2024 Dodge Charger Daytona มัสเซิลคาร์ไฟฟ้า เปิดราคาแล้วในสหรัฐฯ เริ่มต้นที่ 59,595 ดอลล่าร์หรือราว 2.1 ล้านบาท และคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอีก 7,500 ดอลลาร์ ทำให้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ล้านปลาย ๆ เท่านั้นสำหรับมัลเซิลคาร์ไฟฟ้าจาก Dodge ในสหรัฐฯ
Dodge Charger Daytona โมเดลปี 2024 เปิดตัวด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Charger Daytona R/T และ Charger Daytona Scat Pack
รุ่นเริ่มต้น Charger Daytona R/T ออพชันครบครัน
สำหรับรุ่นเริ่มต้น Charger Daytona R/T มาพร้อมช่วงล่าง sport suspension และล้ออลูมิเนียม 18 นิ้ว ออพชันโดดเด่น ได้แก่ ระบบอุ่นพวงมาลัยและเบาะนั่งคู่หน้า และเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
นอกจากนี้ยังมีมาตรวัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมจอ infotainment ระบบ Uconnect 5 ตรงกลางขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Apple Car Play และยังมีระบบปรับอากาศ 2 โซน, ระบบเปิดประตูบ้าน, Keyless Go และระบบเสียง Alpine ลำโพง 9 ตำแหน่ง
สำหรับระบบความปลอดภัยมาพร้อม ADAS ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เช่น ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบจัดการเลนแบบแอคทีฟ, ระบบเตือนจุดบอด และเทคโนโลยีอ่านป้ายจราจร นอกจากนี้ยังมีระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบตรวจความเหนื่อยล้าผู้ขับขี่, ระบบตรวจสอบรถด้านหลัง และระบบเตือนรอบคันเมื่อจอดรถ
เริ่มต้นก็ 456 แรงม้าแล้ว
ในรุ่นเริ่มต้นมาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 456 แรงม้า (hp) แรงบิด 547 นิวตันเมตร พร้อมฟังก์ชัน PowerShot ที่บูสท์เพิ่มกำลังจนถึง 496 แรงม้า ที่ทำงานครั้งละ 15 วินาที จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 100.5 kWh
ขุมพลังไฟฟ้าให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 4.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. สามารถขับขี่ได้ไกลสุด 510 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
Charger Scat Pack ตัวแรง เริ่ม 2.59 ล้านบาท
สำหรับอีกรุ่นจะเป็นตัวแรง Charger Scat Pack ซึ่งมีราคาเริ่มที่ 73,190 ดอลลาร์หรือราว 2.59 ล้านบาท มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสูงสุด 630 แรงม้า แรงบิด 849 นิวตันเมตร พร้อมฟังก์ชัน PowerShot ที่เพิ่มกำลังได้ถึง 670 แรงม้า (hp) ครั้งละ 15 วินาทีเช่นเดียวกัน
สิ่งนี้ทำให้รถคันนี้มีอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 3.3 วินาที และวิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ภายในเวลาเพียง 11.5 วินาที อย่างไรก็ตาม ความเร็วสูงสุดนั้นอยู่ที่ 216 กม./ชม. และให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 418 กม./ชาร์จ
ในรุ่น Scat Pack นอกจากจะแรงขึ้นแล้ว ยังเพิ่มโหมดการขับขี่, ฟังก์ชัน Line Lock และระบบ Launch Control รวมถึงมาพร้อมชุดแต่ง Track Pack เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ประกอบด้วย ล้ออลูมิเนียม 20 นิ้ว, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา, ช่วงล่างแบบปรับวาล์วคู่ และระบบเบรค Brembo พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง
สำหรับภายในของรุ่นนี้ถูกอัพเกรดให้ดีขึ้นจากรุ่นเริ่มต้น เริ่มที่เบาะ performance seats หุ้มหนังสลับหนังกลับ, ระบบอุ่นเบาะด้านหลัง, head-up display และมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 16 นิ้ว นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ Drive eXperience Recorder ซึ่งสามารถบันทึกทั้งภาพ เสียง และข้อมูลของรถได้พร้อมกัน
เพิ่มออพชันได้อีก
Charger Daytona ทั้งสองรุ่นย่อยมีออพชันเสริมให้เลือกมากมาย ประกอบด้วย Plus Group ที่เพิ่มเงิน 4,995 ดอลลาร์แล้วจะได้ความพรีเมียมเพิ่มเติม ได้แก่ เบาะนั่งคู่หน้าระบายอากาศ, การตกแต่งแดชบอร์ดและแผงประตูพรีเมียม และฝาท้ายไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีระบบไฟ “Attitude Adjustment”, Frunk, กล้อง 360 องศา และแท่นชาร์จไร้สาย พร้อมกับไฟหน้า LED แบบพรีเมียม, ไฟที่โลโก้ Dodge และอีกมากมาย
ทั้งรุ่น R/T และ Scat Pack ยังสามารถซื้อ Sun & Sound package ด้วยเงิน 2,495 ดอลลาร์ ซึ่งมาพร้อมหลังคากระจก และระบบเสียง Alpine premium ลำโพง 18 ตำแหน่ง
ในรุ่น R/T สามารถซื้อ Blacktop package เพิ่มด้วยราคา 1,095 ดอลลาร์ ซึ่งมาพร้อมโลโก้สีดำรอบคัน และล้อ 20 นิ้วสีดำ
ส่วนรุ่น Scat Pack สามารถเพิ่มแพ็คเกจเฉพาะรุ่นได้ 2 แบบ ซึ่งรวมถึง 3-Season Tire Pack ที่มาพร้อมยาง Goodyear Eagle F1 Supercar 3 แทนยางออลซีซันทั่วไป
รุ่น Scat Pack ยังเพิ่มเงินสำหรับ Carbon & Suede package เพียง 2,995 ดอลลาร์ ซึ่งจะให้ฝาครอบกระจกข้างคาร์บอนไฟเบอร์, โลโก้ดำ และล้อ 20 นิ้วสีดำ ภายในมาพร้อมเบาะหนังผสมหนังกลับ ตกแต่งภายในด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ และหนังกลับ
เริ่มจำหน่ายช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สำหรับ 2024 Dodge Charger Daytona จะมาถึงตัวแทนจำหน่ายสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เป็นต้นไป