เปิดตัว
Ferrari 12Cilindri สปอร์ต Grand Tourer เครื่องวางหน้า ที่ชื่อรุ่นมีความหมายตรงตัว โดย 12Cilindri มาจากภาษาอิตาลีแปลว่า 12 สูบ หมายความว่ารถคันนี้มีเครื่องยนต์ V12 หายใจธรรมดาอยู่ภายใต้ฝากระโปรงนั่นเอง
12Cilindri จะเป็นรถที่มาแทน 812 Superfast รถ Grand Tourer รุ่นก่อนหน้า และจะมาพร้อมกับตัวถังคูเป้และเปิดประทุน โดยทั้งสองตัวถังเปิดตัวไปแล้วในงานที่จัดขึ้นที่ชายหาดไมอามี่
เครื่อง V12 ที่อัพเกรดให้ดีขึ้นอีกระดับ
แม้ปัจจุบันค่ายรถต่างลดขนาดเครื่องยนต์ลงแล้ว แต่ Ferrari 12Cilindri ยังมาพร้อมขุมพลัง V12 ขนาด 6.5 ลิตร หายใจธรรมดาเหมือนรุ่นเดิม เพิ่มเติมคือสามารถลากรอบได้สูงสุดถึง 9,500 รอบ/นาที และให้กำลังสูงสุดถึง 819 แรงม้า (hp) และแรงบิด 678 นิวตันเมตร
เครื่องยนต์ V12 ได้ถูกอัพเกรดด้วยก้านสูบไทเทเนียมที่ลดการสั่นสะเทือนในการหมุนลงถึง 40% เมื่อเทียบกับก้านสูบเหล็ก Ferrari ยังใช้ลูกสูบอลูมิเนียมอัลลอยใหม่และติตั้งเพลาข้อเหวี่ยงที่ได้รับการปรับสมดุลใหม่และมีน้ำหนักเบา
เครื่องยนต์ตัวนี้ยังใช้ชุดเปิด-ปิดวาล์วแบบเดียวกับรถ F1 พร้อมกับเคลือบแบบ Diamond-Like-Carbon Coating เพื่อลดแรงเสียดทานและเพิ่มประสิทธิภาพของกลไกในเครื่องยนต์
นอกจากนี้ ฐานวาล์วและ plenum ถูกปรับปรุงให้กะทัดรัดยิ่งขึ้น กราฟของแรงบิดถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นในทุกย่านความเร็ว มีการติดตั้งซอฟท์แวร์ใหม่ ปรับแรงบิดสูงสุดให้มากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับเกียร์ที่เลือก พร้อมจับคู่กับเครื่องยนต์ขนาด 6.5 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ dual-clutch 8 สปีด
0-100 ตามสไตล์ซุปเปอร์คาร์
Ferrari กล่าวว่า 12Cilindri Coupe มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม. โดยมีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,560 กก.
ส่วนรุ่นเปิดประทุน 12Cilindri Spider จะช้ากว่าเล็กน้อย โดย 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 2.95 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 8.2 วินาที โดยมีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,620 กก.
ดีไซน์ที่แตกต่างจาก Ferrari รุ่นอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง
Ferrari 12Cilindri มีดีไซน์ที่แตกต่างจากม้าลำพองรุ่นอื่น ๆ ในปัจจุบัน ด้านหน้าทำให้เรานึกถึง 365 GTB/4 Daytona ที่บริเวณไฟหน้า ไฟเดย์ไลท์ รวมถึงการตกแต่งสีดำเงาด้านหน้าของรถ
Ferrari กล่าวว่ารถคันนี้จะมีภาษาการออกแบบที่ “ซับซ้อน” กว่า 812 Superfast โดยเน้นไปที่เส้นสายที่สะอาดตาและสัดส่วนมัดกล้ามของตัวรถ นอกจากนี้ยังออกแบบองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ลู่ลมมากขึ้นอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น มีสปอยเลอร์หลังที่จะทำงานได้ตั้งแต่ความเร็ว 60 กม./ชม. ไปจนถึง 300 กม./ชม. เพื่อเพิ่มแรงกด Downforce Ferrari ยังดีไซน์ใต้ท้องรถเพื่อให้รับน้ำหนักในแนวดิ่งได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และติดตั้งช่องอากาศบริเวณหลังล้อคู่หน้าเพื่อลดความดันภายในห้องเครื่อง พร้อมกับมี vortex generator ที่ด้านหน้ารถถึง 3 คู่เหมือนกับ 812 Competizione
ภายในให้มาถึง 3 จอ
เมื่อมาถึงภายใน เราจะพบว่า 12Cilindri มาพร้อมดีไซน์แบบ Ferrari ยุคใหม่ ๆ คือมีหน้าจอมากมาย โดยมีให้ถึง 3 จอด้วยกัน ได้แก่ จอกลางขนาด 10.25 นิ้ว, มาตรวัดดิจิทัล 15.6 นิ้ว และจอบริเวณผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 8.8 นิ้ว
พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชันตามยุคสมัย แต่ปุ่มบนพวงมาลัยนั้นเป็นแบบ Capacitive เหมือนกับ 296 GTB แต่จะต่างกันเล็กน้อย ระบบเสียงนอกจากเราจะได้ฟังเสียงเครื่องยนต์ V12 แล้ว ยังมีออพชั่นระบบเสียงจาก Burmester พร้อมลำโพง 15 ตำแหน่งมาให้เลือกด้วย
ระบบช่วยขับขี่สำหรับรถสมรรถนะสูง
รถคันนี้ยังมาพร้อมระบบ Brake-by-wire มาให้เป็นมาตรฐาน โดย Ferrari ใช้ระบบที่คล้ายกันใน SF90 Stradale และ 296 ยังมีระบบ Slide Slip Control 8.0 (SSC 8.0) ซอฟท์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเล่นโค้งและลื่นไถลได้ตามองศาที่ต้องการ
Ferrari กล่าวว่าระบบนี้ถูกปรับให้ดียิ่งขึ้นและสามารถประเมินความเกาะของยางระหว่างการเลี้ยว ทำให้เรารับรู้การยึดเกาะของรถได้แบบเรียลไทม์เลยทีเดียว
12Cilindri ยังมาพร้อมระบบบังคับเลี้ยวอิสระ 4 ล้อ เหมือนกับ 812 Competizione โดยมาพร้อมยาง Michelin Pilot Sport S5 หรือ Goodyear Eagle F1 Supersport มาให้จากโรงงาน โดยมีขนาด 275/35 ZR21 ที่ด้านหน้า และ 315/35 ZR21 ที่ด้านหลัง นอกจากนี้ 12Cilindri ยังมีฐานล้อสั้นกว่า 812 ถึง 20 มม. และแบ่งสัดส่วนน้ำหนัก หน้า-หลังอยู่ที่ 48.4 : 51.6
เริ่ม 15.6 ล้านบาทเท่านั้น
Ferrari 12 Cilindri Coupe มีราคาเริ่มต้นที่ 395,000 ยูโรหรือ 15.6 ล้านบาท ส่วนรุ่น Spider จะเริ่มที่ 435,000 ยูโรหรือราว 17.2 ล้านบาทในอิตาลี