน นับจากวันสิ้นสุดไตรมาส และจำกัดสิทธิ์ในการแลก 1 ครั้งต่อบัตร ต่อ 1 ไตรมาสเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้คะแนนสะสมแลกเป็นไมล์ของบัตรเครดิตในระดับเดียวกัน หรือระดับใกล้เคียงกัน ลองมาดูกันว่าบัตรไหนที่จะมาต่อกรกับการใช้คะแนนสะสมในการแลกไมล์ของบัตรยูโอบี พรีวิไมล์ ได้บ้างค่ะ
บัตรวีซ่า แพลตตินั่ม อีลิท ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด
สูสีกันทีเดียวสำหรับบัตรนี้ ที่ทุกๆ ยอดการใช้จ่าย 20 บาท จะเท่ากับ คะแนนสะสม 360 รีวอร์ด 2 คะแนน และคะแนนสะสม 360 รีวอร์ด 1.5 คะแนน สามารถแลกรับ 1 ROP ไมล์ หรือ KrisFlyer ไมล์ (คะแนนสะสม 360 รีวอร์ด 1.5 คะแนน = 1 ไมล์ ROP/KrisFlyer หรือคิดเป็นทุกๆ ยอดการใช้จ่าย 15 บาท = 1 ไมล์)
(15 บาท = 1.5 คะแนน = 1 ไมล์ ROP)
บัตรอินฟินิท ธนาคารกรุงเทพ
รับคะแนนสะสมพรีเมียม 2 เท่า ทุกๆ ยอดการใช้จ่าย 25 บาท ทั้งในและต่างประเทศ
(25 บาท = 2 คะแนน = 1 ไมล์ ROP)
บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์
รับคะแนนสะสม 1 คะแนน ทุกๆ การใช้จ่ายผ่านบัตร 20 บาท เพื่อแลกรับ 1 ไมล์สะสม
(20 บาท = 1 คะแนน = 1 ไมล์สะสม)
ความคุ้มครองในด้านด่างๆ ที่บัตรฯ มอบให้
บัตรนี้ให้ความคุ้มครองในการเดินทางไปเที่ยวที่ต่างประเทศ ไม่เพียงเฉพาะผู้ถือบัตร แต่ยังให้ความคุ้มครองทั้งครอบครัว ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 20 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่จะต้องชำระค่าตั๋วเครื่องบินผ่านบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ใบนี้เต็มจำนวนนะคะ และเงื่อนไขของความคุ้มครองก็คือ (ตามตารางด้านล่างค่ะ)
ความคุ้มครอง | วงเงินคุ้มครอง (บาท) |
ผู้ถือบัตร | คู่สมรส | บุตร |
การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะและทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางบนยานพาหนะ โดยสารสาธารณะ | 20,000,000 | 20,000,000 | 20,000,000 |
ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และที่พัก กรณีที่พลาดเที่ยวบิน เนื่องจากความล่าช้าของเครื่องบินที่โดยสารมาและ ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ภายใน 8 ชม. | 40,000 | 40,000 | 40,000 |
ค่าเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวที่จำเป็น กรณีที่ไม่ได้รับ กระเป๋าเดินทางเกินกว่า 8 ชม. หลังจากที่ท่านถึงที่หมาย ปลายทาง | 40,000 | 40,000 | 40,000 |
ชดเชยการสูญหายของกระเป๋าเดินทาง, เสื้อผ้าหรือ ทรัพย์สินส่วนตัวที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง เนื่องจากกระเป๋า เดินทางสูญหาย (สูงสุด 5,000 บาท/ชิ้น) | 40,000 | 40,000 | 40,000 |
เงื่อนไขของความคุ้มครองดังกล่าวคือ ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ ก่อนที่จะมีการเดินทาง โดยสามารถแจ้งได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ และถ้าลองเปรียบเทียบด้านความคุ้มครองกับบัตรเครดิตระดับ Signature เหมือนกันอย่าง บัตรเครดิตซิตี้แบงก์รอยัล ออร์คิด พลัส ซีเล็คท์ แล้ว บัตรหลังให้ความคุ้มครองถึง 25 ล้านบาท เยอะกว่าถึง 5 ล้านบาทเลยทีเดียว
24 - Hour Roadside Assistance
กับบริการเพื่อนคู่ใจที่พร้อมจะให้ความอุ่นใจตลอดการเดินทางทุกที่ ทุกเวลา และพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชม. ซึ่งจะประกอบไปด้วยการบริการดังนี้ค่ะ
- บริการช่างซ่อมรถในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชม. 2 ครั้งต่อปี
- บริการรถยกฉุกเฉิน 1 ครั้งต่อปี โดยผู้ให้บริการต้องเป็น UOB Roadside Assistance เท่านั้น หรือถ้าจะใช้บริการจากที่อื่น ก็ต้องได้รับความยินยอมจาก UOB ก่อน
- บริการเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างต่อเนื่อง บริการจัดจองรถเช่า และโรงแรมที่พัก
- บริการอำนวยความสะดวก จัดหาผู้ขับรถแทน กรณีที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินในรัศมีอย่างน้อย 100 กม. จากที่พักของสมาชิกผู้ถือบัตรฯ
โดยที่บริการสองอย่างหลัง (3), (4) ที่กล่าวมานั้น ผู้ถือบัตรต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการซ่อม อะไหล่ หรือส่วนประกอบต่างๆ และในการให้ความช่วยเหลือในท้องถนนนั้น ต้องเป็นถนนสาธารณะ ที่ไม่ใช่พื้นที่ส่วนบุคคล ให้บริการเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นค่ะ ถ้าเป็นในส่วนของเกาะก็เรียกใช้บริการได้เฉพาะเกาะภูเก็ตอย่างเดียว และยกเว้นการคุ้มครองในกรณีน้ำมันหมด ดูเหมือนข้อจำกัดค่อนข้างเยอะนะคะ แต่บัตรนี้ก็ไม่น้อยหน้าบัตรระดับอินฟินิทของธนาคารกรุงเทพ เพราะถ้าลองมองดูแล้ว สิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษที่ได้รับนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกันทีเดียวค่ะ แต่ในขณะที่บัตรระดับเดียวกันอย่าง บัตรเดอะวิสดอม กสิกรไทย ที่มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน เช่น การยกรถฉุกเฉินเหมือนกัน แต่ของกสิกรนั้นจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ 1,500 บาทต่อครั้ง และยังสามารถใช้บริการได้ถึง 2 ครั้งต่อปี
24 - Hour Secretarial Assistance
สิทธิพิเศษเหนือระดับที่จะให้บริการช่วยจัดการในทุกๆ เรื่อง เปรียบเสมือนเลขาส่วนตัวด้วยเบอร์ตรง ที่รองรับเฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรเท่านั้น (โทร. 0 2203 9797) รับรองค่ะว่าจะได้รับความสะดวกสบายในด้านการจัดการ และเตรียมการสำหรับวาระพิเศษของผู้ถือบัตรทั้งทุกวัน ตลอด 24 ชม. โดยที่การบริการนั้นจะครอบคลุมถึง
- การแนะนำสถานที่ ข้อมูลและบริการต่างๆ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร เป็นต้น
- การให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลและการค้นหาสินค้า
- การให้บริการจัดจองตั๋วเพื่อความบันเทิงต่างๆ เช่น ตั๋วชมภาพยนตร์ เป็นต้น
- การให้บริการจัดจองที่พัก โรงแรม และร้านอาหาร
- การให้บริการในการแนะนำสถานที่และบริการต่างๆ ในด้านธุรกิจ
โดยการบริการทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ให้บริการเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นนะคะ
มาถึงคุณสมบัติของผู้สมัครกันบ้างค่ะ ผู้ที่ต้องการสมัครบัตรยูโอบี พรีวิไมล์ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- รายได้ต่อเดือน
- คนไทย ตั้งแต่ 70,000 บาทขึ้นไป
- ชาวต่างชาติ ตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป - อายุผู้สมัคร
- ผู้ถือบัตรหลักอายุตั้งแต่ 20 - 60 ปี
- ผู้ถือบัตรเสริมอายุตั้งแต่ 18 - 65 ปี
ค่าธรรมเนียม - ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า
- ค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับบัตรหลัก 6,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับบัตรเสริม ฟรี
ยกเว้นค่าธรรมเนียม - ปีถัดไป ฟรี แต่ต้องมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรภายในปีตามที่ธนาคารกำหนด
ตัวอย่างค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตในระดับใกล้เคียง - บัตรเครดิต กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ ฟรี ค่าธรรมเนียมทั้งแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ แต่จะเก็บค่าธรรมเนียมรายปีในกรณีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปีขึ้นไปค่ะ
- บัตรเครดิต กรุงศรี ซิกเนเจอร์ ฟรี ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมในปีแรก ปีถัดไปเรียกเก็บ 4,000 บาท แต่ถ้าหากมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป ภายใน 1 ปี ก็สามารถยกเว้นได้ค่ะ
- บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์ ฟรี ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี ปีถัดไป ค่าธรรมเนียมสำหรับบัตรหลัก 10,000 บาท และ 2,000 บาท สำหรับบัตรเสริม แต่อาจจะยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีได้ หากมียอดใช้จ่ายตามที่ธนาคารกำหนดค่ะ
สรุปวิเคราะห์รวบยอดสิทธิพิเศษต่างๆ ของตัวบัตรฯ
โดยรวมแล้วสิทธิพิเศษของบัตร "UOB PRIVIMILES" ถือว่า ค่อนข้างกว้าง และสมฐานะกับการเป็นบัตรเครดิตหรูในระดับ Signature ค่ะ แต่ถ้าแยกออกเป็นหัวข้อแต่ละเรื่องแล้วอาจจะยังไม่มีสิทธิพิเศษข้อไหนที่โดดเด่นมากจนต้องตื่นเต้น แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่โอเคค่ะ เดี๋ยวเราจะลองมาพิจารณาแยกสิทธิพิเศษออกเป็นหัวข้อย่อยที่น่าสนใจดูนะคะ
- สิทธิพิเศษที่โดดเด่น : เห็นจะเป็นในเรื่องของการ Offer สถานที่ออกกำลังกายและส่วนลดโปรแกรมสุขภาพให้ ซึ่งส่วนนี้ถือว่าทางบัตร "UOB PRIVIMILES" ทำได้ดี สอบผ่านเรื่องจำนวนสถานที่ ที่มีให้ถึงเกือบ 10 ที่ ให้คุณเลือกไปออกกำลังกายเพื่อความ Fit & Firm แต่สถานที่ส่วนใหญ่จะกระจายตัวอยู่แค่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น ซึ่งจุดนี้ลูกค้าบัตรที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดอาจจะไม่ค่อยได้ใช้สิทธิพิเศษในข้อนี้เท่าไหร่ค่ะ
- สิทธิพิเศษที่ควรเพิ่มเติมหรือปรับปรุง
(ก) ควรลดเงื่อนไขของการมอบสิทธิพิเศษในการใช้ห้องรับรองพิเศษ Royal Silk Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ เพราะถึงแม้จะบอกว่าให้สิทธิ์ 2 ครั้งต่อปี แต่จริงๆ แล้วลูกค้าใช้ฟรีได้เลยแค่ 1 ครั้งเท่านั้น เพราะหากต้องการใช้สิทธิ์อีกครั้งเจ้าของบัตรต้องมีการใช้จ่ายผ่านบัตรครบ 200,000 บาทต่อปีขึ้นไปถึงจะได้รับสิทธิ์ จุดนี้ผู้เขียนคิดว่าบัตรระดับ Signature น่าจะ Offer ในจุดนี้ให้ลูกค้าได้นะคะ
(ข) เพิ่มสิทธิพิเศษด้วยบัตร Priority Pass และบริการรถลีมูซีนรับ - ส่งจากที่พักไปยังสนามบิน หรือจากสนามบินไปยังที่พัก เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ถือบัตร ให้ได้รู้สึกผ่อนคลายกับบริการที่ทางธนาคารจัดหาให้
(ค) เพิ่มสิทธิพิเศษในการเดินทางอย่าง Fast Track Check in เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าบัตรที่เดินทางด้วยสายการบินไทย โดยอาจจะมีช่อง Check in พิเศษให้ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ หรือมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกเรื่องการบริการ Check in พิธีการตรวจคนออกนอกประเทศ เหมือนอย่างบัตรเครดิต "เดอะวิสดอม ซิกเนเจอร์ กสิกรไทย" ที่มีการ Offer สิทธิพิเศษเพิ่มความสะดวกสบายประมาณนี้ให้ลูกค้าบัตรได้ค่ะ
- คะแนนสะสม : ในส่วนของความคุ้มค่าในเรื่องคะแนนสะสมที่ทางบัตร "UOB PRIVIMILES" เลือกใช้เรื่องนี้เป็นตัวชูโรงในการทำโฆษณา ซึ่งแน่นอนว่าความคาดหวังของหลายๆ ท่านที่ชื่นชอบบัตรเครดิตที่ให้สิทธิประโยชน์ในเรื่องการใช้คะแนนสะสมแลกไมล์ย่อมต้องสูงตามไปด้วย แต่จากที่ผู้เขียนได้ทำการศึกษารายละเอียดเงื่อนไขในข้อนี้จากหนังสือคู่มือสิทธิประโยชน์ก็คงต้องบอกว่า "UOB PRIVIMILES" สอบได้แค่พอผ่าน แต่ยังไม่สามารถสร้างอารมณ์ว้าว! เป็นตัวท้อปให้แก่นักเดินทางที่ชื่นชอบการใช้แต้มบัตรเครดิตแลกไมล์ได้ค่ะ เพราะถึงแม้ 1 คะแนนสะสม จะมาจากการใช้จ่ายผ่านบัตรแค่ 15 บาท ซึ่งถ้าดูแค่การสะสมแต้มนี่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์คุ้มที่ทำได้ดี แต่พอนำคะแนนสะสมไปแลกเป็นไมล์สายการบินเท่านั้นแหละ แววความยุ่งยากของเงื่อนไขก็ฉายออกมาทันที เพราะที่บอกว่า 1 คะแนนสะสม สามารถแลกเป็น 1 ไมล์สายการบินได้นั้น (เทียบเท่ากับ 15 บาท : 1 ไมล์) มีเงื่อนไขที่ว่าเจ้าของบัตรต้องมีมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรครบ 300,000 บาทต่อไตรมาสตามปีปฏิทิน และหากใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ถึงตามที่กำหนด อัตราการแลกคะแนนเป็นไมล์จะกลายเป็น 2 คะแนนต่อ 1 ไมล์ทันที (เทียบเท่ากับ 30 บาท : 1 ไมล์) ซึ่งถ้าเป็นอัตราตามนี้ บัตรเครดิตที่เด่นในเรื่องการแลกไมล์อย่างบัตร "Standard Chartered VISA Platinum Elite" ซึ่งเป็นบัตรเครดิตที่อยู่ในระดับชั้น Platinum จะแลกไมล์ได้คุ้มค่ากว่าทันที อยู่ที่อัตรา 15 บาท : 1 ไมล์ ดังนั้น ถ้าสรุปแค่เรื่องการใช้จ่ายเพื่อได้รับคะแนนสะสมถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้าใช้คะแนนสะสมแลกเป็นไมล์นั้นจะคุ้มค่าก็ต้องเป็นคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรในระดับที่สูงเฉลี่ยถึงเดือนละเกือบแสนทีเดียวค่ะ
- กำหนดระยะเวลาหมดอายุคะแนนสะสม : ส่วนอีกเรื่องนึงที่ขัดใจนักสะสมคะแนนก็คือ การกำหนดระยะเวลาคะแนนสะสมไว้ที่ 2 ปี จุดนี้ผู้เขียนเห็นว่าทาง UOB ควรจะพิจารณาขยายอายุ หรือยกเลิกเรื่องนี้ไปเลย เพราะเรื่องการกำหนดระยะเวลาคะแนนสะสมสำหรับผู้เขียนนั้นมองว่าเป็นจุดอ่อนจุดนึงของทาง UOB ทีเดียว เพราะหากเทียบกับคู่แข่งหลายๆ บัตร ต่างมีอายุคะแนนสะสมที่ยาวหรือแทบไม่มีระยะเวลาหมดอายุด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น บัตรเครดิต "KTCVISA X VISA SIGNATURE" และบัตรเครดิต "เดอะวิสดอม ซิกเนเจอร์ กสิกรไทย"
- ค่าธรรมเนียมรายปี : สำหรับค่าธรรมเนียมรายปีของบัตร "UOB PRIVIMILE" ถือว่าอยู่ในอัตรากลางๆ คือ เรียกเก็บในอัตราที่ไม่ได้สูงมากเพราะหากเทียบดูบัตรเครดิตระดับ Signature ของเจ้าอื่นก็มีทั้งที่เก็บค่าธรรมเนียมรายปีสูงกว่า และมีทั้งแบบฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งส่วนนี้ผู้เขียนเข้าใจว่าทาง UOB น่าจะยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้สำหรับลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต "UOB PRIVIMILE" ในยอดใช้จ่ายที่ตรงตามที่กำหนดค่ะ แต่ยังไงเพื่อนๆ ก็ควรสอบถามทางบริษัทเจ้าของบัตรโดยตรงด้วยนะคะ ส่วนเพื่อนๆ ที่สนใจจะใช้บัตรเครดิตใบนี้ก็สามารถนำข้อมูลในส่วนนี้ไปพิจารณาในการเลือกใช้บัตรได้ค่ะ
ตัวอย่างอัตราการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรเครดิตระดับ Signature เจ้าอื่นๆ
- บัตร "UOB PRIVIMILE" ค่าธรรมเนียมรายปีอยู่ที่ 6,000 บาทต่อปี
- "Citibank Royal Orchid Plus Preferred" ค่าธรรมเนียมรายปีอยู่ที่ 10,700 บาทต่อปี
- บัตรเครดิต "Krungsri Exclusive Signature" ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ
- บัตร "เดอะวิสดอม ซิกเนเจอร์ กสิกรไทย" ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี
- บัตรฯ นี้เหมาะกับใคร : สรุปโดยรวมบัตรเครดิต "UOB PRIVIMILE" เหมาะสมกับคนที่ชื่นชอบการเดินทางด้วยสายการบิน เพราะมีสิทธิพิเศษที่เด่นที่สุดในเรื่องของการใช้คะแนนสะสมแลกเป็นไมล์สายการบิน แต่จะได้สิทธิ์นี้ต้องเป็นคนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงอยู่ในระดับเฉียดเกือบแสนบาทต่อเดือนขึ้นไป เพราะถ้าหากใช้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดแล้วล่ะก็ สิทธิพิเศษตรงนี้ก็ไม่ถึงกับโดดเด่นเหนือกว่าบัตรในระดับใกล้เคียงกันมากนัก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าบัตรเครดิตยูโอบี พรีวิไมล์ โทร. 0 2285 1550
หรือเว็บไซต์
www.uob.co.th