Toyota Tacoma โมเดลปี 2024 เปิดตัวที่สหรัฐฯ เมื่อกลางปีที่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจของรถคันนี้คือมีทั้งเครื่องยนต์สันดาปและไฮบริด โดยมีการเปิดราคารุ่นน้ำมันเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมถึงรุ่นไฮบริดที่เปิดราคาเมื่อไม่กี่วันมานี้
2024 Toyota Tacoma เปิดตัวด้วยราคา 31,500 ดอลล่าร์หรือราว 1.164 ล้านบาทในรุ่นเครื่องยนต์น้ำมันล้วน และเริ่มที่ 47,795 ดอลล่าร์หรือราว 1.766 ล้านบาทสำหรับรุ่นไฮบริด
Toyota Tacoma เป็นกระบะขนาดกลาง เทียบเท่ากับ
Hilux Revo ในบ้านเรา โดยในรุ่นใหม่จะมีหน้าตาแบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Tundra ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ มาชมสเปคและหน้าตาของรถคันนี้ดีกว่าว่าจะน่าสนใจแค่ไหน
รุ่นย่อย 2024 Toyota Tacoma
- SR
- SR5
- TRD Sport
- TRD Off-Road
- Limited
- Trailhunter
- TRD Pro
ดีไซน์ด้านหน้าแบบดุดัน
Tacoma ใหม่ถูกออกแบบและพัฒนาในสหรัฐอเมริกา ภายใต้ธีม “Badass Adventure Machine” หากอธิบายง่ายก็คงเป็น Tundra ย่อส่วนนั่นเอง
แต่สิ่งที่ Tacoma ใหม่ต่างกับกระบะรุ่นใหญ่มีเพียงกระจังหน้าที่เล็กกว่าและไฟหน้าที่เพรียวบางกว่าเท่านั้น นอกจากนั้นในด้านดีไซน์ก็ยังเป็นกระบะที่ดุดันสไตล์อเมริกันเช่นเดียวกัน
Tacoma ใหม่ยังมาพร้อมหลังคาที่พร้อมสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงสปอยเลอร์บริเวณกระจกหลังของรถ หลังคาของรถยังมี “ห่วงยึดในตัว” ทำให้สามารถติดตั้งแร็คหลังคาได้ง่ายขึ้น กันชนท้ายก็เข้ากับรถได้ดี
สำหรับ Tacoma ใหม่นั้นมาพร้อมรุ่นย่อยที่หลากหลาย และ Sheldon Brown หัวหน้าวิศวกรพัฒนา Tacoma กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะให้การแยกคุณลักษณะระหว่างรุ่นย่อยให้ดียิ่งขึ้น”
ออพชั่นภายนอกให้มาอย่างครบครัน โดยมาพร้อมไฟหน้า-หลัง LED ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ล้ออัลลอยเริ่มที่ล้อกระทะ 17 นิ้ว ไปจนถึงล้ออัลลอย 18 นิ้ว ในรุ่นย่อยต่าง ๆ ก็มีออพชั่นที่ต่างกัน เช่น รุ่น TRD PreRunner จะมีความสูงที่มากขึ้นพร้อยาง All Terrain, รุ่น TRD Off-Road มาพร้อมยางออฟโรด 33 นิ้ว ส่วนรุ่น Limited จะตกแต่งแบบหรูหราด้วยโครเมียม และมี “ไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์”
Tacoma SR
Tacoma Limited
หนึ่งในสาเหตุที่ราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูง เนื่องจาก Toyota จะขายเริ่มที่รุ่น XtraCab ซึ่งเป็นรุ่น 2 ประตูมีแคป และรุ่น 4 ประตู Crew Cab ยังมาพร้อมกระบะให้เลือกทั้ง 5 และ 6 ฟุต
นอกจากนี้ Tacoma ใหม่ยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง ฝาท้ายกระบะอลูมิเนียมพร้อมระบบไฟฟ้าและระบบป้องกันการหนีบอีกด้วย รวมถึงมีออพชันอื่น ๆ ที่ต่างจากกระบะในบ้านเรา
ภายในได้จากรุ่นพี่
สำหรับห้องโดยสารของ Tacoma ใหม่นั้นมีดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นก่อนและรุ่นพี่อย่าง Tundra เจเนอเรชั่นล่าสุด
เมื่อเข้ามาข้างในเราจะเห็นพวงมาลัยดีไซน์ใหม่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล เริ่มที่ขนาด 7 นิ้ว และในรุ่นที่สูงขึ้นจะเป็น 12.3 นิ้ว หน้าจอ infotainment ตรงกลางจะมีที่ 8 นิ้ว และ 14 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย พร้อมระบบเสียง Toyota Audio Multimedia สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple Carplay และ Android auto รวมถึงมีออพชั่นน่าสนใจอย่าง แท่นชาร์จไร้สาย และช่อง USB-C มาให้ด้วย
นอกจากเรื่องเทคโนโลยีแล้ว แดชบอร์ดของ Tacoma ใหม่ยังมีที่เก็บของมากขึ้น เริ่มที่บริเวณผู้โดยสารด้านหน้าที่มีที่วางโทรศัพท์ แผงประตูและคอนโซลกลางตกแต่งมีแผงพลาสติกที่ดูทนทาน โดย Toyota ตั้งเป้าหมายให้รถกระบะมีพื้นที่เก็บของมากขึ้น โดยพื้นที่เก็บของใต้เบาะหลังจะมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า และเบาะหลังยังสามารถพับลงเพื่อบรรทุกสัมภาระชิ้นใหญ่ได้
นอกจากนี้ สัมผัสของวัสดุในห้องโดยสารจะเป็นยาง ๆ เสียส่วนใหญ่ ที่เก็บของด้านคนขับจะมี QR code ที่เชื่อมไปยังเว็บไซต์ซึ่งสามารถเรียนรู้ “ดีไซน์การการพิมพ์ 3 มิติอุปกรณ์เสริมด้วยตัวเอง เช่น โคมไฟ เครื่องมืออเนกประสงค์ และชุดเครื่องมือต่าง ๆ”
ออพชั่นอื่น ๆ ที่โดดเด่น ได้แก่ ระบบ Head-up Display เบาะนั่งคู่หน้ามีระบบอุ่น/เป่าลม กระจกมองหลังฉายภาพจากกล้องมองหลังได้ และมูนรูฟ
สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ ในรุ่น Limited จะมาพร้อมระบบเสียง JBL ลำโพง 10 ตำแหน่ง พร้อมลำโพง Bluetooth ที่มีช่องเก็บในคอนโซลรถโดยเฉพาะ และเอาออกมาใช้งานนอกรถได้ เช่น ในงานปาร์ตี้ ตั้งแคมป์ต่าง ๆ โดยสามารถใช้งานโหมดบลูทูธได้สูงสุด 6 ชม. และกันน้ำได้ลึกถึง 3 ฟุต (914 มม.) เลยทีเดียว
ครั้งแรกที่ Tacoma มีเครื่องยนต์ไฮบริด
2024 Toyota Tacoma มาพร้อมเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งหมด 2 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ i-FORCE เครื่องยนต์สันดาปล้วน และ i-FORCE MAX เครื่องยนต์ไฮบริด
- ในรุ่นเริ่มต้นจะเริ่มที่เครื่องยนต์ i-FORCE 4 สูบ 2.4 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 228 แรงม้า แรงบิด 329 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
- ในรุ่นถัดมาจะเป็นเครื่องยนต์ i-FORCE 4 สูบ 2.4 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 270 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
- หากจับคู่เกียร์อัตโนมัติเรี่ยวแรงจะต่างกันเล็กน้อยด้วยเครื่องยนต์ i-FORCE 4 สูบ 2.4 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 278 แรงม้า แรงบิด 429 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
สำหรับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดนั้นมาพร้อมระบบ Rev Matching อัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันเครื่องดับ ส่วนเกียร์อัตโนมัติ Toyota ระบุว่าเป็นของใหม่หมด
สิ่งที่น่าสนใจคือ Tacoma เจนเนอเรชั่นนี้มาพร้อมเครื่องไฮบริด i-FORCE MAX แล้ว
- เครื่องยนต์ไฮบริด i-FORCE MAX ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตรเทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จับคู่กับแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ขนาด 1.87 kWh จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดสามารถรีดกำลังสูงสุดที่ 326 แรงม้า แรงบิด 630 นิวตันเมตร
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ถือว่าดีกว่าเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตรเดิมอย่างมากในแง่ของกำลัง โดยเครื่องยนต์ i-FORCE MAX จะมีในรุ่นย่อย Tacoma TRD Pro และ Trailhunter เป็นมาตรฐาน ส่วนในรุ่น TRD Sport, TRD Off-Road, และ Limited ก็สามารถเลือกเป็นออพชั่นได้เช่นกัน
ระบบขับเคลื่อนของ Tacoma ใหม่จะให้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมเฟืองท้ายลิมิเตดสลิปมาให้เป็นมาตรฐาน ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะมาพร้อม transfer case 2 สปีด, active traction control เพิ่มขึ้นมา
ในรุ่นย่อย Limited พร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด i-FORCE MAX จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full Time และ center locking differential ส่วนในรุ่นสายลุยอย่าง TRD PreRunner, TRD Off-Road, TRD Pro, และ Trailhunter จะมีล็อคเฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์มาให้ด้วย
แพลทฟอร์ม TNGA-F สำหรับสายลุย
แม้ Toyota Tacoma ใหม่จะเป็นปิ๊คอัพขนาดกลางเหมือน Hilux Revo แต่ก็ไม่ได้ใช้พื้นฐานแพลทฟอร์มเดียวกัน โดย Tacoma ใหม่อยู่บนพื้นฐานแพลทฟอร์ม TNGA-F ซึ่งใช้ร่วมกับรุ่นพี่อย่าง Tundra และ Sequoia
แพลทฟอร์มนี้ประกอบด้วยแชสซีแบบขั้นบันไดที่มีการเชื่อมด้วยเลเซอร์ มีคานเสริมความแข็งแกร่ง และคานหน้าแบบใหม่ทั้งหมดสำหรับกระปุกพวงมาลัย ที่นอกจากจะเพิ่มความแข็งแกร่งแล้ว ยังช่วยเรื่องการขับขี่ให้ดีขึ้นด้วย
สำหรับช่วงล่างด้านหลังของรถ ในรุ่น SR, SR5 XtraCab, และ TRD PreRunner จะเป็นแหนบแบบทั่วไป ส่วนในรุ่นที่สูงขึ้นไปจะมีช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงค์ ที่ช่วยให้การควบคุมรถดีขึ้นและขับขี่ได้สะดวกสบายขึ้น
Toyota กล่าวว่า ช่วงล่างของรถ “ถูกปรับแต่งมาโดยเฉพาะแต่ละรุ่น” เช่น ในรุ่น TRD Sport จะใช้โช้คอัพแบบสปอร์ตที่ตอบสนองได้ดีกว่า ส่วนรุ่น TRD Off-Road มาพร้อมโช้คอัพน้ำมันโมโนทูปจาก Bilstein “เพื่อการเดินทางของล้อที่ไกลขึ้นและการกระจายความร้อนที่มากขึ้น” และในรุ่น Limited จะเป็นช่วงล่างแบบแปรผัน Adaptive Variable Suspension ที่ปรับตามสภาพถนน
Tacoma ใหม่ทุกรุ่นมาพร้อมดิสก์เบรค 4 ล้อเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยดรัมเบรคหลังถูกยกเลิกไปตั้งแต่ยุค 80 แล้วสำหรับรถรุ่นนี้ รวมถึงใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้ “ผสมผสานฟีเจอร์ความสะดวกสบายและความปลอดภัยต่าง ๆ เพิ่มเติม”
สำหรับช่วงล่างด้านหน้ามาพร้อมเหล็กกันโคลงที่แยกอิสระซ้าย-ขวาในรุ่นย่อยสายลุย และสามารถแยกเหล็กกันโคลงให้เป็นอิสระด้วยปุ่มในรถเพียงปุ่มเดียว โดย Toyota กล่าวว่าสิ่งนี้จะช่วยข้อต่อต่าง ๆ ถึง 10% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
สำหรับระบบควบคุมการออฟโรดนั้นมาพร้อมระบบ Downhill Assist Control, Multi-Terrain Monitor และ Multi-Terrain Select ที่ทำงานได้ทั้งในโหมด 4WD High และ 4WD Low รวมถึงฟังก์ชัน CRAWL Control ปรับปรุงใหม่ที่ “เงียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0
2024 Toyota Tacoma มาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น เช่น
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติทุกย่านความเร็ว Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control (Adaptive Cruise Control)
- ระบบช่วยให้อยู่ในเลน Lane Tracing Assist (Lane Centering)
- ระบบป้องกันการชนพร้อมตรวจจับคนเดินถนน Pre-Collision System with Pedestrian Detection
- ระบบไฟหน้า Automatic High Beam
- ระบบ Road Sign Assist
- ระบบช่วยขับขี่ Proactive Driving Assist
ลากจูงได้สูงสุด 6,500 ปอนด์
Toyota Tacoma ใหม่มาพร้อมแรงลากจูงมหาศาล ในรุ่นเครื่องยนต์ i-FORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีความสามารถในการลากจูงถึง 6,500 ปอนด์หรือ 2,948 กก. เลยทีเดียว ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด i-FORCE Max มีความสามารถในการลากจูงที่ 6,000 ปอนด์หรือ 2,722 กก.
นอกจากนี้ Tacoma ยังใส่เทคโนโลยีสำหรับการลากจูงมาให้อย่างครบครัน เช่น Trailer Brake Controller และ Trailer Back Up Guidance รวมถึงระบบ Straight Path Assist ที่ช่วยให้รถที่กำลังลากจูงสามารถถอยเป็นเส้นตรงได้อย่างง่ายดาย
ส่วนน้ำหนักบรรทุก ใน Tacoma TRD Off-Road มีความสามารถในการบรรทุกสูงสุดที่ 775 กก.
หาก Hilux Revo หน้าตาแบบนี้ก็คงจะดี
2024 Toyota Tacoma มาพร้อมหน้าตาที่ดุดันมากขึ้น พร้อมแพลทฟอร์ม TNGA และเครื่องยนต์บล็อคใหม่ขุมพลังไฮบริดที่ให้ความประหยัดมากขึ้น หากมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจแบบนี้ใน Hilux Revo บ้านเรา ก็คงจะดีไม่น้อย