รู้หรือไม่? ใช้ "บัตรเครดิต" วางเงินประกันโรงแรม - รถเช่ายังไง ให้ปลอดภัย
ในการไปท่องเที่ยวนอกสถานที่ โดยไม่ต้องพกพาเงินสดไปทีละมากๆ นั้น "บัตรเครดิต" คือตัวเลือกต้นๆ ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันค่ะ เรื่องหนึ่งที่คนเข้าพักโรงแรม หรือเช่ารถ เจอกันบ่อยๆ คือ ต้องรูดบัตรเครดิตเพื่อวางเงินประกันค่าโรงแรม ที่พัก หรือบริษัทรถเช่า เป็นต้น และในบทความนี้ จะขอแนะนำข้อพึงปฏิบัติ 4 ข้อ เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการรูดบัตรเครดิตโดยโรงแรมหรือบริษัทรถเช่าค่ะ
1. สอบถามกับโรงแรมให้แน่ใจว่าเป็นแค่ "Verify บัตร" ไม่ใช่ "รูดจ่ายเลย"
ถ้าหากใครที่เคยไปพักที่โรงแรมหรูๆ สักหน่อย ตั้งแต่ 4 ดาวขึ้นไป คงเคยถูกเรียกเก็บค่าประกันความเสียหายของที่พักกันมาบ้าง และถ้าบางคนไม่สะดวกที่จะควักเงินสดมาจ่าย ก็อาจใช้บัตรเครดิตในการรูดเพื่อวางเงินประกันที่พักนั้นๆ แต่ก่อนที่จะทำการรูดบัตรฯ ควรสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตรงหน้า Counter ว่า "เป็นการ Verify Card" ใช่มั้ย? เพื่อให้แน่ใจว่าทางโรงแรมจะยังไม่ทำการรูดเพื่อตัดวงเงินในบัตรฯ เหมือนการรูดใช้จ่ายทั่วๆ ไป โดยในการรูดเพื่อวางเงินประกันนั้น หากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับที่พักหรือสิ่งของที่วางเงินประกันไว้ ผู้ถือบัตรฯ ก็จะได้รับการคืนวงเงินกลับมาในบัตรฯ เมื่อทำการ Check - Out แต่ถ้าหากในกรณีที่ทางโรงแรมไม่มีผู้รู้เกี่ยวกับการรูดแบบ Verify Card ให้ทำการสอบถามเพิ่มเติมว่ามีเครื่อง Zipzap Credit Card หรือเครื่องรูดแบบ Imprinter หรือไม่? ซึ่งจะเป็นการรูดสลิป โดยยังไม่ลงวงเงินเรียกเก็บ และเจ้าของบัตรก็ยังไม่จำเป็นต้องเซ็นสลิป ณ ตอนรูด แต่ต้องเก็บสลิป zipzap ไว้เป็นหลักฐาน เพราะทางโรงแรมอาจเรียกเก็บเงิน หากเกิดความเสียหายต่อสิ่งที่เราวางเงินประกันเอาไว้ (แต่ปัจจุบัน ในประเทศไทยไม่ค่อยนิยมใช้เครื่อง Zipzap แล้วนะคะ เพราะอาจจะเกิดการโกงได้ง่าย และได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องรูดแบบ Electronic แทน)
ตัวอย่างภาพ เครื่อง Zipzap Credit Card หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องรูดแบบ Imprinter
(ขอบคุณรูปภาพจากคุณ achitra2000 ในเว็บไซต์
pantip.com)
2. สังเกตที่ตัว Slip หลังจากรูด ต้องเขียนว่า "CARD VER"
เมื่อพนักงานทำการ Verify Card เรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งชะล่าใจ ลองตรวจสอบที่ตัว Slip บัตรเครดิต ที่ได้รับจากพนักงานดูก่อนว่า เป็นการ Verify จริงๆ ไม่ใช่การตัดเงินในบัตรเครดิต และนี่ก็คือภาพตัวอย่างของสลิปบัตรเครดิต เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่าง "การกันวงเงิน" และ "การตัดเงิน" ค่ะ
ภาพแรก คือตัวอย่างของ Slip ที่ถูกทำการกันวงเงิน (Verify Card) ค่ะ โดยจะมีจุดสังเกตตรงคำว่า "CARD VER" ซึ่งมาจากคำว่า Verify นั่นเอง ถ้า Slip ของคุณเป็นแบบนี้ ก็สบายใจได้ว่าบัตรเครดิตยังไม่ถูกตัดเงินไป
ภาพที่สอง จุดสังเกตเดียวกัน เพียงแต่คำที่ปรากฎอยู่ตรง Slip จะต่างกัน ซึ่งหากเป็นคำว่า "SALE" นั่นหมายความว่า รายการต่างๆ บน Slip ได้ถูกบันทึกลงในเครื่อง และตัดวงเงินในบัตรเรียบร้อยแล้วค่ะ
3. หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ขอ "VOID" ทันที
หากพนักงานได้ทำการรูดตัดบัตรเครดิตไปแล้ว ต้องรีบแก้ไขโดยการ "VOID" รายการออกทันที และให้ผู้รู้ที่สามารถทำการกันวงเงินเป็น มาทำให้แทน เพราะถ้าไม่รีบทำการ void รายการออก และเมื่อทางโรงแรมได้ทำการ Settlement รายการ เพื่อสรุปยอดเงิน และส่งรายการไปเรียกเก็บเงินจากสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตแล้ว จะทำให้เกิดความยุ่งยากต่อการขอเงินคืน (Refund) ในภายหลัง ซึ่งอาจใช้เวลาค่อนข้างนาน ขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของแต่ละร้านค้า หรือผู้ประกอบการค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง "void" กับ "refund"
"void" คือการยกเลิกรายการที่เกิดขึ้นไปแล้ว และพบว่ามีข้อผิดพลาด เช่น อาจรูดบัตรผิด โดยสามารถทำการยกเลิกได้ทันทีที่พบข้อผิดพลาด ก่อนที่ทางร้านค้าจะทำการสรุปยอดเงิน (Settlement) และส่งไปเรียกเก็บจากสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิต
"refund" คือการขอคืนเงินจากร้านค้าเพื่อคืนเข้าบัตรเครดิต หรือเข้าบัญชีเงินฝากของเจ้าของบัตรฯ (แล้วแต่กรณี) โดยการ refund นี้ จะทำเมื่อพบว่ามีความผิดพลาดจากการทำรายการซื้อสินค้า/ บริการ แล้วทางร้านค้านั้นๆ ทำการสรุปยอดเงิน (Settlement) และส่งไปเรียกเก็บจากสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว
4. หากจำนวนเงินไม่มากเกินไป แนะนำให้จ่ายเป็นเงินสดแทน
ถึงแม้ว่าการใช้บัตรเครดิตนั้นจะช่วยอำนวยความสะดวก โดยสามารถทำการ advance เงินไปก่อนได้ แต่ถ้าหากจำนวนเงินที่เราต้องทำการวางประกันกับทางโรงแรมนั้นไม่มากจนเกินไป และเป็นจำนวนเงินที่เราพอจะจ่ายเป็นเงินสดได้ แนะนำว่าให้จ่ายเป็นเงินสดแทนจะดีกว่า เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลายุ่งยากเท่ากับการรูดบัตรเครดิต
และนี่ก็เป็นข้อมูลดีๆ ที่ทางทีมงาน CheckRaka.com นำมาฝาก เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้บัตรเครดิตค่ะ ก็หวังว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะใช้บัตรเครดิตกันอย่างระมัดระวัง และรู้จักสังเกตสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดที่เราจะได้รับกันนะคะ