Kia EV6 รถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายเกาหลี ทำตลาดมานานถึง 3 ปีแล้ว คราวนี้ถึงเวลาสำหรับการปรับโฉมใหม่ มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทั้งรูปลักษณ์และเทคโนโลยี รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น
ดีไซน์ไม่เปลี่ยนมาก แต่เฉียบคมมากขึ้น
Kia สามารถขาย EV6 ได้กว่า 210,000 คันทั่วโลก ด้วยดีไซน์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนอยู่แล้ว การปรับโฉมครั้งนี้จึงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาก โดยยังคงดีไซน์ด้านหน้าแบบลาด ไฟหน้าได้รับการปรับรูปทรงแบบใหม่เป็นรูปตัว C พร้อมไฟเดย์ไลท์ “Star Map” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มดาว แบบเดียวกับที่เราเห็นในรถรุ่นใหม่ ๆ อย่าง EV5
องค์ประกอบทั้งหมดเชื่อมกันด้วยแถบสีดำตรงกลาง ทำให้หน้าตาแบบ “Tiger Nose” ของ Kia กลับมาอีกครั้ง กันชนหน้าถูกออกแบบใหม่เป็นช่องดักอากาศรูปปีกนกทำให้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ขณะที่สเกิร์ตด้านข้างมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย (ในรุ่น Standard ส่วนรุ่น GT ยังใช้ดีไซน์เดิม)
ด้านท้ายเราจะเห็นไฟท้ายใหม่ในดีไซน์ “Star Map” แต่ยังใช้ไฟแบบ Light Bar เช่นเดิม กันชนท้ายดีไซน์แบบปีกนกเช่นเดียวกับด้านหน้า ในรุ่น GT-Line จะมีดีไซน์กันชนที่ต่างออกไปให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมไฟเรืองแสงที่กระจังหน้า รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว
ภายในเพิ่มเทคโนโลยีให้ครบครันมากขึ้น
สำหรับห้องโดยสารภายในไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ยังมีจอโค้งที่ประกอบด้วยหน้าจอ 12.3 นิ้ว 2 จอ แต่มีดีไซน์ที่ตั้งตรงมากขึ้น มีการเปลี่ยนวัสดุที่แดชบอร์ดใหม่ ไฟ Ambient Light แบบใหม่ แท่นชาร์จไร้สายออกแบบให้ยึดโทรศัพท์ได้ดีขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ พวงมาลัยแบบตัดหัวตัดท้ายแบบใหม่ที่นำมาจาก K4 พร้อมเซนเซอร์แบบ Capacitive Touch เพื่อทำให้เราไม่ต้องคอยจับพวงมาลัยขณะเปิดระบบการขับขี่อัตโนมัติระดับ 2
การปรับโฉมครั้งนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ คือระบบ infotainment แบบ connected car Navigation Cockpit (ccNC) รุ่นใหม่ล่าสุด ช่วยให้สามารถอัพเดทฟังก์ชันต่าง ๆ ของรถได้แบบ over the air พร้อมรองรับระบบจดจำเสียง ระบบ Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto รวมถึงระบบจดจำลายนิ้วมือและ digital key แบบใหม่
Kia EV6 ใหม่ยังมีฟังก์ชัน walk-away auto lock, พวงมาลัยปรับไฟฟ้า, head-up display ขนาด 12 นิ้ว, ระบบฆ่าเชื้อด้วยแสงสำหรับระบบปรับอากาศ, กระจกมองหลังดิจิทัล และกล้องหน้าแบบ Built-in มาให้เลย
วิ่งได้ไกลขึ้น สูงสุด 494 กม./ชาร์จ
EV6 ใหม่ ยังมีพื้นฐานแพลตฟอร์มเดียวกับ Hyundai Ioniq 5 พร้อมการปรับปรุงครั้งใหม่ด้วยแบตเตอรี่เจเนอเรชั่นที่ 4 ช่วยเพิ่มความจุจาก 77.4 kWh เป็น 84 kWh ให้ระยะทางขับขี่เพิ่มขึ้นจาก 475 กม. มาเป็น 494 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สำหรับรุ่น Long Range ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนพละกำลังยังเป็น 229 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร
ขณะเดียวกัน สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีพละกำลังสูงสุดที่ 325 แรงม้า แรงบิด 605 นิวตันเมตร และมีระยะทางขับขี่สูงสุด 461 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
โดยแบตเตอรี่เจเนอเรชั่นใหม่สามารถชาร์จจาก 10-80% ภายในเวลาเพียง 18 นาที โดยใช้ระบบ Fast Charge ที่ความเร็วสูงสุด 350 kW ซึ่งมาจากโครงสร้างไฟฟ้า 800 V นั่นเอง
ระบบต่าง ๆ ปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
สำหรับช่วงล่างของรถได้รับการปรับปรุงใหม่ รวมถึงปรับปรุงเสียงมอเตอร์ให้เงียบขึ้น และเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถัง ซึ่งเราจะเห็นได้จากเสา B ที่หนาขึ้น
ส่วนระบบความปลอดภัย EV6 ใหม่มาพร้อมระบบช่วยจอด และระบบช่วยให้อยู่ในเลน รวมถึงระบบช่วยเบรคอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ รวมถึงเพิ่มถุงลมนิรภัยตำแหน่งตรงกลางด้านหน้าและด้านข้างที่เบาะแถวหลัง เพื่อปกป้องจากการชนได้ดีขึ้น
เริ่ม 1.48 ล้านบาท ในเกาหลีใต้
ในส่วนของค่าตัวของ Kia EV6 ไมเนอร์เชนจ์ มีราคาเริ่มที่ 55.4 - 63.15 ล้านวอน (ราว 1.48 - 1.69 ล้านบาท) ในเกาหลีใต้ ซึ่งถือว่ามีราคาคงที่
สำหรับ Kia ในบ้านเรา เป็นการกลับมาทำตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง EV5 และ EV9 หากมี EV6 เข้ามาเสริมไลน์อัพอีกคันก็คงน่าสนใจไม่น้อย