หากพูดถึง "รถบ้าน" เชื่อว่าหลายคนคงมีความคิดที่อยากจะมีรถบ้านเป็นของตนเองสักคัน โดยเฉพาะสายแคมป์ปิ้งที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติไม่ว่าจะไปกางเต็นท์ออกแคมป์กับก๊วนเพื่อน หรือไปนอนชิลล์กับครอบครัว วันนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ "คุณบอม" ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ในการเปลี่ยน "รถตู้บ้านๆ" แบบธรรมดาให้กลายเป็น "รถบ้าน" Camping Car สำหรับครอบครัวสาย Camper โดยคุณบอมจะมาเผยทุกขั้นตอนการทำ เริ่มตั้งแต่ต้นจนกลายมาเป็นรถบ้านสุดชิลล์ ที่ใครก็สามารถทำตามกันได้ จะต้องทำอย่างไรบ้างตามไปชมกันค่ะ
1. จุดเริ่มต้นของการทำรถบ้านใช้เอง
ปกติเวลาจะชอบเที่ยวในสไตล์แคมป์ปิ้งนำเต็นท์ไปกางเอง ซึ่งการไปแต่ละครั้งก็จะมีของค่อนข้างเยอะ และสถานที่ที่เราไปกางเต็นท์นอนบางทีพื้นมันก็ไม่เรียบหรือไม่เสมอกัน ทำให้นอนไม่สบาย ก็เคยคิดอยากมีรถบ้านที่สามารถนอนในรถได้เลย บางที่ขับรถไปเที่ยวไกลๆ ก็สามารถจอดแวะพักนอนในปั๊มได้
2. หาข้อมูลจากที่ไหน?
หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะทำรถบ้าน ก็เลยเริ่มหาข้อมูลใน youtube และได้ไปเจอคนที่เค้าทำรถบ้านเอง รู้สึกว่าน่าสนใจก็เลยไปซื้อรถคันนี้มาและเริ่มทำตามเค้าเลย โดยเสิร์ชดูจากตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งมีข้อมูลเยอะมากๆ รวมถึงจะมีคนที่ทำรถบ้านเสร็จแล้วมารีวิว หรือมาแชร์ประสบการณ์ เค้าจะบอกหมดเลยว่าต้องทำอะไร ยังไง ทำที่ไหน ราคาเท่าไหร่ บอกไว้หมดทุกอย่างเลย ส่วนช่องที่ดูเป็นประจำคือช่อง youtube :
Bass camp และช่อง youtube :
น้องหล่าพาเลาะ
3. ต้องมีความรู้ในการทำรถบ้านไหม?
ส่วนตัวไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรมาก่อนเลย ดูรถก็ดูไม่เป็น แต่ตอนนั้นคืออยากได้ เลยเข้าไปในกลุ่มที่เค้าซื้อขายรถตู้มือสองกัน และก็มาเจอคันนี้ พอคนขายเอารถมาให้ดูก็ตัดสินใจซื้อเลย แต่ตอนหลังพอเรามาเรียนรู้เรื่อยๆ จึงได้รู้ว่าเราซื้อรถมาแพงกว่าราคาตลาดที่ควรจะเป็น
4. ขั้นตอนในการทำกว่าจะกลายเป็นรถบ้าน?
เลือกรถตู้ : โดยรถตู้ที่เราเลือกมาเป็นรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นหัวจรวด เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time 4 WD ที่เลือกรุ่นนี้เพราะเกาะถนนได้ดีเหมาะกับการไปแคมป์ปิ้งที่มักจะเจอกับเส้นทางที่สมบุกสมบันหน่อย ซื้อมาในราคา 80,000 บาท ซึ่งอย่างที่บอกว่าแพงกว่าราคาซื้อขายในตลาดจริง
ซ่อมรถ : เนื่องจากรถคันนี้เจ้าของเดิมเค้าไม่ได้ใช้งาน จอดทิ้งไว้เฉยๆ เป็นเวลานาน ทำให้รถมีความเสื่อมสภาพพอสมควร เลยต้องนำมาปรับปรุงและเปลี่ยนอะไหล่ค่อนข้างมากเพื่อให้มีสภาพที่ดีพร้อมกลับมาใช้งาน หากใครจะซื้อแนะนำให้ซื้อรถที่เค้าใช้งานอยู่ปัจจุบัน ดูสภาพที่ซื้อมาแล้วสามารถใช้ต่อได้เลย จะได้ไม่ต้องซ่อมเยอะ
ต่อเติมภายในรถ : หลังจากซ่อมรถเสร็จแล้วก็จะเริ่มปรับปรุงและดัดแปลงส่วนต่างๆ ภายในรถ โดยเริ่มจากรื้อพื้นเก่าออก และปูพื้นใหม่ด้วยกระเบื้องยาง
หลังจากนั้นรื้อเบาะที่นั่งเดิมออกให้เหลือไว้เพียง 2 ที่นั่ง เผื่อไว้สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่สะดวกในการนั่งพื้นราบ หรือหากใครอยากใช้งานแบบเต็มพื้นที่จะรื้อเบาะออกทั้งหมดเลยก็ได้ แล้วแต่ความชอบและลักษณะการใช้งานของแต่ละคนเลย
ทำเตียงนอน : โดยการนำเหล็กกล่องมาตัดวางเป็นฐาน และปูทับด้วยไม้อัด เวลาจะนอนก็นำเบาะที่นอนที่มีความหนานิดนึงมาปูทับลงไปอีกที แค่นี้ก็ได้ที่นอนส่วนตัวแล้ว สามารถนอน 3 คน พ่อ แม่ ลูก ได้แบบสบายๆ ยืดขาได้อย่างเต็มที่ เน้นใช้วิธีแบบง่ายๆ ประหยัดค่าใช้จ่าย อีกอย่างคืออยากจะลองทำแล้วไปทดลองขับไปเที่ยวและนอนในรถบ้านดูก่อนว่าเราชอบไหม อึดอัดหรือเปล่า ถ้าเราชอบค่อยไปจ้างเค้าทำภายในสวยๆ อีกที
เราออกแบบเตียงนอนโดยตั้งใจยกสูงจากพื้นของตัวรถเล็กน้อยเพื่อให้เหลือพื้นที่ไว้สำหรับเก็บสัมภาระ และอุปกรณ์ต่างๆ ใต้เตียง ติดม่านแบบที่สามารถรูดปิด-เปิดได้เพิ่มเข้าไป เพื่อช่วยบังสายตาและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมติดม่านบังแดดเพื่อความสวยงาม
เปลี่ยนป้ายทะเบียน : หลังจากทำรถเสร็จแล้วก็นำรถไปจดทะเบียนเปลี่ยนป้าย จากเดิม "ป้ายสีขาวตัวอักษรสีน้ำเงิน" ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง เปลี่ยนใหม่เป็น "ป้ายสีขาวตัวอักษรสีเขียว" ซึ่งหมายถึง บรรทุกส่วนบุคคล
ทดลองขับเที่ยว : หลังจากทำเสร็จทุกขั้นตอนแล้วก็ถึงเวลานำรถไปทดลองขับใช้งาน และออกทริปเที่ยวได้แล้ว
5. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดกว่าจะมาเป็นรถบ้านแคมป์ปิ้ง?
กว่าจะได้รถบ้านคันนี้มาเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปประมาณ 120,000 บาท แบ่งเป็น ค่ารถตู้ 80,000 บาท และค่าซ่อมแซม + ค่าตกแต่งอีกประมาณ 40,000 บาท
6. ปัญหาที่พบในระหว่างที่ทำรถบ้าน?
ปัญหาแรกคือ การเลือกรถ ควรมีพื้นฐานในการเลือกดูรถมือสอง หรือหากไม่มีก็ควรหาผู้ที่พอมีความรู้หรือผู้เชี่ยวชาญไปช่วยเลือกช่วยดูก่อนจะตัดสินใจ เพื่อป้องกันปัญหาซื้อรถแพงกว่าราคาตลาด เพราะถ้าเราเลือกรถที่ดีตั้งแต่แรกก็จะช่วยประหยัดต้นทุนไปได้เยอะ ทั้งต้นทุนด้านราคารถ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซ่มด้วย
7. ข้อดีของการมีรถบ้าน?
สะดวกสบายกว่าการนอนเต็นท์ เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการกางเต็นท์ สามารถจอดรถและนอนได้เลย ส่วนตอนกลับก็ไม่ต้องเสียเวลาเก็บเต็นท์ เพียงแค่เก็บของนิดหน่อยก็เสร็จแล้วสามารถขับรถออกไปได้เลย ฝนตกแดดออกก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ให้ความรู้สึกว่ามันนอนสบายและปลอดภัยกว่า
8. คำแนะนำสำหรับคนที่อยากทำรถบ้านใช้เองแต่ยังไม่กล้าทำ
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบเที่ยวแนวไหน มันใช่สไตล์ที่เราชอบไหม แต่ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องซื้อรถตู้ก็ได้ เพราะรถที่มีอยู่แล้วก็สามารถดัดแปลงเป็นรถบ้านได้เช่นกัน อย่างเช่นรถ SUV ก็เอาเบาะออก เสริมเตียงทำเป็นเบาะนอนได้ แล้วลองนำไปทดลองเที่ยวดู ถ้ารู้สึกว่ามันใช่มันตอบโจทย์ในการเที่ยวก็ค่อยมาขยับขยายหรือจะเปลี่ยนเป็นรถตู้ให้มันใหญ่ขึ้นทีหลังก็ได้
และหากกลัวว่าภายในรถบ้านจะเย็นไม่พอแนะนำให้ซื้อเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่เครื่องเล็กๆ ติดรถไว้ด้วย หากที่ไหนมีไฟฟ้าจะได้เสียบปลั๊กแล้วเปิดเครื่องปรับอากาศไปด้วย รับรองว่าจะทำให้นอนหลับอย่างเย็นสบายแน่นอน
จากบทสัมภาษณ์ของ "คุณบอม" ทำให้รู้สึกว่าการจะมีรถบ้านสักคันบางที่ก็ไม่ได้ยาก และไม่ได้แพงอย่างที่คิด เพียงแค่มีความตั้งใจจริงค่อยๆ ศึกษาและทำตามผู้ที่มีประสบการณ์จริง เราก็สามารถสร้างรถบ้านด้วยตัวเองได้เช่นกัน สำหรับสาย Camper ที่ชอบออกทริป Camping จะนำไอเดียนี้ไปทำตามก็ได้นะคะ เผื่อทริปต่อไปไม่แน่คุณอาจจะมีรถบ้านสวยๆ ไว้สำหรับพักผ่อนเป็นของตนเองก็ได้