นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การได้รับรางวัลจากฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวนสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนจากการขายและค่าเช่าผ่านกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายบนแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร อีกทั้งยังมีความโดดเด่นด้านการดำเนินงานตามแนวทาง ESG โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 ซึ่งเป็นแนวทางที่ขับเคลื่อนให้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เดินหน้าสู่องค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน”
การได้รับรางวัลผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรชั้นนำของประเทศไทยในครั้งนี้ ได้พิจารณาจากความสามารถในการบริหารและการวางแผนกลยุทธ์ที่สำคัญของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ดังต่อไปนี้
• การยกระดับการบริหารจัดการ FPT ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินทุน เพื่อรักษาเสถียรภาพและสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้เติบโตตามเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาฯ รายแรกของไทยที่มีธุรกิจครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ทำให้สามารถรักษาสมดุลระหว่างการสร้างรายได้จากการขาย และรายได้จากค่าเช่าและบริการได้อย่างต่อเนื่อง
• การขยายโอกาสในการประกอบธุรกิจ โดยพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สอดรับกับลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมด้วยโซลูชันการบริการซึ่งยืดหยุ่นและหลากหลายที่รองรับทุกความต้องการ
• การขยายฟุตปรินท์ผ่านการเข้าซื้อกิจการ บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมไปยังประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม ทำให้มีรายได้มั่นคงยิ่งขึ้น
นายเมลวิน เหลียง ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน กล่าวว่า “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มีความโดดเด่นในการสร้างแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยได้สร้างมาตรฐานใหม่ของการพัฒนาที่อยู่อาศัย โรงงาน-คลังสินค้า อาคารสำนักงานและพื้นที่รีเทล ควบคู่ไปกับบริการที่ยอดเยี่ยม รวมถึงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามแนวทางความยั่งยืน นอกจากนี้ FPT ยังเป็นองค์กรชั้นนำที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า พร้อมกับตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างเป็นเลิศ”
ที่ผ่านมา FPT มีการดำเนินงานที่สำคัญซึ่งช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจทั้ง 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
• กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย บริษัทฯ มีกลยุทธ์ “เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิม เติบโตบนสมรภูมิใหม่” มุ่งหน้าพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพพร้อมด้วยนวัตกรรมด้านการอยู่อาศัย โดยพัฒนาบ้าน - ทาวน์โฮมที่รองรับทุกความต้องการของตลาด และขยายตลาดไปยังกลุ่มลักชัวรี่ที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนั้น ยังนำแนวทางด้านความยั่งยืนมาใช้ในการพัฒนาโครงการ เช่น การใช้วัสดุก่อสร้างที่รักษ์โลก การใช้ระบบระบายอากาศแบบประหยัดพลังงาน การติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนั้น ได้นำแอปพลิเคชัน Home+ (โฮมพลัส) มาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและผู้อยู่อาศัย ทั้งการติดต่อสื่อสาร จองบ้าน สมัครสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย การตรวจบ้าน และการส่งเสริมการขาย รวมถึงมีแผนเพิ่มฟีเจอร์การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าและบริการสำหรับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย
• กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ในฐานะผู้นำการให้บริการโรงงาน - คลังสินค้าสมัยใหม่อันดับ 1 ของอาเซียน สามารถบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการ 3.5 ล้าน ตร.ม. ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนามได้อย่างแข็งแกร่ง โดยใช้กลยุทธ์ “เราพร้อม - เราต่าง” มีบริการโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบพร้อมใช้ (Ready-Built) แบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) และล่าสุดบริษัทฯ เตรียมส่งอาคารแบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้ (Built-to-Function) รองรับกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ที่เชี่ยวชาญสินค้า/บริการเฉพาะทาง นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้นำระบบคลาวด์ และ AI มาเสริมการให้บริการ เช่น ระบบการดูแลความปลอดภัยที่มี AI เป็นผู้ช่วยบริหารจัดการ ระบบการตรวจสอบและควบคุมจากระยะไกล การใช้โดรนในการตรวจสอบพื้นที่และดูแลสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ส่งอาคารอุตสาหกรรมเข้ารับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม LEED และ EDGE รวมแล้วกว่า 500,000 ตร.ม.
• กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม มีอาคารสำนักงานเกรดเอใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้การบริหารจัดการ 5 อาคาร ได้แก่ ปาร์คเวนเชอร์, เอฟวายไอ เซ็นเตอร์, สาทรสแควร์, สามย่านมิตรทาวน์ และสีลมเอจ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดอาคารสำนักงาน บริษัทฯ ได้ออกบริการการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานรูปแบบใหม่ Core & Flex ซึ่งผู้เช่าสามารถเลือกบริการการเช่าแบบมาตรฐาน (Core) และพื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่น (Flex) ได้ในเวลาเดียวกัน ช่วยเติมเต็มความต้องการของผู้เช่าและผู้ใช้อาคารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าและผู้ใช้บริการ โดยส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี และการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับอาคารภายใต้บริหารจัดการของบริษัทฯ ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับประเทศและระดับโลก ได้แก่ มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม LEED ในระดับ Platinum และระดับ Gold, มาตรฐานด้านความปลอดภัย BSA Building Safety Awards ระดับ Platinum และล่าสุดได้รับการรับรองมาตรฐานด้านการเชื่อมต่อทางดิจิทัลจาก WiredScore ในระดับ Platinum และระดับ Gold เป็นกลุ่มแรกในประเทศไทย