ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตแต่ละแบรนด์นั้นจะมีการร่วมมือกันระหว่าง "บริษัทเครือข่ายการชำระเงิน" กับ "สถาบันการเงิน" (ซึ่งสถาบันการเงินจะแบ่งออกเป็น สถาบันการเงินเจ้าของบัตรเครดิต และสถาบันการเงินเจ้าของเครื่องรูดบัตร) ที่จะทำให้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตใบหนึ่งสามารถพกพาไปใช้ได้ทุกที่ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าสินค้า/ บริการ หรือแม้กระทั่งการเบิกถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มค่ะ
(ดูบทความเพิ่มเติม : ทำไมต้องมี VISA & MasterCard? เบื้องลึกที่หลายคนยังไม่รู้ หลังจากรูดบัตรเครดิตไปแล้ว) เริ่มกันที่ผู้ให้บริการเครือข่ายในการชำระเงินบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต เจ้าแรกที่เราจะพูดถึงก็คือ
"VISA" นั่นเอง โดยที่ VISA นั้น มีต้นกำเนิดมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์บัตรเครดิตอันดับหนึ่งของโลก ในการให้บริการด้านการชำระเงินข้ามประเทศ (Multinational Financial Corporation) เลยก็ว่าได้ บัตรวีซ่าเป็นที่ยอมรับมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก มีเครือข่ายในการชำระเงินตามร้านค้าต่างๆ มากกว่า 29 ล้านแห่ง และยังสามารถใช้กดเงินสดจากตู้ ATM ได้มากกว่า 1.9 ล้านเครื่อง โดยบัตร VISA แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ "VISA Credit" และ "VISA Debit" ช่วยให้เราจ่ายค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ แทนการใช้เงินสดได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังให้สิทธิประโยชน์ และโปรโมชั่นต่างๆ ที่ผู้ถือบัตรวีซ่าจะได้รับอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด เงินคืน คะแนนสะสมตามร้านค้า ที่พัก หรือโรงแรมต่างๆ ที่ร่วมรายการ และนอกจากสิทธิประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ผู้ถือบัตรวีซ่ายังจะได้รับสิทธิพิเศษที่แบ่งตามระดับของบัตรฯ อีกด้วย ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 ระดับ ดังนี้
- วีซ่า คลาสสิก (VISA Classic)
สิทธิพิเศษพื้นฐานที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้
-
ความช่วยเหลือฉุกเฉินทุกแห่งทั่วโลก ตลอด 24 ชม. ทั้ง 7 วันทำการ จากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับลูกค้าวีซ่า
ดูเพิ่มเติม Click!- รับบัตรทดแทนกรณีฉุกเฉิน
- บริการเบิกถอนเงินสดฉุกเฉิน
สิทธิพิเศษพื้นฐานที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้
-
ความช่วยเหลือฉุกเฉินทุกแห่งทั่วโลก ตลอด 24 ชม. ตลอดทั้งปี จากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับลูกค้าวีซ่า
ดูเพิ่มเติม Click!- รับบัตรทดแทนกรณีฉุกเฉิน
- บริการเบิกถอนเงินสดฉุกเฉิน
-
การต้อนรับในฐานะลูกค้าคนพิเศษ พร้อมข้อเสนอพิเศษจากร้านค้า ภัตตาคาร แหล่งท่องเที่ยว และสถานบันเทองชั้นนำทั่วโลก
- วีซ่า แพลทินัม (VISA Platinum)
สิทธิพิเศษพื้นฐานที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้
- ผู้ดูแลส่วนตัวตลอด 24 ชม. สามารถทำการติดต่อผู้ช่วยส่วนตัวไม่ตลอด 24 ชม. ทั้ง 7 วันทำการ ได้ทั้งทางโทรศัพท์และทางเว็บไซต์
-
ประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง เมื่อใช้บัตรวีซ่า แพลทินัม ทำการชำระค่าเดินทาง จะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุทั้งตัวผู้ถือบัตร คู่สมรสและบุตรในวงเงินขั้นต่ำ 500,000 เหรียญสหรัฐ
- โบนัสการเดินทาง ได้รับการดูแลต้อนรับระดับ VIP และท่องเที่ยวอย่างมีสไตล์
- สะสมคะแนนแลกของรางวัล รับคะแนนสะสมพร้อมข้อเสนอพิเศษ ส่วนลดเพิ่มเติมมากมาย
-
ดูข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่นเพิ่มเติม Click! - วีซ่า ซิกเนเจอร์ (VISA Signature)
สิทธิพิเศษพื้นฐานที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้ - รางวัลพิเศษ จากคะแนนสะสม ที่สามารถนำไปแลกเป็นของรางวัลได้ในทุกไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ
- บริการผู้ดูแลส่วนตัว ที่คอยให้คำแนะนำและคำปรึกษาทั้งในเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยว ความบันเทิง ตลอดจนเรื่องของเทรนด์แฟชั่นเครื่องแต่งกายและเทคโนโลยีต่างๆ
- ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง เมื่อชำระค่าตั๋วโดยสารผ่านบัตรวีซ่า ซิกเนเจอร์ ก็จะได้รับความคุ้มครองตลอดการเดินทาง
- สิทธิพิเศษที่สนามบิน สามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองพิเศษ ณ สนามบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษต่างๆ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ
- สิทธิพิเศษจากโรงแรม จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และรับการอัปเกรดห้องพักจากโรงแรมชั้นนำระดับโลก
- สิทธิพิเศษที่สนามกอล์ฟ รับส่วนลดพิเศษในการเข้าใช้สนามกอล์ฟ ระดับพรีเมี่ยมกว่า 300 แห่งทั่วโลก
-
ดูข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่นเพิ่มเติม Click! - วีซ่า อินฟินิท (VISA Infinite)
สิทธิพิเศษพื้นฐานที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้- บริการผู้ดูแลส่วนตัว สามารถใช้บริการผู้ช่วยเหลือได้ ตลอด 24 ชม. ทั้ง 7 วันต่อสัปดาห์ ดูแลทุกไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ รวมทั้งการจองโรงแรม และตั๋วเครื่องบินได้อีกด้วย
- ประกันอุบัติเหตุจากการเดินทาง เมื่อชำระค่าตั๋วโดยสารด้วยบัตรวีซ่า อินฟินิท จะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุในวงเงินขั้นต่ำ 1,000,000 เหรียญสหรัฐ
- พักผ่อนในห้องรับรองพิเศษ ณ สนามบินทั่วโลก สามารถเข้าใช้บริการได้ตามเงื่อนไขที่แต่ละห้องพักรับรองกำหนด
-
สิทธิพิเศษที่สนามบิน จะได้รับการต้อนรับระดับ VIP ณ ห้องรับรองของสนามบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ในท่าอากาศยานทั่วทั้งเอเชีย
- ข้อเสนอพิเศษจากโรงแรม รับส่วนลดสูงสุดถึง 75% จากโรงแรมชั้นนำกว่า 55,000 แห่ง ทั่วโลก
-
ดูข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่นเพิ่มเติม Click! บัตรวีซ่า เดบิต (VISA Debit)
เมื่อทำการชำระค้าสินค้า/ บริการผ่านบัตรวีซ่า เดบิต เงินจะถูกหักออกจากบัญชีธนาคารที่ Link กับบัตรทันที โดยที่ผู้ถือบัตรนั้นสามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ที่มีเครื่องหมายวีซ่า และยังสามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ทั่วโลก ได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเบิกถอน (Charge 3%) เหมือนการกดเงินสดจากบัตรเครดิต ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย แถมยังปลอดภัยกว่าการพกเงินสดทีละเยอะๆ ไปในที่ต่างๆ อีกด้วย
ตัวอย่างบัตรวีซ่า เดบิต
บัตรมาสเตอร์การ์ด (MasterCard)
บัตร MasterCard เป็นแบรนด์บัตรเครดิตที่มาจากอเมริกาเช่นเดียวกันกับบัตรวีซ่า รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ในด้านต่างๆ ที่มีให้ผู้ถือบัตรเหมือนกัน เช่น ความคุ้มครองหรือประกันอุบัติเหตุจากการเดินทาง ส่วนลดจากร้านค้า ที่พัก โรงแรมต่างๆ สามารถนำไปใช้ชำระค่าสินค้า/ บริการได้กว่า 30 ล้านร้านค้า และกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยบัตร MasterCard แบ่งออกเป็น 3 แบบคือ
"บัตรเครดิต มาสเตอร์การ์ด",
"บัตรเดบิต มาสเตอร์การ์ด" และ
"บัตรพรีเพด" Note : ความโดดเด่นของมาสเตอร์การ์ด คือ หากเกิดกรณีที่ผู้ถือบัตรซื้อสินค้า และราคาสินค้านั้นๆ ถูกลงจากเดิมภายในระยะเวลา 60 วัน นับจากวันที่ซื้อสินค้า ทางมาสเตอร์การ์ดจะทำการคืนเงินส่วนต่างนั้นให้ แต่ถึงแม้ว่าวีซ่าจะไม่มีความคุ้มครองราคาสินค้า แต่ผู้ออกบัตรบางรายจะเพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าแทน |
บัตรเครดิต มาสเตอร์การ์ด (MasterCard Credit Card)
คุณสมบัติเช่นเดียวกันกับบัตรเครดิต วีซ่า ค่ะ นั่นก็คือ ช่วยอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอย ชำระค่าสินค้า/ บริการแทนการใช้เงินสด ช่วยให้การบริหารเงินในกระเป๋าสะดวกและมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยบัตรเครดิต มาสเตอร์การ์ด จะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้
บัตร Standard MasterCard เป็นบัตรพื้นฐานของมาสเตอร์การ์ดที่ช่วยให้การจับจ่ายใช้สอยง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านค้าต่างๆ หรือการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
สิทธิพิเศษพื้นฐานที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน MasterCard Global Service ตลอด 24 ชม. 7 วันทำการ เพื่อช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน เช่น บัตรหาย หรือบัตรถูกขโมย เป็นต้น
- เบิกถอนเงินสดล่วงหน้า (Cash Advance)
บัตร Gold MasterCard เป็นบัตรอีกหนึ่งระดับที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยได้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์จากบัตร Standard ขึ้นมาอีกระดับ
สิทธิพิเศษพื้นฐานที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้
- Roadside Assistance บริการให้ความช่วยเหลือบนท้องถนน ตลอด 24 ชม. เช่น กรณีน้ำมันหมด, รถสตาร์ทไม่ติด เปลี่ยนยาง หรือบริการลากรถ
- MasterAssist Travel Assistance Services บริการให้ความช่วยเหลือขณะท่องเที่ยว หรือกรณีหลงทาง โดยสามารถให้การช่วยเหลือโดยดูข้อมูลจากหนังสือเดินทาง, ติดต่อผ่านสถานฑูตและสถานกงสุล แม้กระทั่งจัดหาแพทย์หรือทนายความที่สามารถพูดคุยภาษาเดียวกับผู้ถือบัตรได้
บัตร Platinum MasterCard ถือว่าเป็นเครื่องหมายในการซื้อของผู้ถือบัตรระดับพรีเมี่ยมเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นบัตรที่ได้รับการยอมรับจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งยังมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมและสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายให้แก่ผู้ถือบัตรอีกด้วย
สิทธิพิเศษพื้นฐานที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้
- Lifestyle Flexibility ด้วยความกว้างขวางของบัตรฯ นี้ ทำให้ผู้ถือบัตรมีความคล่องตัวในการซื้อสินค้าทุกชนิด และยังได้รับการประกันการซื้อสินค้า หากเกิดกรณีสูญหายหรือสินค้าถูกขโมยเป็นระยะเวลา 90 วัน
- Simplified Travel ในขณะที่ผู้ถือบัตรเดินทางท่องเที่ยว หากเกิดกรณีกระเป๋าเดินทางสูญหาย หรือกรณีฉุกเฉินอื่นๆ จะได้รับการช่วยเหลือโดยทางทีมแพทย์ และทนายความ และติดต่อประสานงานไปยังสถานทูตและสถานกงสุล
- Financial Sophistication จะได้รับการช่วยเหลือทางด้านการเงิน, การจัดทำภาษี ที่จะช่วยทำให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น
- World MasterCard และ World Elite MasterCard
บัตร World MasterCard และ World Elite MasterCard เป็นบัตรระดับสูงสุดของมาสเตอร์การ์ด ถูกออกแบบมาให้เป็นได้มากกว่าคำว่าบัตร ที่จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษของชีวิตให้กับผู้ถือบัตรได้ทุกเวลา ทุกที่ ทั่วโลก
สิทธิพิเศษที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ มีดังนี้
- ประสบการณ์ด้านการบริการระดับโลก ที่มีทั้งความโดดเด่นและเป็นส่วนตัว
- Global Service มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ความช่วยเหลือ และให้คำแนะนำเรื่องการเดินทาง
บัตรเดบิต มาสเตอร์การ์ด แบ่งออกเป็น 2 บัตร ดังนี้
บัตรเดบิต มาสเตอร์การ์ดบัตรแรก คือ บัตร Maestro Card ซึ่งเป็นบัตรที่สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวาง กดถอนเงินได้ที่ตู้เอทีเอ็มกว่า 19 ล้านเครื่อง และกว่า 13 ล้านประเทศทั่วโลก นอกจากนั้นยังสามารถใช้ในการซื้อสินค้า ณ ร้านค้าต่างๆ ซื้อกองทุนผ่านตู้เอทีเอ็ม ที่มีสัญลักษณ์ Maestro และเพิ่มความปลอดภัยจากการพกพาเงินสดอีกด้วย
นอกจากนั้นยังมี บัตร Debit MasterCard ที่เป็นการรวมทั้งความสะดวกสบาย และสิทธิประโยชน์มากมายจากมาสเตอร์การ์ดเอาไว้ สามารถใช้ในการซื้อสินค้า ณ ร้านค้าต่างๆ ซื้อสินค้าออนไลน์ กดถอนเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มกว่า 1.9 ล้านเครื่อง และกว่า 33 ล้านประเทศ ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Chip และ PIN Card เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ถือบัตรได้ตลอดเวลาในการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ
บัตรพรีเพด มาสเตอร์การ์ด
บัตร Prepaid MasterCard หรือเรียกง่ายๆ ว่า "บัตรเติมเงิน" สามารถใช้ซื้อสินค้าได้ทั้งที่ร้านค้าโดยตรง การสั่งซื้อผ่านทางโทรศัพท์ หรือการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยสามารถใช้ทุกที่ที่รับ บัตร MasterCard และ บัตร Maestro และหากเกิดกรณีบัตรสูญหายหรือถูกขโมย สามารถทำการยกเลิกบัตรได้ทันทีและโอนยอดเงินคงเหลือในบัตรทั้งหมดไปไว้ในบัตรทดแทนได้
จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น จะเห็นว่าทั้งบัตร VISA และ MasterCard นั้น แทบจะมองไม่เห็นข้อแตกต่างเลยทีเดียวค่ะ เพราะทั้งเรื่องของการได้รับการยอมรับจากทั่วโลก การให้สิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์ต่างก็คล้ายกันทั้งสิ้น ฉะนั้นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต คงไม่ได้อยู่ที่ความเป็นบัตรวีซ่าหรือบัตรมาสเตอร์การ์ดแล้วล่ะค่ะ อาจจะต้องมองลึกลงไปที่สิทธิประโยชน์เฉพาะของบัตรที่แต่ละสถาบันการเงินเสนอมาให้เป็นบัตรๆ ไป และปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรเครดิตและบัตรเดบิตนั่นเองค่ะ