SENA เป๋าตุงกำไร Q2/63 ทะยาน 92.8% ครึ่งปีหลังจ่อเปิด 3 โครงการ ปลุกกำลังซื้อเรียลดีมานด์ชานเมือง
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการหมู่บ้านโซลาร์เซลล์เต็มรูปแบบรายแรกของไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยไตรมาส 2/2563 (เม.ย.-มิ.ย.) ว่า ในภาพรวมสำหรับงวด 3 เดือน บริษัทและบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุน มียอดโอนกรรมสิทธิ์จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และรายได้อื่นๆ รวมเท่ากับ 1,758 ล้านบาท ทำให้มียอดโอนกรรมสิทธิ์และรายได้อื่นๆ รวมเพิ่มขึ้น 694.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 65.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอด 1,064.2 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนของปี 2563 มียอดโอนกรรมสิทธิ์จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และรายได้อื่นๆ สะสมเท่ากับ 3,379.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,201.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 55.1 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอด 2,178.2 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในงวด 3 เดือน เท่ากับ 226.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.1 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 92.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในงวด 6 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 453.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 179.0 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 65.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 274.4 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2563 แบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการขายที่อยู่อาศัย (ไม่รวมบริษัทร่วมทุน) อยู่ที่ 717.9 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 54.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายโครงการแนวราบ คิดเป็นสัดส่วน 28.7% คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 123.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจาก 5 โครงการ ประกอบด้วย
และรายได้จากโครงการแนวราบในต่างจังหวัดอีก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ
บ้านบูรพา บ่อวิน (Baan Burapa Borwin), โครงการ เดอะลิฟวิ่ง นารายา ,โครงการพราวทาวน์-บ่อวิน และ โครงการเสนาวิลล์ นาดี-อุดรธานี
ส่วนรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมไตรมาส 2 /2563 (ไม่รวมบริษัทร่วมทุน) คิดเป็นสัดส่วน 71.3% อยู่ที่ 511.9 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 139.2 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 37.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่จำนวน 372.7 ล้านบาท มาจาก
และเดอะ คิทท์ ลำลูกกา - คลอง 2 ขณะที่รายได้จากค่าเช่า และ บริการในไตรมาส 2 อยู่ที่ 281.7 ล้านบาท ลดลงอยู่ที่ 208.7 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 42.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนั้นในกลุ่มธุรกิจโซลาร์มีรายได้ อยู่ที่ 10.5 ล้านบาท ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 48.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82.1% ซึ่งแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2563 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ทำให้มีการเลื่อนการติดตั้งออกไปจากที่กำหนดไว้เป็นปลายปี 2563 แทน
สำหรับการปรับแผนเปิดโครงการใหม่ของปี 2563 เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์การตลาด และกำลังซื้อในปัจจุบัน ตามแผนเดิมทางบริษัทจะเปิด 10 โครงการ รวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท ซึ่งได้มีการปรับแผนใหม่เหลือเปิด 6 โครงการ รวมมูลค่า 3,100 ล้านบาท ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 3 โครงการในช่วงไตรมาส 1 และอีก 3 โครงการที่เหลือจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 63 ประกอบด้วย
- เดอะ คิทท์ พลัส พหลโยธิน-คูคต (เฟส 2)
- เสนา วีว่า เพชรเกษม พุทธมณฑลสาย 7
- เสนา คิทท์ เทพารักษ์-บางบ่อ (JV) รวมมูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการจัดทำแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ภายใต้มาตรการ SENA Zero COVID โดยวางแผนการบริหารปรับลดค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลง และยังได้ออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคต่างๆ อาทิ แคมเปญ SENA X Shopee เป็นครั้งแรกบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
พร้อมกันนี้ยังมีแนวทางที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนให้ได้สูงสุด เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี และมีแผนที่จะพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานไปติดตั้งให้กับบ้านทุกหลัง โดยเฉพาะประเภททาวน์โฮม เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้มีรายได้ปานกลางสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีด้านพลังงาน ที่ผ่านมาได้มีการพิสูจน์ถึงความคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มีอาชีพฟรีแลนส์รับงานมาทำที่บ้านที่ต้องมีการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้กับลูกบ้านได้เป็นอย่างดี