ข้อควรระวังในการฝากเงิน
อย่าฝากเงินโดยพิจารณาอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว
แม้ว่าวัตถุประสงค์หลักของการฝากเงินนั้นก็เพื่อให้ได้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยสูงที่สุดแต่ก็ไม่ควรยึดอัตราดอกเบี้ยเป็นหลักโดยไม่พิจารณาส่วนประกอบอื่นเลย ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขในการฝากและถอนเงิน ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเรียกเก็บจากบัญชี ความมั่นคงของสถาบันการเงิน ความสะดวกในการเบิกถอนหรือการใช้บริการอื่นๆ ของสถาบันการเงิน เป็นต้น
ดังนั้นก่อนฝากเงินทุกครั้งผู้ฝากก็ควรพิจารณาเรื่องเหล่านี้ประกอบและสอบถามพนักงานเกี่ยวกับเงื่อนไขในการเปิดบัญชี การฝาก-ถอนเงินและดอกเบี้ยให้เข้าใจก่อนตัดสินใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกดอกเบี้ยขั้นบันได ผู้ฝากเงินควรต้องพิจารณาถึงอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดระยะเวลาการฝากว่าเป็นเท่าใด เพราะมักจะโฆษณาเน้นกันเฉพาะดอกเบี้ยขั้นสูง ซึ่งก็คือช่วงหรือปีสุดท้ายเท่านั้น
การขายประกันชีวิต และกองทุนรวมแฝงกับการเปิดบัญชี
ปัจจุบันสถาบันการเงินต่างๆโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ได้มีการพยายามหารายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากธุรกิจหลักของธนาคาร ผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบันคือ การเป็นนายหน้าขายประกันชีวิต และกองทุนประเภทต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถขายประกันชีวิตหรือกองทุนได้ตามยอดที่กำหนด สถาบันการเงินโดยส่วนใหญ่มักจะพยายามจัดแพ็คเกจรวมประกันชีวิตหรือกองทุนรวมเข้าไปกับการฝากเงินกับธนาคารตามปกติแต่ให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าแล้วให้พนักงานเป็นผู้ขาย และจะมีการกำหนดยอดที่ต้องขายในแต่ละเดือน
ดังนั้นสิ่งที่เห็นเป็นปกติในปัจจุบันคือเวลาที่เราไปธนาคารก็จะมีพนักงานธนาคารมาพยายามขายกองทุน หรือประกันโดยบอกอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคารเป็นสิ่งจูงใจ และหลายๆครั้งก็ไม่ได้บอกข้อเท็จจริงว่าการฝากเงินในรูปแบบดังกล่าวนั้นไม่ใช่การฝากเงินตามปกติ แต่เป็นการซื้อประกันหรือกองทุนซึ่งมักจะมีเงื่อนไขและความเสี่ยงแตกต่างจากการฝากเงินในกรณีปกติ เช่นจะต้องมีการฝากเงินทุกปี หรือห้ามถอนก่อนครบกำหนด หรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่หากไม่ปฏิบัติตามก็จะไม่ได้ผลตอบแทนตามที่เราเข้าใจ
ดังนั้นจึงควรระวังและสอบถามรายละเอียด และเงื่อนไขกับพนักงานทุกครั้งที่มีการนำเสนอเงินฝาก หรือการลงทุนในลักษณะนี้ ประเด็นสำคัญคือ ต้องสอบถามให้แน่ใจว่าเป็น "การฝากเงิน" หรือ "การประกันชีวิต" เพราะสองเรื่องนี้ต่างกัน เช่น การฝากเงินจะได้รับการคุ้มครองเงินฝาก เป็นต้น
อย่าไว้ใจพนักงานธนาคารมากไป
การไว้ใจพนักงานธนาคารมากเกินไปอาจนำปัญหามาสู่ลูกค้าธนาคารไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำธุรกรรมไม่ตรงตามคำสั่ง หรือการทุจริต
ดังนั้นจึงไม่ควรไว้ใจพนักงานธนาคารมากเกินไปไม่ว่าจะสนิทสนม หรือรู้จักกันมานานขนาดไหนทั้งเรื่องการฝากสมุดบัญชีไว้กับพนักงาน การให้พนักงานเขียนสลิปรายการให้ การเซ็นชื่อในใบถอนทิ้งไว้โดยไม่ระบุยอดเงิน การโทรศัพท์แจ้งให้พนักงานทำรายการ เจ้าของบัญชีควรดูแลเงินในบัญชีของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนใบสลิปรายการ การกรอกตัวเลข ทั้งนี้ควรตรวจดูสมุดบัญชีทุกครั้งที่มีการทำรายการด้วย ถ้าเป็นรายการถอนเงินก็ควรตรวจนับเงินทุกครั้งที่ได้รับเงินมา เพราะถ้าก้าวขาออกมาจากธนาคารแล้วธนาคารจะไม่รับผิดชอบในเงินก้อนนั้น หากมีเงินแทรก เงินปลอม หรือเงินไม่ครบ บางครั้งจะไม่สามารถไปเรียกร้องเงินคืนได้ ดังนั้นควรตรวจเช็คทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าได้ทำรายการ และได้รับเงินตามที่ต้องการจริง
การรับจ้างเปิดบัญชี
ปัจจุบันมีภัยรูปแบบใหม่ที่อาจทำให้กลายเป็นผู้ต้องหาได้โดยไม่รู้ตัว โดยพวกมิจฉาชีพที่จ้างให้เราเปิดบัญชีพร้อมกับทำบัตร ATM โดยที่เราไม่ต้องจ่ายเงิน แถมยังได้เงินใช้อีก บางคนก็ได้ 500 บางคนก็ได้สูงถึง 2,000 บาท บางคนเลยคิดว่าแค่เปิดบัญชีเฉยๆ ก็ได้เงินใช้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ก็ไปเปิดให้ แต่เมื่อเปิดแล้วผลเสียที่ตามมามีมากมาย เพราะเหล่ามิจฉาชีพ จะนำชื่อบัญชี เลขที่บัญชีนั้นไปหลอกลวงคนอื่นให้โอนเงินเข้าบัญชี เช่น อาจจะเป็นการซื้อของทาง Internet เมื่อมีคนหลงเชื่อโอนเงินให้ พวกมิจฉาชีพก็จะใช้ ATM กดเงินไป แล้วไม่มีการส่งของให้จริง พอผู้ที่ถูกหลอกไม่ได้ของที่สั่งซื้อก็จะตามที่บัญชีที่โอนเงินเข้า ความเดือดร้อนก็จะมาเยือนตัวผู้เปิดบัญชีโดยไม่รู้ตัว และจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฉ้อโกง หรืออาจส่งผลให้ติด Blacklist ของธนาคาร เพราะเห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อย