6 กลโกงยอดฮิต...ที่ต้องระวัง!!
นอกจากการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับบริการของสถาบันการเงินแล้ว มิจฉาชีพอาจหาทางหลอกลวงเหยื่อด้วยวิธีอื่นๆ อีก เช่น เข้ามาทำความรู้จักและเสนอผลประโยชน์ที่เหยื่อจะได้เป็นสิ่งจูงใจ เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้หลงเชื่อและนำเงินหรือของมีค่าอื่นๆ มาให้มิจฉาชีพ
1. นายหน้าพาเข้าทำงาน
มิจฉาชีพจะอ้างกับเหยื่อว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในบริษัท หรือรู้จักกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทนั้น สามารถช่วยเหลือเหยื่อให้เข้าทำงานได้ โดยจะรับหน้าที่เจรจากับทางบริษัทให้ แต่เหยื่อต้องจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าจ้างหรือค่านายหน้าในการช่วยเหลือให้เหยื่อได้เข้าทำงานให้ก่อน
ข้อควรสังเกต
มิจฉาชีพมักจะขอเงินล่วงหน้าจากเหยื่อ โดยที่ยังไม่ได้ดำเนินการหรือติดต่อใดๆ กับบริษัท เพราะในความเป็นจริงแล้วมิจฉาชีพไม่สามารถทำตามที่สัญญากับเหยื่อไว้ได้
2. นายหน้าหาสินเชื่อ
มิจฉาชีพจะอ้างกับเหยื่อว่าสามารถเจรจากับเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ที่มีประวัติทางการเงินไม่ดีได้ แต่ขอให้เหยื่อจ่ายค่าจ้างในการเจรจาก่อนจึงจะไปเจรจาให้
ข้อควรสังเกต
มิจฉาชีพจะร้องขอค่านายหน้าก่อนที่จะช่วยเหลือเหยื่อเพราะจริงๆ แล้วมิจฉาชีพไม่สามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ นอกจากนี้ สถาบันการเงินมีเงื่อนไขและเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่ออยู่แล้ว ซึ่งผู้ที่จะขอกู้ได้จะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่สถาบันการเงินกำหนด
3. เงินคืนประกันชีวิต
มิจฉาชีพอ้างกับเหยื่อซึ่งเป็นญาติผู้ตายในงานศพว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันชีวิตที่ผู้ตายได้ทำไว้ แต่ผู้ตายขาดชำระเบี้ยประกันอีกเพียงหนึ่งงวด หากญาติชำระค่าเบี้ยประกันแทนผู้ตาย ก็จะได้รับเงินก้อนใหญ่ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ข้อควรสังเกต
การทำประกันชีวิตจะมีกรมธรรม์ที่บอกรายละเอียดสัญญาระหว่างผู้รับประกันและผู้เอาประกัน จึงไม่ควรผลีผลามรีบจ่ายเงินทันที แต่ควรหากรมธรรม์ตัวจริงของผู้ตายให้เจอและทำความเข้าใจกับเงื่อนไขก่อนจ่ายเงินใดๆ และควรติดต่อบริษัทประกันชีวิตที่ถูกอ้างถึงโดยตรงเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง
4. นายหน้าขายที่
กลโกงลักษณะนี้จะมีมิจฉาชีพมากกว่า 2 คน มิจฉาชีพคนแรกจะแอบอ้างว่าเป็นเจ้าของที่และต้องการขายที่แปลงหนึ่ง และขอร้องให้เหยื่อช่วยติดต่อหากมีผู้สนใจซื้อ เมื่อเวลาผ่านไป มิจฉาชีพคนที่สองจะแสดงตัวว่าเป็นผู้ที่ต้องการซื้อที่ดินของมิจฉาชีพคนแรก จึงขอให้เหยื่อติดต่อเจ้าของที่ให้
เมื่อเหยื่อพามิจฉาชีพคนที่สองไปพบกับมิจฉาชีพคนหนึ่ง มิจฉาชีพคนที่สองจะทำทีว่าต้องการที่ดินนั้นเป็นอย่างมากแต่มีเงินไม่พอจ่ายค่ามัดจำ จึงขอให้เหยื่อช่วยจ่ายค่ามัดจำโดยสัญญาว่าจะจ่ายคืนให้ในวันซื้อขายพร้อมค่านายหน้าจำนวนหนึ่ง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อช่วยจ่ายเงินค่ามัดจำไป มิจฉาชีพทั้งสองก็จะหายไป โดยไม่มีการซื้อขายที่ดินใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้วที่ดินที่กล่าวถึงนั้น ก็ไม่ได้เป็นของมิจฉาชีพคนที่หนึ่ง
ข้อสังเกต
มิจฉาชีพจะทำทีว่าต้องการที่ดินเป็นอย่างมากเพื่อเร่งการตัดสินใจของเหยื่อ โดยไม่ให้เหยื่อมีเวลาทบทวนหรือปรึกษาคนอื่น
5. ตกทอง
มิจฉาชีพจะทำทีว่าเก็บทองได้แต่ติดธุระต้องรีบไป จึงเสนอให้เหยื่อนำทองไปขายโดยจะต้องจ่ายส่วนแบ่งให้กับมิจฉาชีพก่อน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจ่ายเงินสดให้แก่มิจฉาชีพ แล้วนำทองไปขาย ก็จะพบว่าทองนั้นเป็นทองปลอม
ข้อควรสังเกต
มิจฉาชีพจะทำทีว่ารีบ และเร่งให้เหยื่อตัดสินใจ เพื่อให้เหยื่อไม่มีเวลาคิดทบทวน และตรวจสอบทองปลอมที่มิจฉาชีพถือมาให้
6. หวยปลอม
มิจฉาชีพอ้างว่ามีสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลที่หนึ่งอยู่ แต่ไม่สะดวกที่จะนำไปแลกรางวัล จึงเสนอขายให้เหยื่อในราคาถูก เมื่อเหยื่อหลงเชื่อซื้อและนำสลาก ฯ ไปขึ้นรางวัล จึงพบว่าสลากฯ นั้นเป็นของปลอม นอกจากไม่ได้เงินแล้ว ยังต้องโทษตามกฎหมายอีกด้วย
ข้อควรสังเกต
มิจฉาชีพมักจะหลอกขายสลากกินแบ่งรัฐบาลปลอมมาหลังจากที่มีการประกาศรางวัลแล้ว เพื่อให้เหยื่อเข้าใจว่าสลากฯ ใบนั้นเป็นใบที่ถูกรางวัลจริง
วิธีป้องกัน - ทบทวนข้อมูลที่ได้รับจากมิจฉาชีพว่ามีความน่าจะเป็นมากน้อยแค่ไหน
- หากมีการกล่าวอ้างถึงสถาบันการเงิน หรือบุคคลที่สาม ควรติดต่อกับสถาบันการเงินหรือบุคคลนั้น ๆ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง
- ไม่ควรหลงเชื่อกับผลประโยชน์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกล่อ
สิ่งที่ควรทำเมื่อตกเป็นเหยื่อ - รวบรวมเอกสารและหลักฐาน (หากมี) แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นหลักฐานและเบาะแสในการติดตามคนร้าย
- ทำใจ...เมื่อจ่ายเงินหรือให้ของแก่มิจฉาชีพแล้ว มิจฉาชีพจะรีบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งทำให้ยากต่อการติดตาม